วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562

13473: ใครคืออัลฆอซาลี? ท่านช่วยให้แสงสว่างปรากฎว่าใครคืออีมามฆอซาลี?

13473: ใครคืออัลฆอซาลี?
ท่านช่วยให้แสงสว่างปรากฎว่าใครคืออีมามฆอซาลี?
มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์.
อัลฆอซาลี คือ มุฮัมมัด อิบนุ มุฮัมมัด อิบนุ มุฮัมมัด อิบนุ อะห์มัด อัลทูซี, เป็นที่รู้จักในชื่อ ฆอซาลี(รอฮีมาฮุลลอฮ์). เขาเกิดในเมืองทูส(Toos) ใน ปี ฮ.ศ 450. พ่อของเขาเคยหมุนขนสัตว์และขายมันในร้านของเขาใน Toos.
ชีวิตของฆอซาลีต้องใช้เวลาในการถกเถียงที่ยาวเพราะเขาผ่านมาหลายเวที.เขาหลงระเริงในปรัชญา,แล้วเขาได้ประกาศเลิกและปฏิเสธมัน.หลังจากนั้นเขาหลงระเริงในสิ่งที่รู้จักในชื่อ อิลมุกาลาม(ปรัชญาอิสลาม)และเข้าใจหลักการพื้นฐานของมัน; หลังจากนั้นเขาก็ได้ละทิ้งเรื่องนั้นภายหลังที่มันปรากฎชัดต่อตัวเขาว่ามันเป็นความเสียหายและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง. เขาพุ่งเป้าไปที่อิลมุกาลามในช่วงระยะที่เมื่อเขาหักล้างความเชื่อทางปรัชญา,และในเวลานั้นเขาได้รับชื่อเป็นฮุจจาด อัลอิสลาม( Hujjat al-Islam),หลังจากที่เขาได้หักล้างข้อโต้แย้งของนักปรัชญา. หลังจากนั้นเขาได้ประกาศยกเลิกอิลมุกาลามและหันหลังไปจากมัน.เขาได้ติดตามทางเดินของบาฏีนียะห์(esotericists)และศึกษาความรู้ของพวกเขา,แต่หลังจากนั้นเขาได้ปฏิเสธสิ่งนั้นและแสดงความเชื่อของบาฏีนียะห์ว่ามันล้มเหลวผิดพลาด,และเปิดเผยรูปแบบที่พวกเขายุ่งเกี่ยว(สาระแน)กับตำราและคำวินิจฉัย. หลังจากนั้นเขาได้ติดตามทางเดินของซูฟี.เหล่านี้เป็นสี่เวทีที่ฆอซาลีได้ประสบพบเจอมา(ทะลุผ่าน).ชัยคฺ อาบู อุมัร อิบนุ อัลซอและห์(รอฮีมาฮุลลอฮ์)ได้พูดในสิ่งที่ดีเกี่ยวกับเขาเมื่อเขาได้กล่าวว่า: "มีคนพูดถึง อาบู อะห์มัด(Abu ​​Haamid) มากและได้รับการเล่าเรื่องจากเขาเป็นจำนวนมาก.โดยที่หนังสือเหล่านี้ หมายถึง หนังสืออัลฆอซาลีที่มีความขัดแย้งกับความจริง - ไม่ควรให้ความสำคัญกับพวกมัน. สำหรับผู้ชายคนนั้นเราควรจะรักษาความสงบเงียบเกี่ยวกับตัวเขาและอ้างถึงกรณีของเขาไปยังอัลลอฮ์."
แหล่งอ้างอิง
أنظر كتاب ( أبو حامد الغزالي والتصوف ) لعبد الرحمن دمشقية
” ดูที่ Abu Haamid al-Ghazzaali wa’l-Tasawwuf by ‘Abd al-Rahmaan Dimashqiyyah.
