วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2564

วาทกรรมตอแหล



วาทกรรมตอแหล
นายสะละฟีย์ซิแย เยาะเย้ยว่า
หมดคำถามและข้อสงสัย ครับท่าน
ข้าแต่ศาลที่... ทนายโจทก์หมดคำถามครับ เพราะจำเลยสารภาพเองอย่างหมดเปลือกว่าตนเป็นคนกลับกลอกและโกหก
หมดข้อกังขาและหมดข้อสงสัยจริงๆ ครับ
@@@@
แถถามหาหลักฐานว่า มีไหมอิบนุตัยมียะฮเอาฟัตวา จากอะฮลุลบิดอะฮ เนื่องมาจากกล่าวหาเราว่าเรายึดฟัตวา อะฮลุลบิดอะฮและทิ้งฟัตวาปราชญ์อะฮลุสสุนนะฮ
ผมตอบว่า แม้จะไม่มีหลักฐานว่าเอาอิบนุตัยมียะฮเอาฟัตวาอะฮลุลบิดอะฮ แต่แนวทางของอิบนุตัยมียะฮ คือให้ยอมรับความจริงที่มีหลักฐานไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ(ร.ฮ) กล่าวว่า
والقول الحق الذي يقوم عليه الدليل يقبل من كل من قاله
คำพูดที่ถูกต้อง ที่หลักฐานยืนยันบนมัน จะถูกรับ จากทุกๆผู้ที่กล่าวมัน - มินฮาจญอัสสุนนะฮ1/56
และ อีกประโยคคือ
ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ)กล่าวว่า
ويَرَوْنَ أنه يجوز مقابلة الفاسد بالفاسد، لكن أئمة السنة والسلف على خلاف هذا، وهم يذمون أهل الكلام المبتدَع، الذين يردون باطلاً بباطل، وبدعة ببدعة
พวกเขา(หมายถึงอะฮลุลกาลามและบิดอะฮ)เห็นว่าอนุญาตให้ตอบแทนความชั่ว(หมายถึงความเท็จ)ด้วยความชั่ว (ความเท็จ)แต่ บรรดาอิหม่ามอัสสุนนะฮและสะลัฟ แตกต่างจากนี้ โดยที่พวกเขาตำหนิอะฮลุลกาลามและอะฮลุลบิดอะฮ ที่ตอบโต้ความเท็จด้วยความเท็จและบิดอะฮด้วยบิดอะฮ
ويأمرون ألا يقول الإنسان إلا الحق، لا يخرج عن السنة في حال من الأحوال، وهذا هو الصواب الذي أمر الله تعالى به ورسوله، ولهذا لم نرد ما تقوله المعتزلة والرافضة من حق، بل قبلناه،
และพวกเขา(หมายถึงชาวสุนนะฮ) ได้สั่งให้มนุษย์ อย่าได้กล่าวนอกจากความจริง เขาอย่าได้ออกจากอัสสุนนะฮ ในสภาวะใดๆจากบรรดาสภาวะต่างๆ และนี้คือที่ถูกต้อง ที่อัลลอฮตาอาลาและรอซูลของพระองค์สั่งด้วยมัน และเพราะเหตุนี้ เราจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่มุอตะซิละฮและรอฟิเฎาะฮกล่าว จากความจริง ยิ่งไปกว่านั้น เรารับมันมัน........มินฮาจญอัสสุนนะฮ 2/342
.............
ชาวอะฮลุสสุนนะฮ เขาจะสอนให้พูดความจริง และไม่ปฏิเสธความจริง ไม่ว่าจะมาจากใครก็ตาม ด้วยเหตุนี้อิบนุตัยมียะฮกล่าวว่า เราจะไม่ปฏิเสธสิ่งที่มุอตะซิละฮและชีอะฮกล่าว ที่มาจากความจริง ยิ่งไปกว่านั้นเรารับมันด้วย
อิบนุลกก็อยยิม(ร.ฮ)ดล่าวว่า
فعلى المسلم أن يتبع هدى النبي - صلى الله عليه وسلم- في قبول الحق ممن جاء به من ولي ,وعدو, وحبيب, وبغيض, وبر, وفاجر, ويرد الباطل على من قاله كائناً من كان.
หน้าที่เหนือมุสลิม คือเขาจะต้องปฏิบัติตามทางนำของท่านนบี ศ็อลฯในการรับความจริง จากผู้ที่นำมันมา จะเป็นมิตร เป็นศัตรู เป็นคนทึ่รัก เป็นคนที่เกลียด เป็นคนดี เป็นคนชั่วก็ตาม เขาจะต้องปฎิเสธความเท็จบนผู้ที่กล่าวมัน ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม -เอียะลามอัลมุวักกิอีน 1/104-105
