วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2564

จะต้องลุกขึ้นตามอิหม่ามที่เพิ่มรอ็กอัตไหม?

 จะต้องลุกขึ้นตามอิหม่ามที่เพิ่มรอ็กอัตไหม?

มีคนบางส่วนอ้างว่า เมื่ออิหม่ามลุกขึ้นทำร็อกอัตที่ห้าให้ลุกขึ้นตามอิหม่าม เพราะเศาะหาบะฮเคยปฏิบัติ
ขอตอบว่า ที่เศาะหาบะฮทำตามเพราะเข้าใจว่าเป็นวาญิบ เนื่องจากอยู่ในช่วงที่วะหยูลงมา
มาดูคำตอบจากคำอธิบายของอัศศ็อนอานีย์(ร.ฮ)ต่อไปนี้
ظاهر الحديث أنهم تابعوه صلى الله عليه وسلم على الزيادة، ففيه دليل على أن متابعة المؤتم للإمام فيما ظنه واجبا لا يفسد صلاته، فإنه صلى الله عليه وسلم لم يأمرهم بالإعادة، وهذا في حق أصحابه في مثل هذه الصورة، لتجويزهم التغيير في عصر النبوة، فأما لو اتفق الآن قيام الإمام إلى الخامسة سبح له من خلفه، فإن لم يقعد انتظروه قعودا حتى يتشهدوا بتشهده، ويسلموا بتسليمه
ความหมายภายนอกที่ปรากฏของหะดิษนั้น แท้จริง พวกเขาปฏิบัติตามนบี ศ็อลฯ บนการเพิ่ม(ร็อกอัตที่ห้า) ในหะดิษ คือหลักฐาน บ่งบอกว่า การตามอิหม่ามของมะมูม ในสิ่งที่เขาเข้าใจว่ามันคือวาญิบ การละหมาดของเขาไม่เสีย เพราะท่านนบี ศ็อลฯไม่ได้สั่งให้พวกเขาละหมาดใหม่ และกรณี้เป็นสิทธิเฉพาะบรรดาเศาะหาบะฮ ในตัวอย่างรูปแบบนี้ เพราะการพิจารณาของพวกเขาว่าอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงได้ในสมัยของการเป็นนบี และสำหรับถ้าตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ที่อิหม่ามลุกขึ้นไปทำร็อกอัตที่ห้า ผู้ที่อยู่ข้างหลังเขา(ได้เตือนโดย)กล่าวตัสเบียะแล้ว แล้วถ้าเขา(อิหม่าม)ไม่นั่งลง ก็ให้พวกเขา(มะมูม)รอคอยเขาโดยอยู่ในท่านั่ง จนกระทั้งพวกเขาได้อ่านตะชะฮุดพร้อมกับอิหม่าม และพวกเขากล่าวสล่ามด้วยการกล่าวสล่ามของอิหม่าม -ดูสุบุลุสสลาม ของอัศศอนอานีย์ ๑/๒๐๖
สรุป
๑.ตามที่ปรากฏว่าเศาะหาบะฮละหมาดตามนบี ศ็อลฯในร็อกอัตที่ห้าที่เพิ่ม เพราะพวกเขาเข้าใจว่า เป็นว่าญิบ เพราะในยุคที่ผู้ที่เป็นนบี มีชีวิตอยู่ พวกเศาะหาบะฮเข้าใจว่าอนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงได้ เป็นเป็นยุคของการประทานวะหยูกรณีนี้เป็นสิทธิ์เศาะหาบะฮ