ไม่มีคนใจแคบจะปฏิเสธระดับสติปัญญาที่หาได้ยาก,ความฉลาดและความปราดเปรื่องที่อาบูฮามิด อัลฆอซาลีได้รับ. อัลซาฮาบีได้กล่าวถึงเขา:"อัลฆอซาลี เป็นทั้งอีมามและชัยคฺ,นักวิชาการที่โดดเด่น,ฮุจจาตอัลอิสลาม,
ความน่าประหลาดใจในช่วงชีวิตของเขา, ไซน อัลดีม อาบู ฮามิด มุฮัมมัด อิบนุ มุฮัมมัด อิบนุ มุฮัมมัด อิบนุ อะห์มัด อัลทูซี อัลชาฟีอี อัลฆอซาลี,ผู้แต่งหนังสือหลายเล่มและเป็นคนที่มีสติปัญญาดีมากที่สุด. เขาเรียนฟิกฮ์ในเมืองของเขา,แล้วเขาก็ย้ายไปที่ นิซาพูร(Nisapur)เข้าร่วมกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่ง.เขาพักอาศัยอยู่กับอีมาม อัลฮารอมายน์ และได้ความรู้ทางด้านฟิกฮ์ที่ลึกซึ้งในระยะเวลาสั้นๆ.เขากลายเป็นคนรอบรู้ใน 'อิลมุอัลกาลาม และการโต้วาทีจนเขากลายเป็นนักโต้วาทีที่ดีที่สุดในหมู่นักโต้วาที..."
แหล่งอ้างอิง
سير أعلام النبلاء ج9 ص 323 .
(Siyar A’laam al-Nubala’, part 9, p. 323)
คุณจะพบว่า ถึงแม้อาบู ฮามิด อัลฆอซาลีมีความรู้ที่ลึกซึ้งทางด้านฟิกฮ์ ซูฟี อิลมุกาลาม,อุซูลฟิกฮ์ และอื่นๆ และถึงแม้ว่าเขาเป็นนักอีบาดัตที่ถือสันโดษและอุทิศตน,และมีความตั้งใจที่ดีและความรู้ที่กว้างขวางของศาสตร์อิสลาม,เขายังคงมีความโน้มเอียงไปยังปรัชญา.แต่ปรัชญาของเขาปรากฎออกมาในรูปของซูฟีและแสดงออกมาผ่านความเห็นในอิสลาม. ด้วยเหตุนี้ นักวิชาการมุสลิมรวมทั้งสหายคนสนิทของเขา อาบู บักร อิบนุ อาราบี ได้หักล้างความคิดเห็นของเขา. อาบูบักร อิบนุ อัลอาราบี ได้กล่าวว่า: ชัยคฺ ของเรา อาบู ฮามิด เข้าไปลึกในวิชาปรัชญา,ดังนั้นเขาต้องการออกไปจากมัน แต่เขาไม่สามารถทำได้. มีการเล่าเรื่องจากความคิดเห็นของเขาซึ่งฟังดูคล้ายกับวิธีพูดของ บาตินี และอาจตรวจสอบได้โดยการดูในหนังสือของอัลฆอซาลี.
แหล่งอ้างอิง
أنظر مجموع الفتاوى ج4 ص66
See Majmoo’ al-Fataawa, part 4, p. 66.
