วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2564

ผมยกคำพูดอิบนุตัยมียะฮมาสนับสนุนให้ยึดหลักฐานครับท่าน ไม่ใช่ให้รับรองชาวบิดอะฮ

 ผมยกคำพูดอิบนุตัยมียะฮมาสนับสนุนให้ยึดหลักฐานครับท่าน ไม่ใช่ให้รับรองชาวบิดอะฮ

ท่านสะละฟีย์ซิแย โต้แย้งว่า
ประเด็นมันกระเด็น
เมื่อมันกระเด็นไป ก็ขออนุญาตตามไปเก็บกลับมาหน่อยนะครับ
ความเที่ยงธรรมของชัยดุลอิสลามอิบนุตัยมียะห์ ไม่เป็นที่สงสัยในหมู่ซุนนะห์แน่นอน อันนี้ข้อแรก
ข้อสองคือกรณีหยิบยกคำพูดท่านมายืนยันการรับฟัตวาของพวกบิดอะห์ อันนี้ดูจะคลาดเคลื่อนไปไกลเลยทีเดียวนะพ่อ
เพราะการที่กลุ่มอื่นๆ พูดถูกพูดจริงแน่นอนเราจะปฏิเสธไม่ได้ด้วยเห็นว่าเป็นคนละพวกกัน นั่นมันเรื่องของอารมณ์ที่น่ารังเกียจยิ่ง
@@@@
ชี้แจง
เมื่อจะอยู่คนละขั่วกับคู่กรณี ก็ดิ้นกันไปให้สุดซอย ถอยไม่ได้ แปลก...ตอนแรกรณรงค์ให้ชาวบ้านตามผู้นำให้กักตัวอยู่ที่บ้านอ้างหลักฐานเป็นกระบุง พอคู่กรณีประกาศว่าการยืนห่างเป็นบิดอะฮ พ่อแกกระโดดมาเป็นฝ่ายตรงข้ามทันที
เที่ยวขี่ม้าเลียบค่ายมาเป็นปีๆ แต่ไม่แสดงหลักฐานสักที นะพ่อจ๋า..!!!
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) ท่านบอกไว้ชัดเจนว่า
والله قد أمرنا ألا نقول عليه إلا الحق وألا نقول عليه إلا بعلم وأمرنا بالعدل والقسط
และอัลลอฮทรงสั่งเราไม่ให้เรากล่าว นอกจากความจริง และไม่ให้เรากล่าว นอกจากด้วยความรู้ และทรงสั่งเราให้มีความยุติธรรม และ มีความเท่าเทียม
فلا يجوز لنا إذا قال يهودي أو نصراني فضلا عن الرافضي قولا فيه حق أن نتركه أو نرده كله بل لا نرد إلا ما فيه من الباطل دون ما فيه من الحق
เมื่อยะฮูดีหรือ นะศอรอ ,โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรอฟิฎีย์(ชีอะฮ) พูดคำพูดใดๆ ที่ในคำพูดนั้นคือความจริง ก็ไม่อนุญาต ให้เราทิ้งมัน หรือ ปฏิเสธมันทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น เราจะไม่ปฏิเสธ นอกจากสิ่งที่มาจากความเท็จอยู่ในมัน อื่นจากสิ่งที่มาจากความจริงที่อยู่ในมัน- ดูมินฮาจญอัสสุนนะฮ 2/199
.............
สรุปว่าอิบนุตัยมียะฮ สอนไม่ให้ยอมรับความจริงไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม คำว่าความจริงคือ สิ่งทีตรงกับหลักฐาน
ด้วยที่ใช้ตรรกอ้างว่า ให้ยกตัวอย่างที่อิบนุตัยมียะฮ เอาฟัตวา อะฮลุลบิดอะฮ ? มันน่าขำ เราพูดถึงการยอมรับคำพูดที่ตรงตามตัวบทหลักฐาน จึงขอถามกลับไปว่า มีไหม อิบนุตัยมียะฮยึดฟัตวาที่ใช้ความเห็น ตอบหน่อยซิพ่อสะละฟีย์ซิแย
อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) กล่าวว่า
الذي عليه أئمه الإسلام: أنَّ ما كان مشروعاً لم يُترك لمجرد فعل أهل البدع: لا الرافضة ولا غيرهم
ที่บรรดาอิหม่ามแห่งอิสลาม ดำเนินอยู่บนมันคือ แท้จริง สิ่งใดก็ตามที่มันเป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้ มันจะไม่ถูกละทิ้ง เพียงเพราะการปฏิบัติของชาวบิดอะฮ ไม่ว่าจะรอฟิเฎาะฮ และไม่ว่าจะอื่นจากพวกเขา -มินฮาจญอัสสุนนะฮ 4/149
................
การยืนเรียงชิดในแถว ละหมาดญะมาอะฮ เป็นสิ่งที่เป็นศาสนบัญญัติไว้ เมื่อ ฟาริด อัลบาญีย์ที่เป็นซุฟีย์ อ้างให้ยืดชิดและดร.หากีม อัลมุฏ็ยรี ที่ท่านพ่อบอกว่าเขาเป็นเคาะวาริจญ อ้างให้ยืนชิด ต่อต้านการยืนห่าง แสดงว่า หะดิษที่เป็นศาสนบัญญัติยืนชิด ต้องละทิ้งหรือครับ พ่อสะละฟีย์สิแย เพราะท่านว่าคนชั่วเอามาอ้าง?
อิบนุตัยมียะฮ สอนว่า
.لكن معلوم وجوب تقديم النص على الرأي، والشرع على الهوى، فالأصل الذي افترق عليه المؤمنون بالرسل والمخالفون: تقديم نصوصهم على الآراء، وشرعهم على الأهواء
แต่ว่าเป็นที่รู้กัน คือ จำเป็นต้องให้ตัวบท มาก่อนความคิดเห็น และศาสนบัญญัติ มาก่อนอารมณ์ และที่มา ซึ่ง บรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่ขัดแย้ง แยกจากกัน ด้วยบรรดารอซูล คือ การที่พวกเขา(บรรดาผู้ศรัทธา) ให้บรรดาตัวบทของพวกเขา(ตัวบทคำสอนบรรดารอซูล)มาก่อน บรรดาความคิดเห็น และบทบัญญัญของพวกเขา มาก่อนอารมณ์ -มินฮาจญอัสสุนนะฮ 8/411
.............
ปัญหาที่แต่กต่างระหว่างเรากับท่านสะละฟีย์ซิแยและสาวก ตอนนี้ที่ทำให้แยกกัน ก็เพราะ ท่านสะละฟีย์สิแยหันมาเอาความคิดเห็น มาก่อนตัวบทหลักฐานจากรอซูล คือ การยืนชิดในแถวละหมาด ตามสุนนะฮรอซูลไม่ใช่ห่าง 1.5และ 2 เมตร ตามองค์กรอนามัยโลกและความคิดเห็น
อะสัน หมัดอะดั้ม
24/3/64
อาจเป็นรูปภาพของ หนึ่งคนขึ้นไป
ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
แชร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น