วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562

ผู้ที่มีเตาฮีด จะรอดพ้นจากการอยู่ในนรกตลอดกาล


ผู้ที่มีเตาฮีด จะรอดพ้นจากการอยู่ในนรกตลอดกาล
 

حَدَّثَنا عُمَرُ بْنُ حَفْصِ بْنِ غِيَاثٍ، حَدَّثَنَا أَبِي، حَدَّثَنَا الأَعْمَشُ، قَالَ: حَدَّثَنِي إِبْرَاهِيمُ، عَنْ عَلْقَمَةَ، عَنْ عَبْدِ اللَّهِ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ، قَالَ:
 
        لَمَّا نَزَلَتْ {الَّذِينَ آمَنُوا وَلَمْ يَلْبِسُوا} [الأنعام: 82] إِيمَانَهُمْ بِظُلْمٍ، قُلْنَا: يَا رَسُولَ اللَّهِ، أَيُّنَا لاَ يَظْلِمُ نَفْسَهُ؟ قَالَ: " لَيْسَ كَمَا تَقُولُونَ {لَمْ يَلْبِسُوا إِيمَانَهُمْ بِظُلْمٍ} [الأنعام: 82] بِشِرْكٍ، أَوَلَمْ تَسْمَعُوا إِلَى قَوْلِ لُقْمَانَ لِابْنِهِ يَا بُنَيَّ لاَ تُشْرِكْ بِاللَّهِ إِنَّ الشِّرْكَ لَظُلْمٌ عَظِيمٌ "
    , (خ) 3360
 
อัมร์ บุตรของฮัฟศ์ บุตรของฆิยาษ ได้เล่าให้เราฟังว่า บิดาของฉันเล่าให้ฟังว่า อัล-อะอฺมัชได้เล่าให้เราฟังว่า อิบรอฮีมได้เล่าให้ฉันฟังว่า จากอัลเกาะมะฮฺ จากอับดุลลอฮฺ ขออัลลอฮฺพอพระทัยท่าน ได้เล่าว่า
 
        เมื่ออายะฮ์ {บรรดาผู้ที่เขาศรัทธา และไม่ได้ปนศรัทธาของพวกเขาด้วยการอธรรมใด} ลงมา [อัล-อันอาม:82] พวกเราถามว่า โอ้ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ จะมีพวกเราคนใดหรือที่ไม่อธรรมต่อตัวเอง? ท่านตอบว่า ไม่ใช่อย่างที่พวกท่านพูดหรอก {ไม่ได้ปนศรัทธาของพวกเขาด้วยการอธรรม} คือด้วยการตั้งภาคี พวกท่านไม่ได้ฟังคำพูดที่ลุกมานกล่าวแก่บุตรของเขาหรอกหรือ {ลูกเอ๋ย เจ้าจงอย่าได้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ แท้จริงการตั้งภาคีนั้นคือการอธรรมอย่างใหญ่หลวง}

บันทึกโดยบุคอรีย์ 3360
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - การทำผิดถือเป็นการอธรรมต่อตัวเอง เพราะเป็นเหตุให้ร่างกายของตัวเองถูกลงโทษได้
      - ความผิดที่ร้ายแรงที่สุด คือการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ
      - บิดาต้องเอาใจใส่และสอนบุตรของตนเองให้เข้าใจเรื่องศาสนา
 

حَدَّثَنَا هَارُونُ بْنُ مَعْرُوفٍ، حَدَّثَنَا ابْنُ وَهْبٍ، حَدَّثَنَا عَمْرُو بْنُ الْحَارِثِ، عَنْ سَعِيدِ بْنِ أَبِي هِلَالٍ، أَنَّ يَحْيَى بْنَ عَبْدِ الرَّحْمَنِ، حَدَّثَهُ عَنْ عَوْنِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ، عَنْ يُوسُفَ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ سَلَامٍ، عَنْ أَبِيهِ، قَالَ:
 
        بَيْنَمَا نَحْنُ نَسِيرُ مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِذْ سَمِعَ الْقَوْمَ وَهُمْ يَقُولُونَ: أَيُّ الْأَعْمَالِ أَفْضَلُ يَا رَسُولَ اللَّهِ؟ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: «إِيمَانٌ بِاللَّهِ وَرَسُولِهِ، وَجِهَادٌ فِي سَبِيلِ اللَّهِ، وَحَجٌّ مَبْرُورٌ»، ثُمَّ سَمِعَ نِدَاءً فِي الْوَادِي يَقُولُ: أَشْهَدُ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ، وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ، فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: «وَأَنَا أَشْهَدُ، وَأَشْهَدُ أَنْ لَا يَشْهَدَ بِهَا أَحَدٌ إِلَّا بَرِئَ مِنَ الشِّرْكِ» قَالَ عَبْدُ اللَّهِ: وَسَمِعْتُهُ أَنَا مِنْ هَارُون.
    (حم) 23783
 