ถึงแม้ว่าฆอซอลีมีความก้าวหน้าในความรู้,เขามีความรู้ทางฮาดิษและศาสตร์ของมันเพียงเล็กน้อย,และเขาไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างฮาดิษซอเฮียะและดออีฟ(อ่อน).ชัยคุลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะห์(รอฮีมาฮุลลอฮ์)ได้กล่าวว่า: "ถ้าเราบอกว่าคนหนึ่งได้รายงานมุมมองของสะลัฟแต่สิ่งที่เขา(ฆอซาลี)รายงานห่างไกลพ้นจากความจริงที่เป็นมุมมองของสะลัฟ,ด้วยเหตุนี้เขามีความรู้เล็กน้อยบนมุมมองของชาวสะลัฟ,เช่น อาบุล มะอาลี,อาบู ฮามิด อัลฆอซาลี,อิบนุ อัลฆอตีบและที่คล้ายกัน,ผู้ที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับฮาดิษมากพอที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นนักวิชาการปกติทางด้านฮาดิษ,ที่จะเป็นนักวิชาการที่โดดเด่นในสาขานั้น.เพราะไม่มีใครในหมู่บุคคลเหล่านี้ที่มีความรู้ของอัลบุคอรีและมุสลิมและฮาดิษของพวกเขา,นอกเหนือจากสิ่งที่พวกเขาได้ยิน,ซึ่งเป็นดังเช่นมุสลิมธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างฮาดิษซอเฮียะและมุตาวาตีรตามเหล่านักวิชาการฮาดิษ,และฮาดิษที่ถูกกุ ปลอมและผิดพลาด.หนังสือของพวกเขาเป็นประจักษ์พยานต่อเรื่องนั้น,เพราะพวกมันมีสิ่งที่แปลกประหลาดและนักวิชาการที่อ้างตามหนังสือส่วนมากเป็นพวกอิลมุกาลามและซูฟี,ผู้ที่ลุกลามออกไปจากเส้นทางของสะลัฟ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาที่เสียชีวิตหรือก่อนเสียชีวิต.มีเรื่องราวที่เป็นที่รู้จักมากมาย.อาบู ฮามิด อัลฆอซาลีท่านนี้ แม้จะมีความฉลาด การอุทิศตนของเขาต่ออัลลอฮ์,ความรู้ทางกาลามและปรัชญาของเขา,การถือสันโดษของเขาและการปฏิบัติทางจิตวิญญาณและความเป็นซูฟีของเขา,สิ้นสุดลงในสภาพสับสนและใช้เส้นทางของผู้ที่อ้างว่าค้นพบสิ่งต่างๆผ่านความฝันและวิธีการทางจิตวิญญาณ.
แหล่งอ้างอิง
مجموع الفتاوى ج4 ص71
. (Majmoo’ al-Fataawa, part 4, p. 71).
เขา(อิบนุ ตัยมียะห์)ยังกล่าวด้วยว่า:ดังนั้น ถึงแม้ว่าอาบู ฮามิด ได้หักล้างนักปรัชญาและจัดพวกเขาว่าเป็นกาฟีร,เป็นการแสดงความเคารพต่อศาสนฑูต(โดยการคัดค้านปรัชญา),เป็นต้น.,และถึงแม้ว่าบางสิ่งที่เขาพูดเป็นจริงและดี,และแท้จริงผลประโยชน์ที่ได้รับมีมาก แต่งานเขียนบางส่วนของเขายังมีเนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญาและเรื่องที่เขาปฏิบัติตามหลักปรัชญาที่ทำให้เขว ซึ่งไปขัดแย้งกับคำสอนของท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ และยังขัดแย้งกับความมีสามัญสำนึก. ดังนั้นกลุ่มนักวิชาการจากคูรอซาน,อิรักและมักเหร็บวิจารณ์เขา, เช่นสหายของเขา อาบู อิชาค อัลมัรฆีนานี,อาบุล วาฟะ อิบนุ อาคีล,อัลคุชัยรี,อัลตัรตูชี,อิบนุ รุชด์,อัลมาซีรีและกลุ่มนักวิชาการก่อนหน้านี้. สิ่งนี้แม้แต่ชัยคฺ อาบู อามร์ อิบนุ อัลซอและห์ ในหนังสือของเขาที่ชื่อว่า ตาบาคอต อะชาบ อัลชาฟีอี,และได้รับการยืนยันโดยชัยคฺ อาบู ซาการียา อัลนาวาวี,ผู้ที่กล่าวในหนังสือของเขา:"บทอธิบายสิ่งที่สำคญที่อีมามอัลฆอซาลี ถูกติเตียนในหนังสือของเขาซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับนักวิชาการในมัซฮับของเขาและคนอื่นๆ,คือ คำแถลงการณ์ที่แปลกๆ ของเขา เช่นสิ่งที่เขากล่าวในมุค๊อดดิมาท อัลมันติก (Muqaddimat al-Mantiq) ที่จุดเริ่มต้นของอัลมุสตัสฟา:'นี่คือบทนำของความรู้ทั้งหมด,และใครที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้,ความรู้ของเขาไม่สามารถไว้วางใจได้."
