วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

237492: อีมามอัลชาตีบี เป็นอาชาอีเราะห์หรือไม่?

237492: อีมามอัลชาตีบี เป็นอาชาอีเราะห์หรือไม่?
มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์.
ประการที่หนึ่ง:
อาบู อีชาค อัชชาตีบี(รอฮีมาฮุลลอฮ์)มีชีวิตในศตวรรษที่ 8 ฮิจเราะห์(เสีย ฮ.ศ 790) ในกรานาดา,ในแผ่นดินอันดาลูเซีย,ซึ่งในเวลานั้นครอบครองโดยหลักความเชื่ออาชาอีเราะห์(อากีดะห์).
ชัยคฺ มุบาราค อัลมีลี(รอฮีมาฮุลลอฮ์)ได้กล่าวว่า:
ประชาชนแห่งมักเหร็บเป็นสาลาฟี จนกระทั่ง อิบนุ ตูมาร์ท ได้เดินทางไปยังทิศตะวันออก และตัดสินใจนำการปฏิวัติสู่มักเหร็บ,ทางด้านการเมือง,ภูมิปัญญาและศาสนา.เขานำแนวทางอาชาอีเราะห์เข้ามาและสนับสนุนมัน,และเขาเรียกชาวสาลาฟีว่า สาลาฟีมุราบีตูน(Almoravids) "มุญัซซิมีน" [ผู้ที่เปรียบคุณลักษณะของพระเจ้าเหมือนมนุษย์]. การปฏิวัติของเขาเกิดขึ้นจากมือของ(ผู้ปกครอง'อับดุลมุมิน,และอาชาอีเราะห์แพร่หลายในมักเหร็บ.
วิธีการจัดการกับสาลาฟี หายไปพร้อมกับการล่มสลายของรัฐซานฮาญะห์ และไม่ได้รับการสนับสนุนหลังจากนั้นยกเว้นนักวิชาการบางคนในหลายช่วงเวลา.
แหล่งอ้างอิง
End quote from Tareekh al-Jazaa’ir fi’l-Qadeem wa’l-Hadeeth (2/338)
โดยที่รัฐมูวาฮีด(Almohad) แพร่กระจายความเชื่อของอาชาอีเราะห์ในมักเหร็บ(อัฟริกาเหนือ),พวกเขาทำสิ่งเดียวกันในแผ่นดินอันดาลุเซีย,เพราะพวกเขาเข้าควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่รวมทั้งกรานาดา.
ด้วยเหตุนั้น นักวิชาการส่วนมากในเวลานั้นไปเป็นอาชาอีเราะห์กัน,ซึ่งมีผลกระทบต่อความคิดเห็นของพวกเขา,รวมทั้งอีมามอัชชาตีบี(รอฮีมาฮุลลอฮ์). ผลกระทบของอาชาอีเราะห์สามารถมองเห็นมากมายในเรื่องอากีดะห์ที่เขากล่าวถึงในหนังสือเหล่านั้นของเขาที่ได้มาถึงเรา.
หนังสือของอีมามอัชชาตีบี: อากีดาตูฮู วา เมากีฟูฮู มิน อัลบิดะ วา อะห์ลีฮา โดย อับดุรรอฮ์มาน อาดัม อาลี และ อัลอิลลาม บี มุคอลาฟาต อัลมุวาฟาก๊อท วัล อิติซาม โดย นาซีร อัลฟาฮฺด,ถกในประเด็นปัญหาอากีดะห์ จำนวนหนึ่งซึ่งอัชชาตีบีติดตามอาชาอีเราะห์.
ประการที่สอง:
อีมามอัชชาตีบี(รอฮีมาฮุลลอฮ์)เคารพซุนนะห์และความเชื่อของการปฏิบัติตามสะลัฟ(คนรุ่นก่อน 300 ปีแรก), และเขาต่อต้านอุตริกรรมบิดอะห์,โดยสามารถเห็นชัดในหนังสือสองเล่มของเขา อัลมุวาฟาก๊อต และ อัลอิติซาม.
ไม่มีเงื่อนไขที่กำหนดว่านักวิชาการคนหนึ่งควรปลอดพ้นความผิดพลาด; แต่มันควรถูกกำหนดว่าควรจริงใจ, แสวงหาความจริงและมุ่งมั่นอย่างหนักในการกระทำเช่นนั้น, และเขาควรมีอิสระจากอิทธิพลของการเอาแต่ใจและตามความประสงค์.
