วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

การตามมัซฮับนั้นไม่ผิดสำหรับคนอาวามที่ไม่สามารถค้นหาหลักฐานเองได้ แต่ไม่ใช่การผูกขาดและยึดติดมัซฮับหนึ่งมัซฮับใดเป็นการเฉพาะ โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเมื่อเจอหลักฐานที่เศาะเฮียะ

การตามมัซฮับนั้นไม่ผิดสำหรับคนอาวามที่ไม่สามารถค้นหาหลักฐานเองได้ แต่ไม่ใช่การผูกขาดและยึดติดมัซฮับหนึ่งมัซฮับใดเป็นการเฉพาะ โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเมื่อเจอหลักฐานที่เศาะเฮียะ 

ซึ่งการยึดติดมัซฮับแบบนี้ไม่ใช่หลักการตามมัซฮับที่ถูกต้อง
อิหม่ามอัชเชากานีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่านกล่าวว่า)

وَاعْلَمْ : أَنَّهُ لَا خِلَافَ فِي أَنَّ رَأْيَ الْمُجْتَهِدِ ، عِنْدَ عَدَمِ الدَّلِيلِ ، إِنَّمَا هُوَ رُخْصَةٌ لَهُ ، يَجُوزُ لَهُ الْعَمَلُ بِهَا عِنْدَ فَقْدِ الدَّلِيلِ ، وَلَا يَجُوزُ لِغَيْرِهِ الْعَمَلُ بِهَا بِحَالٍ مِنَ الْأَحْوَالِ ، وَلِهَذَا نَهَى كِبَارُ الْأَئِمَّةِ عَنْ تَقْلِيدِهِمْ ، وَتَقْلِيدِ غَيْرِهِمْ

พึงทราบเถิดว่า ไม่มีการขัดแย้ง เกี่ยวกับความเห็นของมุจญตะฮิด ขณะที่ไม่มีหลักฐาน ความจริงมันเป็นการผ่อนปรนสำหรับเขา ,อนุญาตให้เขาปฏิบัติด้วยมัน ขณะที่ไม่มีหลักฐาน และไม่อนุญาตให้ผู้อื่นจากเขา ปฏิบัติด้วยมัน จะด้วยโอกาสใดๆก็ตาม และเพราะเหตุนี้ บรรดาอิหม่ามผู้อวุโส ได้ห้ามเชื่อตามพวกเขา และห้ามเชื่อตามผู้อื่น – ดู อิรชาดุลฟุหูล เล่ม 2 หน้า 764

____

การผ่อนปรนให้มุจญตะฮิดปฏิบัติตามความเห็นของเขาได้ในกรณีไม่มีหลักฐาน แต่ไม่อนุญาตให้คนอื่นปฏิบัติตามความเห็นนั้น เพราะเหตุนี้บรรดาอิหม่ามผู้อวุโสจึงห้ามตักลิด(ปฏิบัติตาม)พวกเขาและคนอื่น โดยปราศจากหลักฐาน
คำว่าตักลิดคือ
التَّقْلِيدُ هُوَ قَبُولُ قَوْلٍ بِلَا حُجَّةٍ
ตักลิดคือ การรับเอาคำพูดใดๆ โดยไม่มีหลักฐาน
– อัลมุสตัศฟา หน้า 371

การตักลิดมัซฮับแบบผูกขาดกับทัศนะคนหนึ่งคนใดเป็นการเฉพาะนั้น ไม่ได้เป็นแนวทางของสะลัฟยุคก่อน


อิหม่ามอัชชันกิฏีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وأما التقليد ؛ الذي خالف فيه المتأخرون ؛ الصحابة , وغيرهم ؛ من القرون المفضلة , المشهود لهم بالخير ؛ فهو تقليد رجل واحد معين ؛ دون غيره من جميع العلماء .
สำหรับการตักลิด ที่บรรดาคนยุคหลัง มีความแตกต่าง กับเหล่าเศาะหาบะฮ และอื่นจากพวกเขา จากบรรดาศตวรรษที่ประเสริฐ ที่เป็นประจักษ์ด้วยความดีงามสำหรับพวกเขาคือ การตักลิด(การเชื่อตาม)คนๆเดียวเป็นการเฉพาะ โดยไม่ตามคนอื่นจากเขา(อื่นจากอุลามาอฺที่เขาสังกัดอยู่)จากบรรดาอุลามาอฺทั้งหมด
– ดูตัฟสีรอัฎวาอุลบะยาน เล่ม 7 หน้า 307

กล่าวคือ การตักลิดตามของคนในสมัยเศาะหะบะฮ และคนในยุคสะลัฟ เขาไม่ผูกขาด หรือเจาะจงตามเพียงคนเดียว และจะไม่ตามอุลามาอฺคนอื่นๆ เหมือนกับคนยุคหลัง เพราะคนยุคหลังตามมัซฮับแบบผูกขาด มัซฮับใดมัซฮับหนึ่งเป็นการเฉพาะ แบบเอาปลอกคอมาใส่
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ได้กล่าวถึงพฤติกรรมของคนที่ยึดติดกับมัซฮับแบบผูกขาดว่า