ชัยคฺ อาบู อามร์ ได้กล่าวว่า: "ฉันได้ยินชัยคฺ อัลอีมาด อิบนุ ยูนุศ รายงานจาก ยูซุฟ อัลดิมาสคี, ครูของ อัลนิซามียะห์ ในแบกแดด,ที่เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนที่เขาเคยทำการ ประณามคำเหล่านี้และพูดว่า "อาบู บักร และอุมัร และ ท่านนั้น และท่านนั้น และท่านนั้น และท่านนั้น..."หมายความว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้มีความเชื่อมั่นและความสัตย์ แม้ว่าจะไม่มีความรู้เรื่องมุก๊อดดิมะห์(Muqaddimah) นี้และมุมมองหรือความคิดเห็นใดๆที่มีอยู่ในมัน."
แหล่งอ้างอิง
العقيدة الأصفهانية . ج 1 ص169
al-‘Aqeedah al-Isfahaaniyyah, part 1, p. 169).
อัลซาฮาบีได้รายงานในหนังสือของเขาชื่อ ซียาร อะลาม อัลนุบาลา(Siyar A’laam al-Nubala’) ว่ามุฮัมมัด อิบนุ อัลวาลีด อัลตาร์ตูชี ได้กล่าวในจดหมายฉบับหนึ่งที่เขาส่งไปที่ อิบนุ มุซอฟฟาร์: ต่อสิ่งที่คุณเอ่ยถึงเกี่ยวกับอาบู ฮามิด,ฉันได้พบเขาและพูดกับเขา,และฉันคิดว่าเขาเป็นคนที่รอบรู้มาก,เขาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมและมีความสามารถ,และเขาได้ศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิตของเขา,ใช้เวลาในการศึกษามากที่สุดในช่วงเวลาที่เขามีชีวิต,แต่แล้วเขาก็ลอยห่างจากเส้นทางของนักวิชาการและเข้าไปในกลุ่มผู้ทำอีบาดัต. หลังจากนั้นเขาได้กลายเป็นซูฟีและตัดขาดจากความรู้และเป็นประชาชนของมัน(ซูฟี),แล้วเขาก็ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับ "การสร้างแรงบันดาลใจ(กระบวนการของการถูกกระตุ้นทางจิตใจที่จะทำหรือรู้สึกบางสิ่งบางอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จะทำสิ่งที่สร้างสรรค์)(inspiration)" ผู้ที่อ้างว่ามีความรู้ทางจิตวิญญาณและการกระซิบกระซาบของไซตอน.
จากนั้นเขาก็ผสมผสานกับมุมมองของนักปรัชญาและวลีสัญลักษณ์(เช่น คำคมของเขา)ของอัลฮาลลาจ(al-Hallaaj),และเขาได้เริ่มวิพากษ์วิจารณ์บรรดาฟุกอฮาและนักวิชาการอิลมุกาลาม. เขาเกือบจะหลงทางจากศาสนาไปพร้อมกัน.เมื่อตอนที่เขาเขียน อัลอิฮฺยะ[เช่น อิฮฺยะ อุลูม อัลดีน],เขาเริ่มที่จะพูดถึงการสร้างแรงบันดาลใจและถ้อยคำทางสัญลักษณ์(เช่น คำคม)ของซูฟี,แม้ว่าเขาจะไม่มีคุณสมบัติที่จะทำอย่างนั้นและไม่มีความรู้เรื่องดังกล่าวอย่างลึกซึ้ง. ดังนั้นเขาล้มเหลวและในหนังสือของเขาเต็มไปด้วยด้วยรายงานที่ถูกเสกสรร(เรื่องเท็จที่กุขึ้นมา).
