เอาไม้ฆ้อนตาแปะตีหัวตาแปะ
ไปอ่านให้หมดก่อน ก่อนจะตัดสินใคร และ รู้จักเขาดีหรือยัง แล้วตัวเองมีผลงานอะไรบ้าง ครับ
คุณลุง ก็คือ อ่านไม่ออก
@@@@@
ชี้แจง
ข้างต้น นายได้ดูถูกเหยียดหยามผมว่า ไม่มีผลงาน และอ่านไม่ออก นายคนนี้มาป่วนไม่เลิก ให้ไปถามหลักฐานยืนห่างในแถวละหมาด 1.5 เมตรจากอาจารย์มัน สิ่งที่ได้มาคือรูปภาพหน้าปกหนังสือ ของชัยค์เฟาซาน หะฟิเซาฮุลลอฮ ชื่อ อัลมุลัคค็อศ อัลฟิกฮีย์ แล้วมาดูถูกผมว่า ไม่มีผลงานเหมือนชัยค์เฟาซาน และมีการดูถูกว่าผมอ่านหนังสือไม่ออก คงจะตามราวีผมไม่เลิก เพราะจะเอาชนะ
เห็นว่ามีประโยชน์กับพี่น้องมุสลิมที่แสวงหาสัจธรรมเพื่อวันอาคีเราะฮ ดังนั้น เมื่อนายอรรถ เอาไม้ฆ้อนมายื่นให้ผม ผมขอเอาไม้ฆ้อนนี้ตีหัวตาแปะสักหน่อย น่าสงสารใครยิบยื่นอะไรให้ ก็เอามาถมหน้าเพจผม
มาดูคำพูดของชัยค์เฟาซาน หะฟิเซาะฮุลลอฮ ที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ กรณี มีเหตุจำเป็นหรืออุปสรรค สามารถงดละหมาดที่มัสยิดได้ คือ
إن المتخلف عن صلاة الجماعة إذا صلى وحده؛ فله حالتان:
الحالة الأولى: أن يكون معذورًا في تخلفه لمرض أو خوف، وليس من عادته التخلف لولا العذر؛ فهذا يكتب له أجر من صلى في جماعة، لما في الحديث الصحيح: "إذا مرض العبد أو سافر؛ كتب له ما كان يعمل صحيحا مقيما"، فمن كان عازما على الصلاة مع الجماعة عزما جازما، ولكن حال دونه ودون ذلك عذر شرعي؛ كان بمنزلة من صلى مع الجماعة؛ نظرًا لنيته الطيبة
แท้จริงผู้ที่ทิ้งละหมาด ญะมาอะฮ เมื่อเขาละหมาดคนเดียว มี 2 สภาพ คือ
สภาพที่หนึ่ง เขาเป็นผู้ที่มีอุปสรรค์ ในการทิ้งของเขา เนื่องจากป่วยหรือ เพราะกลัว และการละทิ้งนั้น ไม่ใช่ปกติวิสัยของเขา ถ้าไม่มีอุปสรรค (คือ ถ้าไม่มีอุปสรรคเขาไม่เคยทิ้งญะมาอะฮ-ผู้แปล) กรณีนี้ เขาได้รับผลตอบแทน ของผู้ที่ละหมาด ใน ญะมาอะฮ เพราะสิ่งที่ปรากฏในหะดิษเศาะเฮียะว่า "เมื่อบ่าวคนนั้นได้ป่วยหรือ เดินทาง เขาจะได้รับการบันทึก สิ่งที่เขาเคยปฏิบัติ ในสภาพที่สุขภาพดีและอยู่กับบ้าน ,แล้วผู้ใดเขาเป็นตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะละหมาดพร้อมกับญะมาอะฮ แต่มีอุปสรรคทางศาสนาบัญญัติที่จะเขาจะไปถึงจุดนั้นได้ เขาก็อยู่ในฐานะ ผู้ที่ได้ละหมาดพร้อมกับญะมาอะฮ โดยการพิจารณา ในด้านการเจตนาดีของเขา.. เล่ม 1 หน้า 196
สรุป