ฮารูน บุตรของมะอฺรูฟ ได้เล่าให้เราฟังว่า บุตรของวะฮับ ได้เล่าให้เราฟังว่า อัมร์ บุตรของอัล-ฮาริษ ได้เล่าให้เราฟังว่า จากสะอีด บุตรของอบูฮิลาล ว่า ยะห์ยา บุตรของอับดุรเราะห์มาน ได้เล่าให้เขาฟัง จากเอาน์ บุตรของอับดุลลอฮฺ จากยูสุฟ บุตรของอับดุลลอฮฺ บุตรของสลาม จากบิดาของเขา เล่าว่า
 
        ขณะที่เราออกเดินทางไปกับท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้ยินคนกลุ่มหนึ่งถามว่า การงานใดประเสริฐที่สุดหรือ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ? ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้ตอบว่า การศรัทธาต่ออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ และการทุ่มเทในหนทางของอัลลอฮฺ และการทำฮัจญ์ที่ดีงาม หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากที่ลุ่มแห่งหนึ่ง ว่า ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัด เป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้กล่าวว่า และฉันก็ปฏิญาณด้วย และฉันก็ขอเป็นพยานว่าไม่มีผู้ใดกล่าวคำปฎิญาณนี้เว้นแต่เขาได้พ้นความเกี่ยวข้องกับการตั้งภาคีแล้ว อับดุลลอฮฺกล่าวว่า และฉันได้ยินมันจากฮารูน

บันทึกโดย อะห์มัด หมายเลข 23783
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - ความดีสูงสุดคือ การศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และความชั่วสูงสุดคือ การตั้งภาคีต่อพระองค์
      - ความประเสริฐของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
      - ความประเสริฐของการทุ่มเทในหนทางของอัลลอฮฺ
      - ความประเสริฐของการทำฮัจญ์ที่ดีงาม
      - การกล่าวคำปฏิญาณตน คือการประกาศพ้นความเกี่ยวข้องใด ๆ กับการตั้งภาคี
 

حَدَّثَنا مُسْلِمُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ، قَالَ: حَدَّثَنَا هِشَامٌ، قَالَ: حَدَّثَنَا قَتَادَةُ، عَنْ أَنَسٍ، عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ:
 
        «يَخْرُجُ مِنَ النَّارِ مَنْ قَالَ لاَ إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ، وَفِي قَلْبِهِ وَزْنُ شَعِيرَةٍ مِنْ خَيْرٍ، وَيَخْرُجُ مِنَ النَّارِ مَنْ قَالَ لاَ إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ، وَفِي قَلْبِهِ وَزْنُ بُرَّةٍ مِنْ خَيْرٍ، وَيَخْرُجُ مِنَ النَّارِ مَنْ قَالَ لاَ إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ، وَفِي قَلْبِهِ وَزْنُ ذَرَّةٍ مِنْ خَيْرٍ»

قَالَ أَبُو عَبْدِ اللَّهِ: قَالَ أَبَانُ، حَدَّثَنَا قَتَادَةُ، حَدَّثَنَا أَنَسٌ، عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: «مِنْ إِيمَانٍ» مَكَانَ «مِنْ خَيْرٍ»
    (خ) 44
 
มุสลิม บุตรของอิบรอฮีม ได้เล่าให้เราฟังว่า ฮิชามได้เล่าให้เราฟังว่า เกาะตาดะฮฺได้เล่าให้เราฟังว่า จากอนัส จากท่านศาสดา ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน กล่าวว่า
 
        จะได้ออกมาจากนรก ผู้ที่ได้กล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และในหัวใจของเขามีความดีน้ำหนักเท่าข้าวฟ่าง และจะได้ออกมาจากนรก ผู้ที่ได้กล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และในหัวใจของเขามีความดีน้ำหนักเท่าเมล็ดข้าวฟ่าง และจะได้ออกมาจากนรก ผู้ที่ได้กล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และในหัวใจของเขามีความดีน้ำหนักเท่าผงธุลี

อบูอับดุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า อะบาน ได้กล่าวว่า เกาะตาดะฮฺ ได้เล่าให้เราฟังว่า อนัส ได้เล่าให้เราฟังว่า จากท่านศาสดา ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติ โดยใช้คำว่า "มีศรัทธา" แทนคำว่า "มีความดี"