ฉัน(อัลซาฮาบี)กล่าว: สำหรับ อัลอิฮยะ, มันบรรจุฮาดิษที่ผิดพลาดมากมาย,และมันบรรจุสิ่งที่ดีก็มาก.ฉันปรารถนาว่ามันไม่บรรจุ(เรื่อง)มารยาท,พิธีกรรมและการบำเพ็ญตบะ(การถือสันโดษ)ที่ตามแนวทางของนักปรัชญาและซูฟีที่เบี่ยงเบน. เราขอจากอัลลอฮ์ประทานความรู้ที่เป็นประโยชน์. คุณทราบหรือไม่ว่าอะไรคือความรู้ที่เป็นประโยชน์? มันคือสิ่งที่อัลลอฮ์ส่งลงมาในกุรอานซึ่งถูกอธิบายโดยท่านรอซูลุลลอฮ์ทั้งคำพูดและการกระทำ,และประเภทของความรู้ที่เราถูกห้ามไม่ให้เอา.ท่านนบีมุฮัมมัด ได้กล่าวว่า: "ใครก็ตามที่หันหลังไปจากซุนนะห์ ไม่ได้เป็นของฉัน." ดังนั้น,พี่น้องของฉัน พวกท่านต้องไตร่ตรองคำดำรัสของอัลลอฮ์และยืนหยัดในการศึกษา อัลซอฮีฮายน์(al-Saheehayn),สุนันนาซาอี,รียาดอัลนาวาวีและอัลอัซการ์โดยอีมามนาวาวี,หลังจากนั้นพวกท่านจะประสบความสำเร็จและได้รับความจำเริญ.
จงระวังความเห็นของนักปรัชญา,การฝึกปฏิบัตทางจิตวิญญาณ,การอดอาหารเช่นนักบวช,และคำพูดที่ไร้สาระของบรรดาผู้ที่อยู่คนเดียวเป็นเวลานานในอารามของพวกเขา.ความดีทั้งหมดจะพบได้ในวิธีที่บริสุทธิ์และความอดทนของฮานีฟ (حنیف haneefs)(ศรัธทาที่แท้จริง). และแสวงหาความช่วยเหลือกับอัลลอฮ์.โอ้ อัลลอฮ์,โปรดนำทางเราสู่ทางอันเที่ยงตรง.
อัลมาซีรี ยกย่อง อาบู ฮามิด ในเรื่องที่เกี่ยวกับฟิกฮ์(นิติศาสตร์อิสลาม),และกล่าวว่าเขามีความรู้ทางด้านฟิกฮ์มากกว่าอุซูล อัลฟิกฮ์(หลักการพื้นฐานของฟิกฮ์). เกี่ยวกับอิลมุกาลาม (ilm al-kalaam) ซึ่งเป็นอุซูลุดดีน(usool al-deen) ที่เขาเขียนหนังสือในสาขานี้ แต่เขาไม่มีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้. ฉันเข้าใจว่าเขาขาดแคลนประสบการณ์ในสาขานี้,เพราะเขาได้ศึกษาทางด้านปรัชญาก่อนมาศึกษาอุซูลฟิกฮ์,ปรัชญาได้ทำให้เขากล้าหาญในการวิพากษ์วิจารณ์ความคิดและการโจมตีข้อเท็จจริง,เพราะปรัชญาไปพร้อมกับความคิดของคนโดยไม่ต้องมีแนวทางชารีอะห์ใดๆ.
เพื่อนคนหนึ่งของเขาได้บอกฉันว่าเขาได้ใช้เวลาเรียนมากทางด้าน ราซาอิลอิควานอัลซาฟา(Rasaa’il Ikhwaan al-Safa), ซึ่งมี 51 เรียงความ.
มันถูกเขียนโดยคนหนึ่งผู้ที่ได้ศึกษาทางด้านชารีอะห์และปรัชญา,แล้วเอามันทั้งสองมาผสมกัน.เขาเป็นชายที่รู้จักในนาม อิบนุ ซีนา,ผู้ทำให้โลกเต็มด้วยหนังสือของเขา. เขามีความรู้ดีทางปรัชญา,ซึ่งนำเขาให้พยายามอ้างถึงหลักการพื้นฐานทั้งหมดของอากีดะห์สู่ปรัชญา.
เขาพยายามอย่างหนักและประสบความสำเร็จในสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้.
