วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

46992: สรุปภาพรวมของมัซฮับอีมามอาบูฮานีฟะห์

46992: สรุปภาพรวมของมัซฮับอีมามอาบูฮานีฟะห์
้เราหวังว่าท่านจะสามารถบอกเราถึงภาพรวมของอีมามอาบูฮานีฟะห์และมัซฮับของเขา,เพราะฉันได้ยินประชาชนบางคนวิพากษ์วิจารณ์มัซฮับของเขา เพราะเขาพึงพามากเกินไปในเรื่องกียาส(القياس)(การเปรียบเทียบ,อุปไมย) และรออี้(الرأي)(ความคิดเห็น).
มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์.
อีมามอาบู ฮานีฟะห์เป็นฟาเกียะห์(فقيه)(ฟิกฮ์)
และนักวิชาการที่ยิ่งใหญ่แห่งอิรัค,อาบู ฮานีฟะห์ อัล นุมาน อิบนุ ซาบิต อัลตัยมี อัลกูฟี
(أبو حنيفة النعمان بن ثابت التيمي الكوفي).
เขาเกิดปี ฮ.ศ 80 ในช่วงชีวิตของซอฮาบัตอายุน้อยบางท่าน และเขาได้พบเจออนัส อิบนุ มาลิก(รอดียัลลอฮูอันฮู) เมื่อตอนที่เขาได้มาถึงที่พวกเขาในคูฟา. เขาได้รายงานจากอะตา อิบนุ อาบี ราบะห์,ผู้ที่เป็นชัยคฺที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา,และจากอัล-ชุบี และอื่นๆ อีกมากมาย.

เขากังวลกับการหารายงานและเขาเดินทางเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว. ที่เกี่ยวกับฟิกฮ์และการตรวจสอบและวิเคราะห์รายงาน,เขาเป็นคนสุดท้ายและประชาชนขึ้นอยู่กับเขาในเรื่องนั้น,ตามที่อีมามอัลซาฮาบีได้กล่าว:"มันต้องใช้ตำราสองเล่มในการเล่าชีวิตของเขา,ขออัลลอฮ์พอพระทัยเขาและเมตตาเขา."
เขาเป็นอิหม่ามที่พูดเก่งและพูดได้ดี. ลูกศิษย์ของเขาอาบู ยูซูฟ ได้บรรยายเกี่ยวกับตัวเขาดังต่อไปนี้:
"เขาเป็นคนที่พูดได้ดีที่สุดของประชาชนและชัดเจนในการแสดงออก. เขาเป็นคนที่เคร่งครัดในศาสนาและเป็นผู้ป้องกันอย่างมากในเรื่องการละเมิดขอบเขตของอัลลอฮ์.เขาถูกยื่นเสนอเพื่อรับผลประโยชน์ในทางโลกและทรัพย์สมบัติมากมาย แต่เขาหันหลังให้กับมัน. เขาถูกบีบบังคับให้ยอมรับตำแหน่งผู้พิพากษาหรือผู้ควบคุมบัยตุลมาล(คลังของรัฐอิสลาม)แต่เขาปฏิเสธ.

ประชาชนมากมายได้เล่ารายงานจากเขา,และเขาเสียชีวิตด้วยความทุกข์ทรมานจากโรคท้องมานใน ฮ.ศ 150 ตอนที่เขาอายุ 70 ปี.
แหล่งอ้างอิง
[ سير أعلام النبلاء 6 390 – 403 ، أصول الدين عند الإمام أبي حنيفة ص 63 ]
(Siyar A’laam al-Nubala’, 6/390-403; Usool al-Deen ‘inda al-Imam Abu Haneefah, p. 63).