บันทึกโดยบุคอรีย์ หมายเลข 44
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - ความประเสริฐของคำว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ
      - มุสลิมทุกคนจะได้เข้าสวรรค์อย่างแน่นอน
      - มุสลิมบางคนต้องเข้านรกก่อนเข้าสวรรค์
      - คนที่มีความดีมากกว่าจะได้ออกจากนรกก่อนคนที่มีความดีน้อยกว่า
      - มุสลิมที่มีความดีมากกว่าความชั่ว จะได้เข้าสวรรค์เลย ส่วนมุสลิมที่มีความดีน้อยกว่าความชั่วนั้นจะขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของอัลลอฮฺ หากทรงให้อภัยก็ได้เข้าสวรรค์เลย หากไม่อภัยให้ก็ต้องเข้านรกก่อน
      - เมื่อวันหนึ่งมาถึงจะไม่เหลือมุสลิมในนรกเลยแม้แต่คนเดียว
 

حَدَّثَنا هُدْبَةُ بْنُ خَالِدٍ، حَدَّثَنَا هَمَّامٌ، عَنْ قَتَادَةَ، حَدَّثَنَا أَنَسُ بْنُ مَالِكٍ، عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ:
 
        "يَخْرُجُ قَوْمٌ مِنَ النَّارِ بَعْدَ مَا مَسَّهُمْ مِنْهَا سَفْعٌ، فَيَدْخُلُونَ الجَنَّةَ، فَيُسَمِّيهِمْ أَهْلُ الجَنَّةِ: الجَهَنَّمِيِّينَ"
    (خ) 6559
 
ฮุดบะฮฺ บุตรของคอลิด ได้เล่าให้เราฟังว่า ฮัมมาม ได้เล่าให้เราฟังว่า จากเกาะตาดะฮฺ ว่า อนัส บุตรของมาลิก ได้เล่าให้เราฟังว่า จากท่านศาสดา ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน กล่าวว่า
 
        คนกลุ่มหนึ่งจะได้ออกมาจากนรก หลังจากที่การแผดเผาได้สัมผัสกับพวกเขาแล้ว และพวกเขาก็จะได้เข้าสวรรค์ ชาวสวรรค์จะเรียกพวกเขาว่า ชาวญะฮันนัม

บันทึกโดยบุคอรีย์ หมายเลข 6559
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - ชาวนรกบางคนจะได้ออกมาจากนรก และได้เข้าสวรรค์
      - ชาวจะฮันนัมคือ ชาวสวรรค์ที่เคยเข้านรกมาก่อน
 

حَدَّثَنَا ابْنُ أَبِي عَدِيٍّ، عَنْ حُمَيْدٍ، عَنْ أَنَسٍ،
 
        أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ لِرَجُلٍ: «أَسْلِمْ» قَالَ: أَجِدُنِي كَارِهًا. قَالَ: «أَسْلِمْ، وَإِنْ كُنْتَ كَارِهًا»
    (حم) 12061
 
บุตรของอบูอะดีย์ ได้เล่าให้เราฟังว่า จากฮุมัยด์ จากอนัส
 
        ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้กล่าวกับชายคนหนึ่งว่า "จงรับอิสลามเถิด" เขาก็ตอบว่า ฉันพบว่าตัวฉันเองไม่ชอบ ท่านก็พูดว่า "จงรับอิสลามเถิด ถึงท่านจะไม่ชอบก็ตาม"

บันทึกโดย อะห์มัด หมายเลข 12061
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - การรับอิสลามเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ แม้จะฝืนใจก็ตาม
      - บางอย่างที่ใจไม่ชอบ อาจเป็นสิ่งที่ดีก็ได้
      - การเผยแผ่อิสลามเป็นงานที่ประเสริฐ
 

أَخْبَرَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ الْأَعْلَى، قَالَ: حَدَّثَنَا مُحَمَّدٌ وَهُوَ ابْنُ ثَوْرٍ، عَنْ مَعْمَرٍ، عَنْ الزُّهْرِيِّ، عَنْ سَعِيدِ بْنِ الْمُسَيَّبِ، عَنْ أَبِيهِ قَالَ:
 
