ชี้แจงกรณีสะละฟีย์ชิแยโจมตีคนบรรยายศาสนารับเงิน
ขอยอมรับว่าผมคนหนึ่งที่บรรยายรับเงินเพราะน้ำเยี่ยวผมไม่ได้วิเศษถึงขนาดใช้แทนน้ำมันรถได้ ต่างกับน้ำเยี่ยวซะละฟีย์บางจำพวกที่ใช้แทนน้ำมันรถได้
ขอชี้แจงทางวิชาการดั่งนี้
การเรียนวิชา ศาสนา และการสอนวิชาศาสนา เป็นเรื่องศาสนา และเป็นหน้าที่ทุกคนต้องเรียน และผู้มีความมรู้ต้องสอน
ส่วนรูปแบบการจัดการเรียนการสอน นั้น เป็นกลยุทธหรือ วิธีการ นั้น หลากหลาย โรงเรียน หนังสือ ปากกา ดินสอ กระดานบอร์ด โปรเจ็คเตอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นเรื่ิองดุนยา ที่เรานำมาเป็นสื่อ ช่วยการเรียนการสอนซึ่งเป็นศาสนา ให้มีประสิทธิภาพ
ส่วนเรื่องเอาค่าจ้างในการสอนนั้น ไม่ผิด เพราะคนสอนไม่ใช่มลาอิกะฮ ต้องกินต้องดื่ม และเลี้ยงครอบครัว
ท่านนบี กล่าวว่า
إنَّ أَحَقَّ مَا أَخَذْتم عَلَيْهِ أَجْراَ كِتَاب الله
แท้จริงสิ่งที่พวกท่านสมควรจะเอาค่าตอบแทนคือ คัมภีร์ของอัลลอฮ
لا خلاف بين الفقهاء في جواز أخذ الرِّزق من بيت المال على تعليم القرآن ، وتدريس علم نافع
ไม่มีการขัดแย้งระหว่างนักกฎหมายอิสลาม ในการอนุญาตให้เอาริชกี(ปัจจัยยังชีพ)จากบัยตุลมาล เป็นค่าสอนอัลกุรอ่านและการเรียนวิชาที่มีประโยชน์ –เมาสูอฺอัลฟิกฮียะฮ เล่ม 13 หน้า 14
อิหม่ามนะวาวีย์ได้อธิบายหะดิษข้างต้น โดยกล่าวว่า
هذا تصريح بجواز أخذ الأجرة على الرقية ، بالفاتحة ، والذِّكر , وأنها حلال لا كراهة فيها , وكذا الأجرة على تعليم القرآن , وهذا مذهب الشافعي ، ومالك ، وأحمد ، وإسحاق ، وأبي ثور ، وآخرين من السلف , ومَن بعدهم
นี้คือ ความชัดเจน เกี่ยวกับอนุญาตให้เอาค่าตอบแทน การปัดเป่า ด้วยฟาติหะฮและซิกีร และแท้จริงมัน หะลาล ไม่มักรูฮในมัน และในทำนองเดียวกัน การเอาค่าตอบแทน การสอนอัลกุรอ่าน และนี้คือ ทัศนะของ ชาฟิอี,มาลิก,อะหมัด,อิสหาก,อบีษูร ,บรรดาคนอื่นๆจากชาวสะลัฟ และผู้ที่อยู่ยุคหลังจากพวกเขา – ดู ชัรหุมุสลิม เล่ม 14 หน้า 188
อิบนุอะซูร กล่าวว่า
أن الجمهور من العلماء أجازوا أخذ الأجر على تعليم القرآن فضلاً عن الفقه والعلم فقال بجواز ذلك الحسن وعطاء والشعبي وابن سيرين ومالك والشافعي وأحمد وأبو ثور والجمهور ، وحجتهم في ذلك الحديث الصحيح عن ابن عباس أن النبي صلى الله عليه وسلم قال ( إن أحق ما أخذتم عليه أجراً كتاب الله
แท้จริง ชนส่วนมากจากบรรดานักวิชาการ พวกเขาอนุญาตให้เอาค่าจ้างสอนอัลกุรอ่านได้ เช่นเดียวกับ ฟิกฮและวิชาความรู้ ดังนั้น ที่กล่าวว่าอนุญาตดังกล่าวคือ อัลหะซัน ,อะฏออฺ, อิบนุสิรีน ,มาลิก,ชาฟิอี ,อะหมัด ,อบูษูรและบรรดานักวิชาการส่วนมาก และหลักฐานของพวกเขาในเรื่องดังกล่าวนั้นคือ หะดิษเศาะเฮียะ รายงานจากอิบนุอับบาสว่า แท้จริง นบี ศอ็ลฯกล่าวว่า (แท้จริงสิ่งที่สมควรจะอาค่าจ้างบนมันคือ กิตาบุลละฮ “ – ดู อัตตะหรีร วัตตันวีร เล่ม 1 หน้า 467
عَنْ الْوَضِينِ بْنِ عَطَاءٍ قَالَ : كَانَ بِالْمَدِينَةِ ثَلَاثَةُ مُعَلِّمِينَ يُعَلِّمُونَ الصِّبْيَانَ ، فَكَانَ عُمَرُ بْنُ الْخَطَّابِ يَرْزُقُ كُلَّ وَاحِدٍ مِنْهُمْ خَمْسَةَ عَشَرَ كُلَّ شَهْرٍ
รายงานจากอัลวะฎีน บิน อะฏออฺ กล่าวว่า “ ปรากฏว่าที่นครมะดีนะฮมีครูสอนเด็กๆ สามคน แล้วปรากฏว่า อุมัร บิน คอฏฏอ็บ จ่ายปัจจัยยังชีพให้แต่ละคนจากพวกเขา จำนวนสิบห้าต่อเดือน – ดู อัลมุศอ็นิฟ ของอิบนุอบีชัยบะฮ กิตาบุลบุยูอฺ เรื่อง ค่าจ้างผู้สอน เล่ม 5 หน้า 98
روي عن عبد الجبار بن عمر أنه قال: "كل من سألت من أهل المدينة لا يرى بتعليم الغلمان بالأجر بأساً"
รายงานจากอับดุลญับบาร บิน อุมัร ว่า เขากล่าวว่า ทุกคนที่ถูกถามจากชาวมะดีนะฮ เขาไม่เห็นว่าการสอนเด็กเอาค่าจ้างนั้น เป็นความผิด – ดู ที่มาข้างล่าง (1)
....................
(1) رواه مالك، بن أنس الأصبحي، المدونة الكبرى، تحقيق: حمدي الدمرداش، مكتبة نزار الباز، الرياض، ط1، 1419ه/1999م، ج5، ص1691، ك: الجعل والإجارة، ب: في إجارة المعلم.
___
อะสัน หมัดอะดั้ม
26/3/64
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น