วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2564

คุณพ่อสะละฟีย์เองมิใช่หรือที่กล่าวหาว่าเราทิ้งฟัตวาชาวสุนนะฮไปเอาฟัตวาชาวบิดอะฮ

 คุณพ่อสะละฟีย์เองมิใช่หรือที่กล่าวหาว่าเราทิ้งฟัตวาชาวสุนนะฮไปเอาฟัตวาชาวบิดอะฮ

เจ้าพ่อสะละฟีย์ซิแย อ้างและกล่าวหาว่า
ใยบิดความกันละพ่อ
ใครเขาว่า "ละหมาดญะมาอะห์แบบยืนชิด" เป็นแนวคิดของตะรีกัตและอิควาน
ฉันมิได้พูดแบบนั้นสักหน่อย พ่อไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่
พ่อและพวกพูดเองมิใช่หรือว่า "การยืนห่างเป็นบิดอะห์" แม้ในภาวะไม่ปกติ แล้วพ่อเองมิใช่หรือที่อ้างฟัตวาจากฟะรีด อัลบาญี,ฮาเก่า อัลมุฏอยรี่ และซัลมาน เอาดะห์
การตัดสินแบบนี้แหละที่ฉันว่ามาจากต่อรีกัต,ค่อวาริจญ์และอิควาน
แล้วพ่อเองมิใช่หรือที่ยกคำพูดของชัยคุ้ลอิสลามอิบนุตัยมียะห์มาอ้างว่าแม้จะพวกไหนถ้าถูกก็ยึดเอามาได้
@@@@@
ชี้แจง
1. เพราะเองไม่ใช่หรือที่กล่าวหาว่า เราทิ้งฟัตวาปราชญ์ซุนนะฮไปเอาฟัตวา ซูฟียฏอรีกัตและฟัตวา เคาะวาริจญ์ร่วมสมัย
เราตอบไว้ชัดเจนแล้วแต่เองอคติใจบอดตาบอด เพราะเรากล่าวว่า
1.1 ความถูกต้องไม่ได้พิจารณาที่ตัวคนแต่พิจารณา ที่หลักฐานที่ตรงกับอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ โดยเราอ้างคำพูดอิบนุตัยมียะฮว่า
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ)กล่าวว่า
والصواب: إنما هو الإقرار بما فيها وفي غيرها من موافقة الكتاب والسنة، والإنكار لما فيها وفي غيرها من مخالفة الكتاب والسنة….
.
และที่ถูกต้อง คือ แท้จริง คือการยอมรับ ด้วยสิ่งที่ในมัน (ในแนวทางของพวกเขาและคำพูดของพวกเขา (พวกซูฟีฏอรีกัต) และ ในอื่นจากมัน จากสิ่งที่สอดคล้องกับอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ และปฏิเสธ สิ่งที่ ในมัน( ในแนวทางของซูฟีย์ฏอรีกัต)และในอื่นจากมัน จากสิ่งที่ขัดแย้งกับอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ-มัจญมัวอัลฟะตาวา 10/82
..............
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่าที่ถูกต้องให้ยอมรับ พวกแนวคิดซูฟีย์และอื่นจากซูฟีย์ จากสิ่งที่สอดคล้องกับอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ และปฏิเสธสิ่งที่ไม่ตรงกับอัลกิตาบและอัสุนนะฮ
1.2 ระหว่างฟัตวาปราชญ์ของเอง กับปราชญ์เคาะวาริจญ์ที่เองกล่าวหา ใครมีหลักฐานตรงตามสุนนะฮมากกว่ากัน ใหนลองยกมาซิ
1.3 เองไม่ใช่หรือ ที่ท้าให้หาหลักฐาน ว่ามีไหมอิบนุตัยมียะฮ เอาฟัตวาจากอะฮลุลบิดอะฮ
และข้านี่แหละตอบว่า " แม้จะไม่มีหลักฐานการกระทำ แต่คำพูดชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ ห้ามไม่ให้ปฏิเสธความจริงแม้จะมาจาก พวกซูฟีฏอรีกัตและพวกอื่นๆ เช่น
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่า
الذي عليه أئمه الإسلام: أنَّ ما كان مشروعاً لم يُترك لمجرد فعل أهل البدع: لا الرافضة ولا غيرهم
ที่บรรดาอิหม่ามแห่งอิสลาม ดำเนินอยู่บนมันคือ แท้จริง สิ่งใดก็ตามที่มันเป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้ มันจะไม่ถูกละทิ้ง เพียงเพราะการปฏิบัติของชาวบิดอะฮ ไม่ว่าจะรอฟิเฎาะฮ และไม่ว่าจะอื่นจากพวกเขา -มินฮาจญอัสสุนนะฮ 4/149
.......
หลักฐานทางศาสนาบัญญัติ มันจะไม่ถูกทิ้ง เพียงเพราะฮ ชาวบิดอะฮนำมาปฏิบัติ ก็คนที่เองกล่าวว่าเป็นชาวบิดอะฮ เข้าอ้างให้ยืนชิดในแถวโดยเขาอ้างหลักฐานไม่ใช่หรือ อคติจนตาบอดหรือเปล่า?ที่นสะลาฟีย์
1.4 เองไม่ใช่หรือว่า เอาหลักฐานยามปกติมาอ้าง ?
ฉันเคยถามว่า แล้วหลักฐานจริงในยามไม่ปกติอยู่ใหน ? คำตอบคือ เองไปเอาหลักฐานเรื่องทำสงครามมาบิด ใช่หรือไม่
1.5 เองไม่ใช่หรือ สะละฟีย์สิแย ที่อ้างว่า ปกป้องปราชญ์ซาอุดีย์
เราจึงตอบเองว่า ทำไม่ไม่เอาหลักฐานจากปราชญ์มาอธิบายและโต้แย้ง แต่เองกลับเอาตัวรอดให้เขียนจดหมายไปเถียงปราชญ์ ? มันน่าสมเพทใหมท่านอาจารย์สะละฟีย์ มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวรอด
ไปอ่านพบมาว่า ส่วนหนึ่งมารยาทของการแสวงหาสัจธรรมคือ
قابلية الرجوع إلى الحق إذا ظهر على يد المخالف
การพร้อมที่จะรับการกลับไปสู่ความจริง เมื่อความจริงนั้นอยู่ในมือของผู้ที่ขัดแย้ง
แค่เอง ตั้งเป้าว่าจะขัดแย้ง คนที่เป็นคู่ขัดแย้งของเองมิใช่หรือ ถ้าเขาอยู่ด้านขวาเองก็จะอยู่ด้านซ้ายเพื่อให้เป็นคู่ขนาน
ขอบอกว่าถ้าเองไม่หยุดแถและกล่าวหาแต่ไม่เอาหลักฐานจากอัสสุนนะฮและสะลัฟมายืนยัน เองจะถูกตอบโต้ ตาต่อตาฟันต่อฟัน
ท่านนบีﷺกล่าวต่อว่า :
الْكِبْرُ بَطَرُ الْحَقِّ، وَغَمْطُ النَّاسِ.
“ส่วนความหยิ่งยะโสจองหองนั้น คือการดูถูกสัจธรรมเเละเหยียดหยามเพื่อนมนุษย์”
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/3/64
อาจเป็นรูปภาพของ ‎หนึ่งคนขึ้นไป และ‎ข้อความพูดว่า "‎قال رسول الله صلى الله عليه وسلم الك الكبر بطر الحق وغمط الناس رواه مسلم SUMJM فت M‎"‎‎



ความคิดเห็น 0 รายการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น