        لَمَّا حَضَرَتْ أَبَا طَالِبٍ الْوَفَاةُ دَخَلَ عَلَيْهِ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، وَعِنْدَهُ أَبُو جَهْلٍ، وَعَبْدُ اللَّهِ بْنُ أَبِي أُمَيَّةَ، فَقَالَ: " أَيْ عَمِّ قُلْ: لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ، كَلِمَةً أُحَاجُّ لَكَ بِهَا عِنْدَ اللَّهِ عَزَّ وَجَلَّ "، فَقَالَ لَهُ أَبُو جَهْلٍ، وَعَبْدُ اللَّهِ بْنُ أَبِي أُمَيَّةَ: يَا أَبَا طَالِبٍ، أَتَرْغَبُ عَنْ مِلَّةِ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ؟ فَلَمْ يَزَالَا يُكَلِّمَانِهِ حَتَّى كَانَ آخِرُ شَيْءٍ كَلَّمَهُمْ بِهِ عَلَى مِلَّةِ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ، فَقَالَ لَهُ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: "لَأَسْتَغْفِرَنَّ لَكَ مَا لَمْ أُنْهَ عَنْكَ"، فَنَزَلَتْ {مَا كَانَ لِلنَّبِيِّ وَالَّذِينَ آمَنُوا أَنْ يَسْتَغْفِرُوا لِلْمُشْرِكِينَ} [التوبة] وَنَزَلَتْ {إِنَّكَ لَا تَهْدِي مَنْ أَحْبَبْتَ} [القصص]
    (س) 2035 [قال الألباني]: صحيح
 
มุฮัมมัด บุตรของอับดุล-อะอฺลา ได้บอกเราว่า มุฮัมมัด เขาคือบุตรของเษาร์ ได้เล่าให้เราฟังว่า จากมะอฺมัร จากอัซซุฮ์รีย์ จากสะอีด บุตรของอัลมุซัยยิบ จากบิดาของเขา ได้เล่าว่า
 
        เมื่ออบูฏอลิบใกล้จะสิ้นใจ ท่านศาสดา ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้เข้าไปหาเขา โดยมีอบูจะฮัล และอับดุลลอฮฺ บุตรของอบูอุมัยยะฮฺอยู่กับเขาด้วย ท่านก็พูดว่า ท่านลุง จงพูดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ คำเดียวที่ฉันจะเป็นพยานให้ท่าน ณ ที่ของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเกียรติทรงเกรียงไกร อบูจะฮัลและอับดุลลอฮฺ บุตรของอบูอุมัยยะฮฺก็พูดขึ้นว่า นี่ท่านไม่ปรารถนาแนวทางของอับดุลมุฏเฏาะลิบกระนั้นหรือ? ทั้งสองก็ยังคงพูดกับเขาจนสิ่งสุดท้ายที่เขาพูดกับพวกเขาคือ เขาอยู่บนแนวทางของอับดุลมุฏเฏาะลิบ ท่านศาสดาก็ได้พูดกับเขาว่า ฉันจะขออภัยโทษให้แก่ท่านตราบที่ฉันยังไม่ถูกห้าม แล้วอายะฮ์นี้ก็ได้ลงมา {ไม่เป็นการควรที่ศาสดา และบรรดาผู้ศรัทธาจะขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ตั้งภาคี}[อัต-เตาบะฮ์] และอายะฮ์นี้ก็ได้ลงมา {แท้จริงท่านไม่อาจให้ทางนำคนที่ท่านรักได้}[อัล-เกาะศ็อศ]

บันทึกโดยนะซาอีย์ หมายเลข 2035 อัล-อัลบานีย์ กล่าวว่า เศาะฮีห์
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - ไม่อนุญาตให้ขออภัยโทษให้แก่คนที่เสียชีวิตไปแล้วที่ไม่ใช่มุสลิม แม้จะเป็นบิดามารดา หรือญาติใกล้ชิดก็ตาม
      - ดุอาอ์ที่ดีที่สุดที่จะขอให้แก่คนที่ไม่ใช่มุสลิมคือ ขอให้เขาได้รับทางนำ
      - รักและเชื่อฟังบรรพบุรุษของตนมากกว่ารักและเชื่อฟังอัลลอฮฺไม่ได้
      - มนุษย์เราวัดกันที่ตอนจบ
 

حَدَّثَنا سُلَيْمَانُ بْنُ حَرْبٍ، حَدَّثَنَا حَمَّادٌ وَهْوَ ابْنُ زَيْدٍ، عَنْ ثَابِتٍ، عَنْ أَنَسٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ، قَالَ:
 