๒. ส่วนตัวอย่างดังกล่าว เมื่อตรงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน เมื่ออิหม่ามลุกขึ้นไปทำร็อกอัตที่ห้า คนข้างหลังเขา(หมายถึงมะมูมได้เตือนโดย)กล่าวตัสเบียะแล้ว แล้วถ้าเขา(อิหม่าม)ไม่นั่งลง ก็ให้พวกเขา(มะมูม)รอคอยอิหม่ามโดยอยู่ในท่านั่ง จนกระทั้งพวกเขาได้อ่านตะชะฮุดพร้อมกับอิหม่าม และพวกเขากล่าวสล่ามด้วยการกล่าวสล่ามของอิหม่าม
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ(ร.ฮ)ได้ตอบคำถามกรณีอิหม่ามลุกขึ้นทำร็อกอัตที่ห้า บรรดามะมูมกล่าวตัสเบียะเตือนแล้ว ก็ไม่เป็นผล เพราะอิหม่ามเข้าใจว่าตนไม่ได้แล้ว กรณีนี้มะมูมจะลุกขึ้นตามอิหม่ามหรือจะไม่ลุกขึ้นตาม?
ชัยค์อิบนุตัยมียะฮตอบว่า
إن قاموا معه جاهلين، لم تبطل صلاتهم، لكن مع العلم لا ينبغي لهم أن يتابعوه، بل ينتظرونه حتى يسلم بهم، أو يسلموا قبله، والانتظار أحسن.
หากพวกเขา(มะมูม)ลุกขึ้นยืนพร้อมอิหม่าม โดยที่พวกเขาไม่รู้ การละหมาดของพวกเขาไม่เสีย แต่ถ้าพวกเขารู้ ก็ไม่สมควรแก่พวกเขา ปฏิบัติตามอิหม่าม แต่ให้พวกเขารออิหม่าม จนกระทั่ง เขาได้ให้สล่ามพร้อมกับพวกเขา หรือพวกเขาจะให้สล่ามก่อนอิหม่ามก็ได้(คือไม่ต้องรอ) และการอนั้นย่อมดีกว่า -มัจฐมัวะฟาตาวา -ดูอิรชาดอัสสารีน อัคเฏาะอุลมุศ็อลลีน หน้า ๑๕๑
ถ้ารู้ว่า อิหม่ามทำเพิ่มร็อกอัต แล้วทำตาม ก็จะทำให้เสียละหมาด ดังที่ชัยค์อุษัยมีน (รฺ,ฮ) กล่าวว่า
وإذا تابعوه وهم يعلمون أنه زائد وأنه تَحْرُم متابعته في الزيادة، فصلاتُهم باطلة؛ لأنَّهم تعمَّدوا الزيادة.وإذا فارقوه فصلاتُهم صحيحة، لأنَّهم قاموا بالواجب عليهم.
และเมื่อพวกเขาปฏิบัติตามอิหม่าม โดยที่พวกเขารู้ ว่า มันคือ การเพิ่มเติม (หมายถึงทำเกิน)และแท้จริง การตามของเขาในการเพิ่มนั้นถูกห้าม และการละหมาดของพวกเขา เป็นโมฆะ เพราะพวกเขาเจตนาเพิ่ม และเมื่อพวกเขาแยกตัวจากอิหม่าม(เนียตแยกออกมา/มุฟาเราะเกาะฮ)การละหมาดของพวกเขาใช้ได้ เพราะพวกเขาปฏิบัติสิ่งที่วาญิบเหนือพวกเขา - ดูชัรหอัลมุมตะอฯ ๓/๓๔๙(ดูสำเนาที่แนบมา)
>>>>>>
สรุปคือ การที่มะอมูมเจตนาตามอิหม่ามในร็อกอัตที่เพิ่มทั้งๆที่รู้ว่า อิหม่ามทำเกิน การละหมาดนั้นเป็นโมฆะ
หวังว่า พี่น้องคงจะเข้าใจ เพราะมีการถกเถียงกัน โดยอ้างข้างๆคูๆว่า อิหม่ามทำผิดก็ให้ตาม แบบเขาว่ามาข้าก็ว่าไป เพราะครูฉันว่า
อะสัน หมัดอะดั้ม
๒๒/๓/๖๔
อาจเป็นรูปภาพของ ข้อความ
ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
แชร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น