ฉันได้เห็นบางส่วนของหนังสือของเขาและฉันสังเกตเห็นว่าฮามิดอ้างอิงถึง เขาอย่างมากเมื่อเขาพูดถึงปรัชญา, ที่เกี่ยวกับมุมมองซูฟี,ฉันไม่รู้ว่าเขาได้รับพวกมันจากที่ไหน,แต่ฉันได้เห็นว่าสหายของเขาอ้างถึงหนังสือของอิบนุ ซีนาและเนื้อหาของพวกมัน,และเขายังได้อ้างถึงหนังสือของอาบู ฮัยยาน อัลเตาฮีดี. เท่าที่ฉันกังวล,เขาหยิบความคิดความเชื่อที่เกี่ยวกับซูฟีมาจากเขา.
ฉันถูกเล่ามาว่าอาบู ฮัยยาน ได้เขียน หนังสือเล่มใหญ่เกี่ยวกับความเชื่อของซูฟี,และอัลอิฮฺยะ บรรจุความเชื่อที่ไม่มีรากฐานจำนวนมาก... แล้วเขาได้กล่าวว่า: ใน อัลอิฮฺยะ เข่ได้อ้างถึงความเชื่อที่ไม่มีรากฐาน,เช่น เริ่มต้นด้วยนิ้วชี้เมื่อตัดเล็บเพราะดีกว่านิ้วมืออื่นๆ,เพราะมันเป็นนิ้วที่เหนือกว่านิ้วมืออื่นๆ เช่นเดียวกับนิ้วมือที่ใช้ในตัซบีฮฺ; จากนั้นเลื่อนไปยังนิ้วกลางเพราะอยู่ทางขวาของนิ้วชี้และลงท้ายด้วยนิ้วหัวแม่มือขวา.เขาได้เล่ารายงานชิ้นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น.
ฉัน(อัลซาฮาบี)กล่าว: นี่เป็นรายงานที่กุ ปลอมขึ้นมา. อาบุลฟาราจ อัลเญาซี ได้กล่าวว่า: อาบู ฮามิด ได้เขียน อัลอิฮฺยะ และเติมเต็มมันด้วยฮาดิษปลอมซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นฮาดิษปลอม.เขาพูดถึงแรงบันดาลใจและเบี่ยงเบนไปจากกรอบของฟิกฮฺ. เขาบอกว่าดวงดาว,ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่อิบรอฮีม(อาลัยฮีสลาม) เห็นคืออุปสรรคของแสงที่ทำให้คนจากอัลลอฮ์,ไม่ใช่สิ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี.คำพูดเช่นนี้มาจากพวกบาฏินียะห์.
แหล่งอ้างอิง
السير ج19 ص340
(Siyar A’laam al-Nubala’, part 19, p. 340).
พอถึงช่วงบั้นปลายชีวิตของท่าน,อัลฆอซาลี(รอฮีมาฮุลลอฮ์)ได้กลับมามีความเชื่อตามอะห์ลุซซุนนะห์วัลญามาอะห์. เขาโฟกัส(พุ่งเป้า)ไปที่กุรอานและซุนนะห์.ท่านได้กล่าวโทษอิลมุกาลามและผู้แสดงของมัน. ท่านได้แนะนำอุมมัต(ประชาชาติมุสลิม)ให้กลับมาสู่กีตาบุลลอฮ์และซุนนะห์ของท่านรอซูลุลลอฮ์ﷺ ,และปฏิบัติตามทั้งสอง,เพราะเป็นวิถีทางของซอฮาบัต(ขออัลลอฮ์พอพระทัยพวกเขาและเหล่าผู้ที่ติดตามพวกเขาในความจริงจนกระทั่งถึงวันแห่งการตัดสินทั้งหมด). ชัยคุลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะห์(รอฮีมาฮุลลอฮ์)ได้กล่าวว่า: หลังจากนั้นเขาได้กลับมาสู่ถนนของนักวิชาการฮาดิษ,และได้เขียน อิลญาม อัล เอาวาม อัน อิลมุลกาลาม
(إلجام العوام عن علم الكلام).
แหล่งอ้างอิง
مجموع الفتاوى ج4 ص72 .