        كَانَ غُلاَمٌ يَهُودِيٌّ يَخْدُمُ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَمَرِضَ، فَأَتَاهُ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَعُودُهُ، فَقَعَدَ عِنْدَ رَأْسِهِ، فَقَالَ لَهُ: «أَسْلِمْ»، فَنَظَرَ إِلَى أَبِيهِ وَهُوَ عِنْدَهُ فَقَالَ لَهُ: أَطِعْ أَبَا القَاسِمِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَأَسْلَمَ، فَخَرَجَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَهُوَ يَقُولُ: «الحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِي أَنْقَذَهُ مِنَ النَّارِ»
    (خ) 1356
 
สุลัยมาน บุตรของฮัรบ์ ได้เล่าให้เราฟังว่า ฮัมมาด เขาคือบุตรของซัยด์ ได้เล่าให้เราฟังว่า จากษาบิต จากอนัส ขออัลลอฮฺพอพระทัยเขา ได้เล่าว่า
 
        มีเด็กชาวยิวคนหนึ่งที่เคยรับใช้ท่านศาสดา ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้ป่วยไข้ แล้วท่านศาสดา ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ก็ได้มาเยี่ยมไข้เขา ท่านก็ได้นั่งใกล้ศีรษะของเขา แล้วพูดกับเขาว่า "จงรับอิสลามเถิด" เขาก็ได้มองไปที่บิดาของเขา ซึ่งอยู่กับเขาด้วย เขา(บิดา)ก็พูดกับเขาว่า "จงเชื่อฟังอบุลกอซิมเถิด" ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน เขาจึงรับอิสลาม แล้วท่านศาสดา ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ก็ออกมาพลางกล่าวว่า "อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ที่ทรงให้เขารอดพ้นจากไฟนรก"

บันทึกโดยบุคอรีย์ 1356
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - ส่งเสริมให้ไปเยี่ยมคนป่วย
      - อนุญาตให้ชวนคนป่วยรับอิสลามได้
      - การรับอิสลามเท่านั้น ที่จะทำให้รอดพ้นจากไฟนรก
      - เมื่อมีความสุข ก็ควรกล่าวขอบคุณอัลลอฮฺ ด้วยคำว่า อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
 

حَدَّثَنَا هَارُونُ بْنُ إِسْحَاقَ الْهَمْدَانِيُّ قَالَ: حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ الْوَهَّابِ، عَنْ مِسْعَرٍ، عَنْ إِسْمَاعِيلَ بْنِ أَبِي خَالِدٍ، عَنِ الشَّعْبِيِّ، عَنْ يَحْيَى بْنِ طَلْحَةَ، عَنْ أُمِّهِ سُعْدَى الْمُرِّيَّةِ قَالَتْ:
 
        مَرَّ عُمَرُ بِطَلْحَةَ بَعْدَ وَفَاةِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَقَالَ: مَا لَكَ كَئِيبًا؟ أَسَاءَتْكَ إِمْرَةُ ابْنِ عَمِّكَ؟ قَالَ: لَا، وَلَكِنْ سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ: "إِنِّي لَأَعْلَمُ كَلِمَةً لَا يَقُولُهَا أَحَدٌ عِنْدَ مَوْتِهِ إِلَّا كَانَتْ نُورًا لِصَحِيفَتِهِ، وَإِنَّ جَسَدَهُ وَرُوحَهُ لَيَجِدَانِ لَهَا رَوْحًا عِنْدَ الْمَوْتِ". فَلَمْ أَسْأَلْهُ حَتَّى تُوُفِّيَ، قَالَ: أَنَا أَعْلَمُهَا، هِيَ الَّتِي أَرَادَ عَمَّهُ عَلَيْهَا، وَلَوْ عَلِمَ أَنَّ شَيْئًا أَنْجَى لَهُ مِنْهَا، لَأَمَرَهُ "
    (جة) 3795 [قال الألباني]: صحيح
 
ฮารูน บุตรของอิสฮาก อัล-ฮัมดานีย์ ได้เล่าให้เราฟังว่า มุฮัมมัด บุตรของอับดุลอัล-วะฮ์ฮาบ ได้เล่าให้เราฟังว่า จากมิสอัร จากอิสมาอีล บุตรของอบูคอลิด จากอัช-ชะอฺบีย์ จากยะห์ยา บุตรของฏ็อลฮะฮ์ จากมารดาของเขาสุอฺดา อัล-มัรรียะฮฺ ได้เล่าว่า
 