رأي المقلدة لمذهب إمام يزعمون أن إمامهم هو الشريعة ، بحيث يأنفون أن تنسب إلى أحد من العلماء فضيلة دون إمامهم ، وحتى إذا جاءهم من بلغ درجة الاجتهاد وتكلم في المسائل ولم يرتبط إلى إمامهم رموه بالنكير

ความเห็นของคนตักลิดมัซฮับอิหม่าม นั้น พวกเขา เขาใจว่าอิหม่ามของพวกเขาคือ ชะรีอะฮ(ศาสนบัญญัติ) โดยที่พวกเขาปฏิเสธ การอ้างอิง ความประเสริฐ ให้แก่คนหนึ่งคนใดจากบรรดาอุลามาอฺ อื่นจากแก่อิหม่ามของพวกเขา

และจนกระทั่ง เมื่อผู้ที่อยู่ในระดับขั้นอิจญติฮาด(มุจญตะฮิด) มายังพวกเขา และเสวนาในบรรดาประเด็นต่างๆ โดยที่เขาผู้นั้นไม่ได้ผูกมัดกับอิหม่ามของพวกเขา (ที่พวกเขาสังกัดอยู่) พวกเขาก็จะกล่าวหาเขาผู้นั้น ด้วยการปฏิเสธ –อัลเอียะติศอม เล่ม 2 หน้า 843 


คือ คนที่ตักลิดอิหม่ามมัซฮับ เขาเข้าใจว่า อิหม่ามของเขาคือ ศาสนบัญญัติ หมายถึงเป็นมาตรฐานในหุกุมศาสนา และพวกเขาถือว่าอิหม่ามของเขาดีกว่าอิหม่ามอื่น ใครก็ตามที่ถึงแม้จะอยู่ในระดับมุจญตะฮิด หากนำคำสอน ไม่ตรงกับอิหม่ามของพวกเขา ก็จะถูกพวกเขากล่าวหา ด้วยการปฏิเสธ

เพราะฉะนั้น การตามมัซฮับ นั้นต้องมีเหตุผลและมีสติ หากความคิดเห็นในมัซฮับขัดแย้งกับหะดิษ หรือความเห็นของมัซฮับอื่นมีหลักฐานที่มีน้ำหนักกว่า เขาก็เปิดกว้างในการยอมรับและนำมาปฏิบัติ

หลักการในการตามมัซฮับที่อิหม่ามนะวาวีย์(ร.ฮ)ได้กล่าวไว้

اختلف العلماء في الصلاة الوسطى. فنص الشافعي: أنها الصبح . وقال صاحب (الحاوي): نص الشافعي أنها الصبح. وصحت الأحاديث، أنها العصر . ومذهبه ، اتباع الحديث، فصار مذهبه: أنها العصر. قال : ولا يكون في المسألة قولان. كما وهم بعض أصحابنا. والله أعلم

บรรดานักวิชาการ มีความเห็นต่างกัน ในความหมายคำว่า "เศาะลาตุลวุสฎอ(ละหมาดกลาง) และเจ้าของหนังสืออัลหาวีย์ กล่าวว่า อัชชาฟิอี ได้ระบุว่า แท้จริงมันคือ ละหมาดศุบฮิ ทั้งที่ บรรดาหะดิษ รายงานเศาะเฮียะนั้น มันคือ ละหมาดอัศรี และมัซฮับของเขา(ของชาฟิอี)นั้น ให้ปฏิบัติตามหะดิษเศาะเฮียะ ดังนั้น มัซฮับของเขา จึงกลายเป็นว่า แท้จริงมันคือละหมาดอัศริ เขากล่าวว่า ในประเด็นเดียวจะไม่เป็น สองทัศนะ ดังสิ่งที่ ส่วนหนึ่งของบรรดาสหายของเรา(หมายถึงปราชญมัซฮับชาฟิอี) เข้าใจผิดพลาด -วัลลอฮุอะลัม - เราเฎาะฮอัฏฏอลิบีน เล่ม 1 หน้า 293-294

สรุปคำพูดอิหม่ามนะวาวีย์ คือ
ทัศนะของอิหม่ามชาฟิอี คำว่าเศาะลาตุลวุสฏอ คือ ละหมาดศุบฮิ
แต่บรรดาหะดิษเศาะเฮียะ หมายถึงละหมาด อัศรี และหะดิษเศาะเฮียะนั้นคือมัซฮับชาฟิอี
อิหม่ามชาฟิอี บอกว่ามัซฮับชาฟิอี ให้ตามหะดิษเศาะเฮียะ เพราะฉะนั้น มัซฮับชาฟิอี คำว่าเศาะลาตุลวุสฏอ ก็เป็นละหมาดอัศรี
ในทัศนะชาฟิอีนั้น จะไม่มีสองทัศนะในประเด็นเดียว อย่างที่ปราชญมัซฮับชาฟิอีบางส่วนเข้าใจผิ

ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า บรรดาหลักการมัซฮับต่างๆ เช่นมัซฮับชาฟิอี ให้ยึดหะดิษเศาะเฮียะ แม้จะขัดแย้งกับอิหม่ามมัซฮับ แต่คนที่อ้างว่าสังกัดมัซฮับชาฟิอี จำนวนไม่น้อย ยังไม่เข้าใจหลักการตามมัซฮับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น