วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

49693: เขาทำให้ลมออกขณะกำลังทำฆุซล์จากการอาบน้ำญานาบะห์; ฆุซล์ของเขาไม่ถูกต้องใช่หรือไม่? การอาบน้ำญะนาบะห์ หรือที่เรียกว่า اَلْغُسْلُ ( อัลฆุสลุ ) เป็นการอาบน้ำตามข้อบัญญัติของศาสนาเนื่องจากเหตุดังต่อไปนี้คือ

49693: เขาทำให้ลมออกขณะกำลังทำฆุซล์จากการอาบน้ำญานาบะห์; ฆุซล์ของเขาไม่ถูกต้องใช่หรือไม่?
คำถาม
ถ้าหากคนหนึ่งลมออกขณะกำลังทำฆุซล์จากญานาบะห์,สิ่งนั้นไม่ทำให้ฆุซล์ถูกต้องหรือไม่?.
คำตอบ
มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์.
ผ่านลม(ตด เป็นต้น)เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้น้ำวูฎุอฺเป็นโมฆะ แต่มันไม่ได้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ฆุซล์เป็นโมฆะ. พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้,หากคนหนึ่งสัมผัสส่วนของส่วนตัวของเขา(อวัยวะเพศของเขา เป็นต้น),ปัสสาวะหรือผ่านลมขณะกำลังทำฆุซล์,เขาควรทำฆุซล์ของเขาให้เสร็จ,แล้วเอาน้ำวุฎุอฺหลังจากนั้น.
หลักการพื้นฐานคือว่าถ้าหากฆุซล์ถูกกระทำตาม(เพื่อชำระ)ความไม่สะอาดหลัก,เมื่อนั้นมันเพียงพอ สำหรับวุฎุอฺ',เพราะอัลลอฮ์ตรัส:
"...وَإِن كُنتُمْ جُنُبًا فَاطَّهَّرُوا ..." ( 6 ) 
"... และหากพวกเจ้ามีญะนาบะฮฺ(เช่น หลังจากตกขาว เป็นต้น) ก็จงชำระร่างกายให้สะอาด ..."

[อัล-มาอิดะฮฺ 5:6]
เขาไม่ต้องทำน้ำวุฎุอฺ หลังจากทำฆุซล์,แต่ถ้าหากสิ่งหนึ่งจากสิ่งที่ทำให้น้ำวุฎุอฺเสียหรือไม่ถูกต้องเกิดขึ้นขณะกำลังทำฆุซล์หรือหลังจากนั้น,เมื่อนั้นเขาต้องทำน้ำวุฎุอฺสำหรับละหมาด.แต่ถ้าหากเขาไม่ได้ทำให้น้ำวุฎุอฺของเขาเสียเมื่อนั้นฆุซล์ของเขาจากญานาบะห์เพียงพอสำหรับวุฎุอฺ',ไม่ว่าเขาทำวุฎุอฺก่อนฆุซล์หรือไม่.แต่มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใส่ใจกับการล้างปากและจมูก,เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งน้ำวุฎุอฺและฆุซล์.
มัจมุอฺ ฟัตตาวา อัล-ชัยค์ อิบนุ อุไซมีน, 11/228
และอัลลอฮ์รู้ดีที่สุด.
Source: Islam Q&A
แปลโดย Firdaus Msd
หมายเหตุ
อย่าลืม ว่า เรื่องจากกระทู้นั้น จำเป็นต้อง ทำฆุซล์ ตามกระทู้นี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2303651463288362&id=100009305927506



การอาบน้ำญะนาบะห์ หรือที่เรียกว่า اَلْغُسْلُ ( อัลฆุสลุ ) เป็นการอาบน้ำตามข้อบัญญัติของศาสนาเนื่องจากเหตุดังต่อไปนี้คือ
1 – เหตุที่เป็นวาญิบ อันได้แก่ การหลั่งอสุจิ, การมีเพศสัมพันธ์, หมดประจำเดือน, หมดน้ำคาวปลา เพราะเมื่อมีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นก็ไม่สามารถ ละหมาด,ฎอวาฟ, เอียะติกาฟ อ่านอัลกุรอ่านได้ เพราะฉะนั้นบางคนจึงเรียกการอาบน้ำเนื่องจากเหตุดังกล่าวว่า การอาบน้ำวาญิบ
2 – เหตุที่เป็นซุนนะห์ อันได้แก่ ก่อนละหมาดวันศุกร์, ก่อนละหมาดอีดทั้งสอง, ก่อนการครองเอียะห์ราม, หลังการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง,หลังจากอาบน้ำมัยยิต,หลังการเข้ารับอิสลาม และหลังจากเป็นลมหมดสติ ซึ่งเรามักจะเรียกการอาบน้ำจากเหตุดังกล่าวนี้ว่า การอาบน้ำซุนนะห์
และไม่ว่าการอาบน้ำนี้จะมีเหตุมาจากวาญิบ หรือซุนนะห์ ก็ตาม แต่ก็เป็นการอาบตามคำสั่งใช้และคำสั่งสนับสนุนของศาสนา ดังนั้นจึงมีวิธีการอาบโดยเฉพาะ
วิธีการอาบน้ำญะนาบะห์
1 – กล่าว บิสมิ้ลลาห์ และล้างมือทั้งสองข้าง
2 – ใช้มือซ้ายล้างอวัยวะเพศให้เกลี้ยง
3 – อาบน้ำละหมาดโดยยังไม่ต้องล้างเท้า
4 – เอาน้ำราดศีรษะ 3 ครั้ง และขยี้ให้ทั่วถึงรากผม
5 – เอาน้ำราดตัวโดยเริ่มจากทางขวาก่อนต่อมาเอาน้ำราดตัวทางด้านซ้าย
6 – ชำระล้างร่างกายให้ทั่วโดยเพราะตามซอก เช่น ใบหู,สะดือ,ซอกนิ้วมือนิ้วเท้า
7 – ขยับออกจากที่เดิมเล็กน้อย ล้างเท้าขวา 3 ครั้ง และล้างเท้าซ้าย 3 ครั้ง

การอาบน้ำวาญิบหรืออาบน้ำซุนนะห์ มีวิธีอาบเหมือนกัน แต่เหตุของการอาบต่างกันเท่านั้นเอง และเมื่อเสร็จสิ้นการอาบน้ำญะนาบะห์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำละหมาดอีก ถือว่าเขามีน้ำละหมาดแล้ว ดังมีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะห์ว่า
كَانَ رَسُوْلُ اللهِ صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ لاَ يَتَوَضَّأُ بَعْدَ الْغُسْل
“ท่านรอซูลไม่ได้อาบน้ำละหมาดอีกหลังจากอาบน้ำญะนาบะห์” บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม
เครดิต เพจ ฮาดิษ ซอฮิฮ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น