.........................
นี่คือ ฟัตวาและหลักฐานที่ฟาริด อัลบาญี ปราชญ์ซูฟีย์ บอกว่า การละหมาดยืนเว้นระยะห่างในแถวคือบิดอะฮ
انّ إقامة الصّف في صلاة الجماعة وتسويته والتراصّ بين المصلين؛ بحيث لا تبقى بين المصلين فرجة:هو من سنن الصلاة عند جمهور العلماء ومنهم المالكية،وعليه ما شاهدته من صلاة العيد في جامع مالك ابن أنس بتونس وكذلك ما وقع في جامع الأزهر وفي بعض دول العالم بحجة كورونا،هو بدعة ما فعلها أحد ولا نقل عن المتقدمين من العلماء والمسلمين أنهم فعلوها زمان الوباء،
แท้จริงการตั้งแถวในละหมาดญะมาอะฮและการจัดมันให้ตรงและการยืนให้ชิดระหว่างบรรดาผู้ละหมาด โดยจะไม่ให้คงมีช่องว่างระหว่างบรรดาผู้ละหมาด คือ ส่วนหนึ่งจากบรรดาสุนนะฮละหมาดในทัศนะปราชญ์ส่วนใหญ่ และส่วนหนึ่งจากพวกเขาคือบรรดาปราชญ์มัซฮับมาลิกียะฮ และบนมัน สิ่งที่ฉันได้เห็นมันจากการละหมาดอีด ที่มัสยิด มาลิก บิน อานัส ที่ตูนิเซีย และในทำนองเดียวกันนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในมัสยิดอัลอัซฮัร และในบางประเทศของโลก ด้วยการอ้างเหตุโคโรน่า มันคือบิดอะฮ ไม่มีคนใดได้ปฏิบัติมัน และไม่ได้ถูกรายงานจากบรรดาปราชญ์และบรรดามุสลิม ยุคก่อนๆ ว่าพวกเขาปฏิบัติมัน
................
และนี่คือหลักฐานที่ชัยค์ฟารีด อัลบาญี ยืนยันว่า ตามสุนนะฮ ให้ยืนชิดในแถวละหมาดคือ
*عَن ابن عُمرَ رضيَ اللَّه عنهما، أَنَّ رسولَ اللَّهِ ﷺ قالَ: أَقِيمُوا الصُّفُوفَ وَحَاذُوا بَينَ المنَاكِب، وسُدُّوا الخَلَلَ، وَلِينُوا بِأَيْدِي إِخْوَانِكُمْ، وَلا تَذَرُوا فَرُجَاتٍ للشيْطانِ، ومَنْ وصَلَ صَفًّا وَصَلَهُ اللَّه، وَمَنْ قَطَعَ صَفًّا قَطَعهُ اللَّه.
رواه أبُو دَاوُدَ بإِسناد صحيحٍ.
รายงานจากอิบนุอุมัร (ร.ฎ) ว่าแท้จริงท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : พวกท่านจงทำให้แถวตรงและพวกท่านจงทำให้ไหล่ชิดเสมอกันและพวกท่านจงอย่าให้เกิดช่องว่าง(ระหว่างแถว) และหากชายคนหนึ่งเข้ามาในแถวพวกท่านก็จงหดไหล่เพื่อให้เขาเข้ามาในแถวได้และพวกท่านจงอย่าปล่อยให้มีช่องว่างสำหรับชัยฏอน และผู้ใดที่เชื่อมติดกับแถวหนึ่ง อัลลอฮก็ทรงเชื่อมกับเขา(ด้วยการประทานความเมตตาและอภัยโทษให้แก่เขา)และผู้ใดตัดขาดจากแถว อัลลอฮก็จะทรงตัดจากเขาด้วย” -รายงานโดยอบูดาวูด ด้วยสายรายงานที่เศาะเฮียะ
............
สุนนะฮกำมะลอ กล่าวหาว่าเอาฟิตวาอะฮลุลบิดอะฮ แต่ ณ วันนี้ ไม่เอาหลักฐานมาโต้แย้งฟัตวาค้านการยืนห่าง แล้วสร้างวาทกรรมเย้ยหยันเรียกไลค์จากสาวก แถมโยนให้เขียนจดหมายไปหาปราชญ์ ไม่รู้ใครกันแน่มุนาฟิกกลับกลอก
อะสัน หมัดอะดั้ม
29/3/64

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น