ถ้านักวิชาการคนหนึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นเช่นนั้น,ดังนั้น เราอาจเอาจากเขาในสิ่งที่ถูกต้องและละทิ้งในสิ่งที่ผิดจากเขา,และเราควรยอมรับสถานภาพของเขาและดุอาขอความเมตตาและให้อภัยเขา.
ชัยคุลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะห์(รอฮีมาฮุลลอฮ์)ได้กล่าวหลังจากการอ้างถึงนักวิชาการจำนวนมากผู้ที่ทำตามแนวทางอาชาอีเราะห์:
ยิ่งกว่านั้นนักวิชาการแต่ละคนได้พยายามอย่างหนักและทำดีมากสำหรับชาวมุสลิมและหักล้างคนนอกรีตและนักอุตริกรรมหลายคน และสนับสนุนผู้ทำตามซุนนะห์และอิสลามจำนวนมากมาย, เป็นที่ชัดเจนกับทุกคนที่รู้เกี่ยวกับชีวประวัติของพวกเขาและพูดเกี่ยวกับพวกเขาด้วยความรู้,ความจริงใจ,ความยุติธรรมและใจกว้าง.
แต่โดยที่พวกเขาสับสนโดยวิธีการจัดการกับสิ่งนั้น(แนวทางอาชาอีเราะห์),ที่ถูกนำมาจากมุตาซีละห์ในช่วงแรก,ถึงแม้ว่าพวกเขาเป็นประชาชนแห่งคุณธรรมและความรอบรู้, พวกเขาได้พบว่าพวกเขาเองไม่มีทางเลือก นอกจากทำตามมันบนข้อสรุปที่ไม่ถูกต้อง.เป็นผลให้พวกเขามาพร้อมกับมุมมองที่ถูกประณามจากคนของความรู้และความมุ่งมั่นทางศาสนาในหมู่ชาวมุสลิม.
เพราะเรื่องนั้น,ประชาชนบางส่วนเคารพนับถือพวกเขา อันเนื่องมาจากคุณสมบัติที่ดีและคุณธรรมของพวกเขา,และบางคนของพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์พวกเขา,เพราะบางตัวอย่างของอุตริกรรมและความเท็จที่เกิดขึ้นในคำพูดของพวกเขา.แต่ที่ดีที่สุดของเรื่องคือคนที่อยู่พอประมาณและยอมรับเส้นทางระดับกลาง.
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ใช้สำหรับพวกเขาเท่านั้น; แต่สิ่งที่คล้ายกันเกิดขึ้นกับหลายกลุ่มของนักวิชาการศาสนา,แต่อัลลอฮ์,ผู้ได้รับการสรรเสริญ,รับได้กับการกระทำดีของบ่าวทุกคนที่ศรัธทาในพระองค์,และให้อภัยพวกเขาสำหรับการกระทำที่ชั่วของพวกเขา.
"พระเจ้าของเรา! ขอทรงโปรดปรานเราและพี่น้องของเราที่ได้มาก่อนเราในความศรัทธา,และอย่าได้ผูกความเกลียดชังในหัวใจของเราต่อผู้ศรัธทา. พระเจ้าของเรา! พระองค์เป็นผู้ทรงเต็มไปด้วยความกรุณา,ความเมตตา"
แหล่งอ้างอิง
[al-Hashr 59:10].
ไม่สงสัยเลยว่าผู้ใดที่มีความมุ่งมั่นอย่างหนักในการแสวงหาความจริงและความรู้ทางศาสนาจากท่านรอซูลุลลอฮ์ﷺ,แต่ทำผิดพลาดบางอย่าง,อัลลอฮ์จะทรงให้อภัยในความผิดของเขา,ในการตอบสนองการวิงวอนที่อัลลอฮ์ได้ทรงตอบสำหรับท่านรอซูลﷺ และบรรดาผู้ศรัทธาเมื่อพวกเขากล่าว:"
“โอ้พระเจ้าของพวกเรา! โปรดอย่าเอาโทษแก่เราเลย หากพวกเราลืม หรือผิดพลาดไป ” [อัลบากอเราะฮ์ 2:286].
แหล่งอ้างอิง
End quote from Dar’ Ta‘aarud al-‘Aql wa’n-Naql(2/102-103)
และอัลลอฮ์รู้ดีที่สุด.
เขียนโดย ชัยคฺ ซอและห์ อัลมุนัจจิด
แปลโดย Firdaus Msd
ที่มา https://islamqa.info/en/237492

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น