        อุมัรได้ผ่านไปเจอฏ็อลฮะฮ์หลังจากที่ท่านศาสนทูต -ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน- ได้เสียชีวิตไปแล้ว เขาก็ถามว่า ทำไมท่านจึงซึมเศร้าล่ะ? ผู้หญิงบุตรีของลุงท่านทำไม่ดีต่อท่านกระนั้นหรือ? เขาตอบว่า "เปล่าเลย เพียงแต่ฉันเคยได้ยินท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ -ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน- กล่าวว่า แท้จริงฉันรู้จักคำ ๆ หนึ่ง ไม่มีคนใดได้กล่าวมันขณะกำลังจะสิ้นใจ เว้นแต่จะเป็นรัศมีให้แก่บันทึกความดีความชั่วของเขา และร่างกายและวิญญาณของเขาจะพบกลิ่นหอมเมื่อสิ้นใจ แต่ฉันไม่ทันได้ถามท่าน จนท่านเสียชีวิตไปก่อน เขาก็กล่าวว่า ฉันรู้จักมันดี มันคือคำที่ท่านอยากให้ลุงของท่านพูดมันออกมา และหากท่านรู้ว่ามีสิ่งใดจะช่วยเขาได้มากกว่าคำนั้น ท่านย่อมจะใช้ให้ทำมันแล้ว

บันทึกโดย อิบนุมาญะฮ์ หมายเลข 3795 อัล-อัลบานีย์ ได้กล่าวว่า เศาะฮีห์
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - ความประเสริฐของคำว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ
      - คนที่ได้กล่าวคำว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ ก่อนสิ้นใจ บันทึกความดีความชั่วของเขามีจะแสงรัศมี ร่างกายและวิญญาณของเขาจะมีกลิ่นหอม
      - คำว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ เป็นคำที่ดีที่สุดที่ควรอ่านก่อนสิ้นใจ
      - คนดีจะรู้ถึงคุณค่าของความรู้ และจะเสียใจเมื่อพลาดมัน
 

حَدَّثَنَا عَبْدُ الصَّمَدِ، حَدَّثَنَا حَمَّادٌ، حَدَّثَنَا ثَابِتٌ، عَنْ أَنَسٍ،
 
        أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ دَخَلَ عَلَى رَجُلٍ مِنْ بَنِي النَّجَّارِ يَعُودُهُ، فَقَالَ لَهُ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: " يَا خَالُ، قُلْ: لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ " فَقَالَ: أَوَ خَالٌ أَنَا أَوْ عَمٌّ؟ فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: «لَا بَلْ خَالٌ»، فَقَالَ لَهُ: قُلْ: لَا إِلَهَ إِلَّا هُوَ، قَالَ: خَيْرٌ لِي؟ قَالَ: «نَعَمْ»
    (حم) 12543
 
อับดุศ-เศาะมัด ได้เล่าให้เราฟังว่า ฮัมมาด ได้เล่าให้เราฟังว่า ษาบิตได้เล่าให้เราฟังว่า จากอนัส
 
        ท่านศาสดา ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้เข้าไปเยี่ยมไข้ชายคนหนึ่งจากตระกูลนัจจาร ท่านศาสนทูต ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้พูดกับเขาว่า "ท่านน้า จงกล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ เถิด" เขาก็ถามว่า "ฉันเป็นน้า หรือเป็นอานะ?" ท่านศาสดา ขออัลลอฮฺให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้ตอบว่า "ทว่า คือน้า" แล้วท่านก็ได้พูดกับเขาอีกว่า "จงกล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เถิด" เขาถามว่า "เป็นสิ่งดีสำหรับฉันใช่ไหม?" ท่านก็ตอบว่า "ใช่แล้ว"

บันทึกโดย อะห์มัด หมายเลข 12543
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - ส่งเสริมให้ไปเยี่ยมไข้คนป่วย
      - คนที่จริงใจที่สุด คือคนที่ชวนคนที่เขารักให้เข้ารับอิสลาม
      - อนุญาตให้ชวนคนป่วยรับอิสลามได้
 

حَدَّثَنا إِسْحَاقُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ، قَالَ: حَدَّثَنَا مُعَاذُ بْنُ هِشَامٍ، قَالَ: حَدَّثَنِي أَبِي، عَنْ قَتَادَةَ، قَالَ: حَدَّثَنَا أَنَسُ بْنُ مَالِكٍ
 
        أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، وَمُعاذٌ رَدِيفُهُ عَلَى الرَّحْلِ، قَالَ: «يَا مُعَاذَ بْنَ جَبَلٍ»، قَالَ: لَبَّيْكَ يَا رَسُولَ اللَّهِ وَسَعْدَيْكَ، قَالَ: «يَا مُعَاذُ»، قَالَ: لَبَّيْكَ يَا رَسُولَ اللَّهِ وَسَعْدَيْكَ ثَلاَثًا، قَالَ: «مَا مِنْ أَحَدٍ يَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ، صِدْقًا مِنْ قَلْبِهِ، إِلَّا حَرَّمَهُ اللَّهُ عَلَى النَّارِ»، قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ: أَفَلاَ أُخْبِرُ بِهِ النَّاسَ فَيَسْتَبْشِرُوا؟ قَالَ: «إِذًا يَتَّكِلُوا» وَأَخْبَرَ بِهَا مُعَاذٌ عِنْدَ مَوْتِهِ تَأَثُّمًا
    (خ) 128
 
อิสฮาก บุตรของอิบรอฮีม ได้เล่าให้เราฟังว่า มุอาซ บุตรของฮิชาม ได้เล่าให้เราฟังว่า บิดาของฉันได้เล่าให้ฉันฟังว่า จากเกาะตาดะฮฺ กล่าวว่า อนัส บุตรของมาลิกได้เล่าให้เราฟังว่า
 
        ท่านศาสดา ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน เคยนั่งบนพาหนะโดยมีมุอาซนั่งท้าย ท่านกล่าวว่า "มุอาซ บุตรของญะบัลเอ๋ย" เขากล่าวว่า "ขอรับครับท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ" ท่านกล่าวอีกว่า "มุอาซเอ๋ย" เขาก็ตอบว่า "ขอรับครับท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ" 3 ครั้ง ท่านกล่าวว่า "ไม่มีคนใดที่เขากล่าวปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺด้วยความสัจจริงจากใจของเขา เว้นแต่อัลลอฮฺจะทำให้เขาเป็นที่ต้องห้ามสำหรับนรก" เขาถามว่า "ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ จะไม่ให้ฉันบอกข่าวดีนี้แก่คนอื่น ๆ หรือ พวกเขาจะได้พากันดีใจ?" ท่านก็ตอบว่า "เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่ทำอะไรเลย" และมุอาซก็ได้บอกเรื่องนี้ขณะที่เขากำลังจะสิ้นใจเพราะกลับบาป(ที่ปิดบังความรู้)

บันทึกโดยบุคอรีย์ หมายเลข 128
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - ผู้ใดกล่าวปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺด้วยความจริงใจ ไฟนรกไม่อาจทำอันตรายเขาได้
      - เมื่อปฏิญาณตนแล้ว ก็ต้องทำความดีด้วย
      - ไม่อนุญาตให้ปิดบังความรู้
 

حَدَّثَنِي إِسْحَاقُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ، سَمِعَ يَحْيَى بْنَ آدَمَ، حَدَّثَنَا أَبُو الأَحْوَصِ، عَنْ أَبِي إِسْحَاقَ، عَنْ عَمْرِو بْنِ مَيْمُونٍ، عَنْ مُعَاذٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ، قَالَ:
 
        كُنْتُ رِدْفَ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَلَى حِمَارٍ يُقَالُ لَهُ عُفَيْرٌ، فَقَالَ: «يَا مُعَاذُ، هَلْ تَدْرِي حَقَّ اللَّهِ عَلَى عِبَادِهِ، وَمَا حَقُّ العِبَادِ عَلَى اللَّهِ؟»، قُلْتُ: اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ، قَالَ: «فَإِنَّ حَقَّ اللَّهِ عَلَى العِبَادِ أَنْ يَعْبُدُوهُ وَلاَ يُشْرِكُوا بِهِ شَيْئًا، وَحَقَّ العِبَادِ عَلَى اللَّهِ أَنْ لاَ يُعَذِّبَ مَنْ لاَ يُشْرِكُ بِهِ شَيْئًا»، فَقُلْتُ: يَا رَسُولَ اللَّهِ أَفَلاَ أُبَشِّرُ بِهِ النَّاسَ؟ قَالَ: «لاَ تُبَشِّرْهُمْ، فَيَتَّكِلُوا»
    (خ) 2856
 
อิสฮาก บุตรของอิบรอฮีม ได้เล่าให้ฉันฟังว่า เขาได้ยิน ยะห์ยา บุตรของอาดัม ว่า อบุลอะห์วัศ ได้เล่าให้เราฟังว่า จากอบูอิสฮาก จากอัมร์ บุตรของมัยมูน จากมุอาซ ขออัลลอฮฺพอพระทัยเขา ได้เล่าว่า
 