มัซฮับฮานาฟี เป็นหนึ่งในสี่มัซฮับที่เป็นที่รู้จักกันดี,และมันเป็นมัซฮับแรกทางด้านฟิกฮ์.
มันถูกกล่าวว่า: "ประชาชนต้องพึงพาอาบู ฮานีฟะห์ในเรื่องของฟิกฮ์." ต้นกำเนิดของมัซฮับฮานาฟีและมัซฮับอื่นๆทั้งหมดคืออิหม่ามทั้งสี่ ฉันหมายถึง อาบู ฮานีฟะห์,มาลิก,อัลชาฟีอีและอะห์มัด - เป็นผู้สร้างความพยายามในความเข้าใจหลักฐานจากกุรอานและซุนนะห์, และพวกเขาออกฟัตวาไปยังประชาชนเป็นไปตามหลักฐานที่ได้ไปถึงพวกเขา. แล้วลูกศิษย์หรือผู้ติดตามของอีมามเหล่านี้นำฟัตวาของพวกเขาและส่งต่อพวกมันและออกฟัตวาอื่นๆบนรากฐานของพวกมัน. และรับหลักการจากพวกเขา(สี่อีมาม)และพวกเขา(บรรดาลูกศิษย์)วางแนวทางในการทำความเข้าใจกับตัวบทและไปถึงข้อสรุป. ด้วยเหตุนี้ มัซฮับฟิกฮ์จึงถือกำเนิด(ก่อร่างก่อตัว),
และมัซฮับฮานาฟี,
มัซฮับชาฟีอี,มัซฮับมาลีกีและมัซฮับฮัมบาลี,และมัซฮับอื่นๆ เช่น อัลเอาซาอี และซุฟยาน,แต่มัซฮับหลังนี้ไม่ได้กำหนดให้ดำเนินการต่อ.

ตามที่คุณได้เห็น,ว่าสำนักฟิกฮ์เหล่านี้อยู่บนรากฐานของการปฏิบัติตามกุรอานและซุนนะห์.
กับประเด็นเรื่องกียาส(القياس)(การเปรียบเทียบ,อุปไมย) และรออี้(الرأي)(ความคิดเห็น).ที่ถูกนำมาใช้โดยอีมามอาบู ฮานีฟะห์, สิ่งที่หมายถึง ไม่ใช่เพราะความเห็นหรือมุมมองวางอยู่บนการตามอำเภอใจและความประสงค์, มากกว่าที่ว่า มุมมองหนึ่งมีรากฐานอยู่บนหลักฐาน,หรือการเปรียบเทียบ,หรือการตามหลักการทั่วไปของชารีอะห์. สะลัฟใช้เพื่ออธิบายอิจติฮาดในประเด็นปัญหาที่ยากลำบากเป็น รออี้(الرأي)(ความเห็นหรือมุมมอง). หลายคนเคยกล่าวเมื่อแสดงความคิดเห็นต่อโองการหนึ่งจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์,"นี่เป็นมุมมองของฉัน(อิจติฮาด)เกี่ยวกับมัน,"แต่สิ่งนั้นไม่ได้กล่าวด้วยมุมมองที่วางอยู่บนการตามอำเภอใจและความประสงค์,ตามที่ได้กล่าวด้านบน.
อีมามอาบู ฮานีฟะห์ ปฏิบัติตามในเรื่องที่เกี่ยวกับรออี้ และกียาสเป็นอย่างมาก ซึ่งมากกว่าการลงโทษฮูดูด(การลงโทษที่เกิดขึ้นภายใต้ชารีอะห์อิสลาม),การไถ่ถอนความผิดและปัญหาชารีอะห์อื่นๆ,และเหตุผลคือว่าเขามีฮาดิษที่อยู่ในการจัดการของเขาน้อยกว่าอีมามท่านอื่นๆ, เพราะเขามาก่อนอีมามท่านอื่นๆและเข้มงวดมากเกี่ยวกับการยอมรับฮาดิษ,
เพราะรายงานเท็จได้แพร่หลายมากในอิรักในเวลานั้น และมีฟิตนะห์เกิดขึ้นมากมาย.

ควรตั้งข้อสังเกตว่าไม่ใช่ทุกความคิดเห็นและมุมมองของมัซฮับฮานาฟีที่ถูกกำหนดภายหลังจากอีมาม อาบู ฮานีฟะห์เป็นคำพูดของอาบู ฮานีฟะห์เอง, หรือสามารถถูกอ้างถึงเขาอย่างถูกต้อง.
หลายความเห็นหรือมุมมองเหล่านี้ไปขัดแย้งกับสิ่งที่อีมาม อาบูฮานีฟะห์ได้กล่าวไว้,แต่พวกเขาได้ถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของมัซฮับของเขา(อีมามฮานาฟี) เพราะพวกเขาได้ดำเนินการออกมาจากตัวชี้นำของมัซฮับซึ่งได้รับมาจากตัวบทอื่นๆของอีมาม. ในทำนองเดียวกันมัซฮับฮานาฟี อาจใช้มุมมองของลูกศิษย์ของอิหม่ามเช่น อาบู ยูซุฟและมุฮัมมัด,และยังรวมถึงอิจติฮาด ของลูกศิษย์ของอิหม่าม,ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมัซฮับ. นี่ไม่ได้ใช้เฉพาะกับมัซฮับของฮาบู ฮานีฟะห์เท่านั้น, เช่นเดียวกันอาจถูกกล่าวด้วยจากมัซฮับต่างๆที่เป็นที่รู้จักกันดี.