1. ผู้ที่เคยไปละหมาดญะมาอะฮเป็นประจำ เมื่อเขามีอุปสรรคในการละหมาดญะมาอะฮที่มัสยิด เนื่องจากป่วย หรือกลัวจะเกิดอันตราย เขาจะได้รับผลตอบแทนผลบุญละหมาดญะมาอะฮ
2. หะดิษที่เป็นหลักฐานคือ หะดิษเศาะเฮียะที่ว่า "เมื่อบ่าวคนนั้นได้ป่วยหรือ เดินทาง เขาจะได้รับการบันทึก สิ่งที่เขาเคยปฏิบัติ ในสภาพที่สุขภาพดีและอยู่กับบ้าน
3. ผู้ใดตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะไปละหมาดญะมาอะฮ แต่เกิดมีอุปสรรค์ขัดขวาง เขาก็อยู่ในสถานะของคนที่ได้ละหมาดร่วมกับญะมาอะฮ โดยการพิจารณาที่เจตนาดีของเขา
จากหะดิษข้างต้น สำนักฟัตวาต่างๆในช่วงแรกของโควิด เรียกร้องให้ประชาชนละหมาดที่บ้าน ก็อ้างหะดิษนี้ เช่น ฟัตว่า ดร.เชากีย์ มุฟตีประเทศอียิปต์
وقد جعل الشرع أجر صلاة المسلم في البيت لعذر كأجر صلاته في المسجد؛ لأن المعذور مأجور، فعن أبي موسى الأشعري رضي الله عنه، أن النبي صلى الله عليه وآله وسلم قال: «إذا كان العبد يعمل عملا صالحا، فشغله عنه مرض أو سفر، كتب له كصالح ما كان يعمل وهو صحيح مقيم»، أخرجه أبو داود في السنن، وابن حبان في الصحيح، والحاكم في المستدرك وصححه.
และแท้จริง ศาสนบัญญัติได้กำหนดผลตอบแทน การละหมาดของมุสลิม ในบ้าน เพราะมีอุปสรรค ได้ผลตอบแทนเท่ากับ ผลตอบแทนของเขา ในมัสยิด เพราะว่า ผู้ที่มีอุปสรรค์นั้น ได้รับผลตอบแทน รายงานจากอบีมูซา อัลอัชอะรีย์ (ร.ฮ) แท้จริงท่านนบี ศ็อลฯ กล่าวว่า เมื่อประกฏว่าบ่าว ได้เคยประกอบการงานที่ดี แล้ว การเจ็บป่วย หรือการเดินทาง ทำให้เขายุ่งจากมัน เขาจะได้รับการบันทึก เหมือนกับความดี ที่เขาเคยปฏิบัติในยามที่เขาสุขภาพดีและ อยู่กับบ้าน - บันทึกโดยอบูดาวูด ใน อัสสุนัน และอิบนุหิบบานในอัศเศาะฮียะ และอัลหากิมในอัลมุสตัดร็อก และเขาได้ให้ทัศนะว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ
.............
ผมสั่งให้ไปเอาหลักฐานยืนห่าง 1.5 เมตรจากอาจารย์ สุดท้ายก็ได้รูปปกหนังสือมาโอ้รส ดูถูกว่าผมไม่มีผลงาน อ่านไม่ออก จึงชี้แจง ให้นายอรรถหายโง่เสียที ว่า หากเกิดการกลัวจะอันตราย และการป่วยเราสามารถงดละหมาดที่มัสยิดได้ ดังที่ชัยค์เฟาซาน กล่าวไว้ แล้วใหนหรือหลักฐานยืนห่างในแถวละหมาด 1.5 เมตร ใหนครับ อยากจะแสดงความเขลาก็จัดมา ป่วนไม่เลิก
คิดหรือว่าจะหยุดผมได้ ....
อะสัน หมัดอะดั้ม
13/3/64
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น