Majmoo Fataawa, part 4, p. 72
อิลญาม อัล เอาวาม อัน อิลมุลกาลาม จะพิสูจน์ให้เราเห็นได้ชัดว่าเขาเปลี่ยนไปในหลาย ๆ ด้าน:
1 - ในหนังสือเล่มนี้เขาสนับสนุนความเชื่อมั่นของสะลัฟ และชี้ให้เห็นว่าทางของสะลัฟ คือความจริง และว่าใครก็ตามที่ไปขัดแย้งกับพวกเขา เป็นนักอุตริกรรมหรือผู้ติดตามของบิดอะห์.
2 - เขาประณามอย่างหนักหน่วง ต่อการตะวีล(การตีความคุณลักษณะของอัลลอฮ์ในรูปแบบที่แตกต่างจากความหมายที่ชัดเจน).เขาสนับสนุนการยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮ์ และไม่ตีความผิด(เฉไฉ)ในคุณลักษณะที่จะนำไปสู่การปฏิเสธคุณลักษณะของอัลลอฮ์.
3 - เขาประณามอย่างเด่นชัดต่อนักวิชาการอิลมุกาลามและอธิบายหลักการและมาตรฐานทั้งหมดของพวกเขาว่า "อุตริกรรมที่น่ารังเกียจ" ซึ่งทำอันตรายกับผู้คนเป็นจำนวนมากและสร้างปัญหาให้กับชาวมุสลิม.เขาได้กล่าวว่า:"ความเสียหายที่เกิดกับผู้คนจำนวนมากเป็นสิ่งที่ถูกเห็นมา,ได้รู้เห็นและได้ประสบมา. ความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่อิลมุกาลาม เริ่มขึ้นแพร่หลาย แม้ว่าประชาชนในยุคซอฮาบัตได้ห้ามมันไว้แล้ว,โดยอิจมาอฺ(มติเอกฉันท์),อย่าได้ตามแนวทางของนักวิชาการของอิลมุกาลามเมื่อพวกเขาสร้างข้อโต้แย้งและหลักฐานและการคิดวิเคราะห์.
"นั่นไม่ใช่เพราะว่าพวกเขา(เหล่าซอฮาบัต)ไม่สามารถที่จะกระทำมัน; ถ้าหากว่าพวกเขาได้คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี,พวกเขาจะกระทำมันในวิถีทางที่ดีที่สุด,และพวกเขาจะศึกษาเรื่องนั้นอย่างจริงจัง,มากกว่าที่พวกเขาจะทำเกี่ยวกับการแบ่งมรดกระหว่างทายาท(ทางฟิกฮ์)(อัลฟารออิด)."
เขา(อีมามฆอซาลี)ได้กล่าวด้วยว่า: "บรรดาซอฮาบัต(ขออัลลอฮ์พอพระทัยพวกเขาทั้งหมด)จำเป็นที่ต้องพิสูจน์ความเป็นนบีของมุฮัมมัดﷺ ต่อชาวยิวและคริสเตียน,แต่พวกเขาไม่ได้เพิ่มหรือหาหลักฐานใดๆเพื่อเป็นสักขีพยานต่อกุรอาน; พวกเขาไม่ได้ตั้งข้อโต้แย้งหรือวางหลักการทางปรัชญา. นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าการทำเช่นนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาและก่อให้เกิดความสับสน. ใครไม่เชื่อด้วยหลักฐานของคัมภีร์อัลกุรอานจะไม่เชื่ออะไรอื่นนอกจากดาบเพราะไม่มีหลักฐานข้อพิสูจน์ใดๆอีกหลังจากข้อพิสูจน์ของอัลลอฮ์. "
แหล่งอ้างอิงดูที่
( أبو حامد الغزالي والتصوف )
See Abu Haamid al-Ghazzaali wa’l-Tasawwuf.
นี่เป็นบางส่วนของความเห็นที่มาจากนักวิชาการที่ไว้วางใจได้ที่มีต่ออีมามฆอซาลี(รอฮีมาฮุลลอฮ์). บางทีสิ่งนี้เพียงพอต่อผู้แสวงหาทางนำ.และอัลลอฮ์เป็นผู้นำทางที่เที่ยงตรง.
Islam Q&A
Sheikh Muhammed Salih Al-Munajjid
https://islamqa.info/en/13473
แปลโดย Firdaus Msdง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น