ถ้ามันถูกกล่าวว่า: ถ้าสี่มัซฮับมีรากฐานมาจากกุรอานและซุนนะห์(เช่น ฮาดิษ), ทำไมเราจึงพบความแตกต่างของมุมมองหรือความคิดเห็นระหว่างพวกเขาในเรื่องของฟิกฮ์?
คำตอบคือ: อีมามแต่ละท่านออกฟัตวาบนพื้นฐานของพยานหลักฐานที่ไปถึงเขา. ฮาดิษหนึ่งอาจไปถึงอีมามมาลิกบนรากฐานจากสิ่งที่เขาออกฟัตวา,แต่ไม่ไปถึงอาบู ฮานีฟะห์ , ดังนั้นเขาออกฟัตวาด้วยคำพูดที่แตกต่าง,และในทำนองเดียวกัน. ในทำนองเดียวกันฮาดิษหนึ่งอาจไปถึงอาบู ฮานีฟะห์ด้วยสายรายงานที่ซอเฮียะดังนั้นเขาได้ออกฟัตวาโดยใช้ฮาดิษนั้นเป็นฐาน, และฮาดิษเดียวกันอาจไปถึงอีมามชาฟีอีด้วยสายรายงานที่ต่างกันที่มันดออีฟ(อ่อน),ดังนั้นเขาจึงไม่ออกฟัตวาด้วยการใช้ฮาดิษดังกล่าวเป็นฐาน, หรือเขาอาจออกฟัตวาหนึ่งแล้วที่กล่าวถึงสิ่งที่ไปขัดแย้งกับฮาดิษที่ใช้เป็นฐานที่สรุปออกมา.นี่คือเหตุผลที่ความแตกต่างเกิดขึ้นในหมู่นักวิชาการ แต่ท้ายที่สุดสาระสำคัญอ้างอิงคืออัลกุรอานและซุนนะห์.
โดยข้อเท็จจริง,อีมาม อาบู ฮานีฟะห์และอีมามท่านอื่นๆทำตามตัวบทจากกุรอานและซุนนะห์, ถึงแม้ว่าบางฟัตวาไม่ได้มีรากฐานบนมัน,
เหตุผลที่เป็นอย่างนั้น ทั้งสี่อีมามได้กล่าวว่าถ้าฮาดิษหนึ่งซอเฮียะ,แล้วนั่นคือมัซฮับของพวกเขา,นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติตาม,บนสิ่งที่พวกเขาวางรากฐานในฟัตวาของพวกเขาและจากสิ่งนั้นที่พวกเขาได้รับหลักฐานของพวกเขา.

อีมาม อาบู ฮานีฟะห์ได้กล่าวว่า:"ถ้าฮาดิษหนึ่งซอเฮียะถ้างั้นนั่นคือมัซฮับของฉัน."และเขาได้กล่าวว่า:"ไม่อนุญาตสำหรับใครก็ตามที่จะตามสิ่งที่เรากล่าวถ้าหากพวกเขาไม่รู้ว่าเราได้รับมันจากที่ไหน."ตามการเล่าอีกรายงานหนึ่งเขาได้กล่าวว่า:"มันฮาราม(ห้าม)สำหรับคนที่ไม่รู้หลักฐานของฉันที่จะออกฟัตวาตามคำพูดของฉัน."และตามรายงานอีกชิ้นเขาได้เสริมว่า:"เราเป็นมนุษย์,เราอาจกล่าวบางสิ่งในวันนี้และเพิกถอนมันพรุ่งนี้."และเขาได้กล่าวว่า:"ถ้าหากว่าฉันพูดบางสิ่งที่ไปค้านกับคัมภีร์ของอัลลอฮ์หรือรายงานของท่านรอซูลุลลอฮ์ﷺ ,ถ้างั้นก็จงละทิ้งในสิ่งที่ฉันพูด."
อีมามมาลิก(รอฮีมาฮุลลอฮ์)ได้กล่าวว่า:"ฉันเป็นเพียงมนุษย์,บางครั้งฉันทำผิดพลาดและบางครั้งฉันทำในสิ่งที่ถูกต้อง. ดูที่ความคิดเห็นของฉันและอะไรที่สอดคล้องกับกุรอานและซุนนะห์ จงรับมัน, และอะไรที่ไม่สอดคล้องกับกุรอานและซุนนะห์,จงละทิ้งมัน."และเขากล่าวว่า: "ไม่มีใครหลังจากท่านรอซูลุลลอฮ์ซึ่งคำพูดไม่สามารถเอาหรือทิ้งได้นอกเหนือจากท่านรอซูลุลลอฮ์"
(หมายความว่า คนอื่นที่มาภายหลังท่านนบี คำพูดของเขาจะเอาหรือทิ้ง ยังทำได้ แต่สำหรับนบี ต้องเอาอย่างเดียว)

อีมามอัชชาฟาอี(รอฮีมาฮุลลอฮ์)ได้กล่าวว่า:"ไม่มีผู้ใดจะไม่ตระหนักถึงบางส่วนของซุนนะห์ของท่านร่อซูลของอัลลอฮ์.
สิ่งใดที่ฉันพูดหรือแนวทางใดก็ตามที่ฉันสร้าง,ถ้าหากมีรายงานจากท่านรอซูลุลลอฮ์ซึ่งแตกต่างจากที่ฉันพูด,ดังนั้นสิ่งสำคัญคือสิ่งที่ท่านร่อซู้ลของอัลลอฮ์ﷺ ได้กล่าวไว้,และนั่นคือความคิดเห็นของฉัน."

อีมามอะห์มัดได้กล่าวว่า:"อย่าได้ติดตามฉันอย่างคนตาบอดและอย่าได้ทำตามมาลิกหรืออัลชาฟาอีหรืออัลเอาซาอี้หรืออัลเซารีอย่างคนตาบอด. ศึกษาจากที่พวกเขาได้ศึกษา."และเขาได้กล่าวว่า:"ความคิดเห็นของ อัลเอาซาอี้และความคิดเห็นของมาลิก และความคิดเห็นของอาบู ฮานีฟะห์ เป็นเพียงแค่การนึกเห็นเท่านั้นและทั้งหมดนี้ก็เหมือนกับฉัน. มากกว่าที่หลักฐานต้องพบเจอในรายงาน - เช่น หลักฐานของชารีอะห์อิสลาม."
นี่คือสรุปสั้นกะทัดรัดบนการมองไปที่อีมาม อาบู ฮานีฟะห์(รอฮีมาฮุลลอฮ์) และมัซฮับของเขา. สรุปได้ว่า,มุสลิมไม่สามารถให้การยอมรับสถานะและตำแหน่งของอิหม่ามเหล่านี้(สูงกว่านบีมุฮัมมัด ﷺ ได้) และไม่ควรนำเราไปให้ความสำคัญกับมุมมองของพวกเขาเหนือไปกว่าคัมภีร์ของอัลลอฮ์และรายงานซอเฮียะจากท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ ,เพราะตามหลักการแล้วเราควรทำตามกุรอานและซุนนะห์และไม่ใช่(ตาม)ความคิดเห็นของผู้ใด;ความคิดเห็นของคนใดนั้นอาจถูกนำไปใช้หรือปล่อยทิ้งได้,ยกเว้นท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ ,ตามที่อีมามมาลิกได้กล่าว.
สำหรับข้อมูลมากกว่านี้กรุณาดูคำถามหมายเลข 5523, 13189, 23280, 21420.
ดู ด้วยที่ อัลมะซาฮาฮิบ อัลฟิกฮียยะห์ โดย อุมัร อัลอัชการ์.
وانظر المدخل إلى دراسة المدارس والمذاهب الفقهية لعمر الأشقر .

เขียนโดย ชัยคฺ มุฮัมมัด ซอและห์ อัลมุนัจจิด
แปลโดย Firdaus Msd

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น