        ฉันเคยนั่งซ้อนท้ายท่านศาสดา -ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน- บนลาตัวหนึ่ง ที่มีชื่อว่า อุฟัยร์ ท่านก็กล่าวว่า มุอาซ เธอรู้ไหมว่าอะไรคือสิทธิของอัลลอฮฺที่มีต่อบ่าว และสิทธิของบ่าวที่มีต่ออัลลอฮฺ ฉันก็พูดว่า อัลลอฮฺ และศาสนทูตของพระองค์ รู้ดีที่สุด ท่านก็กล่าวว่า "สิทธิของอัลลอฮฺต่อบ่าวคือ พวกเขาต้องสักการะอัลลอฮฺ และไม่ตั้งภาคีใดเลยต่อพระองค์ และสิทธิของบ่าวต่ออัลลอฮฺคือ พระองค์จะไม่ลงโทษผู้ใดที่ไม่ตั้งภาคีใดเลยต่อพระองค์" ฉันก็ถามว่า "ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ จะไม่ให้ฉันบอกข่าวดีนี้แก่คนอื่น ๆ หรือ?" ท่านก็ตอบว่า "เจ้าอย่าบอกข่าวดีนี้แก่พวกเขา เพราะพวกเขาจะไม่ทำอะไรเลย"

บันทึกโดยบุคอรีย์ หมายเลข 2856
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - หน้าที่ของมนุษย์ต่ออัลลอฮฺ คือ การสักการะอัลลอฮฺองค์เดียว และไม่ตั้งภาคีใดต่อพระองค์
      - อัลลอฮฺจะไม่ลงโทษผู้ที่ไม่ตั้งภาคีใดต่อพระองค์ ทั้งชิริกใหญ่ และชิริกเล็ก
      - การขี่ลาไม่ใช่เรื่องต่ำต้อย
      - การเรียนการสอนไม่จำเป็นต้องทำในห้องเรียนเท่านั้น
      - ความรู้บางอย่างที่ยังไม่ถึงเวลาก็ยังไม่ควรรีบสอน
 

حَدَّثَنَا مَالِكُ بْنُ عَبْدِ الْوَاحِدِ الْمِسْمَعِيُّ، حَدَّثَنَا الضَّحَّاكُ بْنُ مَخْلَدٍ، حَدَّثَنَا عَبْدُ الْحَمِيدِ بْنُ جَعْفَرٍ، حَدَّثَنِي صَالِحُ بْنُ أَبِي عَرِيبٍ، عَنْ كَثِيرِ بْنِ مُرَّةَ، عَنْ مُعَاذِ بْنِ جَبَلٍ، قَالَ: قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ:
 
        "مَنْ كَانَ آخِرُ كَلَامِهِ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ دَخَلَ الْجَنَّةَ" ,
    (د) 3116 [قال الألباني]: صحيح
 
มาลิก บุตรของอับดุลวาฮิด อัล-มิสมะอีย์ ได้เล่าให้เราฟังว่า อัฎ-เฎาะห์ฮาก บุตรของมัคลัดได้เล่าให้เราฟังว่า อับดุลฮะมีด บุตรของญะอฺฟัร ได้เล่าให้เราฟังว่า ศอลิห์ บุตรของอบูอะรีบ ได้เล่าให้ฉันฟังว่า จากกะษีร บุตรของมุรเราะฮ์ จากมุอาซ บุตรของญะบัล ได้เล่าว่า ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ ขออัลลอฮฺทรงให้พรและให้สันติแด่ท่าน กล่าวว่า
 
        ผู้ใดที่คำพูดสุดท้ายของเขา คือ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ เขาจะได้เข้าสวรรค์

บันทึกโดยอบูดาวูด หมายเลข 3116 อัล-อัลบานีย์ ได้กล่าวว่า เศาะฮีห์
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - ผู้ใดที่คำพูดสุดท้ายในชีวิตของเขาคือ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ เขาจะได้เข้าสวรรค์แน่นอน
      - แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของคำ ๆ นี้
 

حَدَّثَنا صَدَقَةُ بْنُ الفَضْلِ، حَدَّثَنَا الوَلِيدُ، عَنِ الأَوْزَاعِيِّ، قَالَ: حَدَّثَنِي عُمَيْرُ بْنُ هَانِئٍ، قَالَ: حَدَّثَنِي جُنَادَةُ بْنُ أَبِي أُمَيَّةَ، عَنْ عُبَادَةَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ، عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، قَالَ:
 
        «مَنْ شَهِدَ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَحْدَهُ لاَ شَرِيكَ لَهُ، وَأَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُولُهُ، وَأَنَّ عِيسَى عَبْدُ اللَّهِ وَرَسُولُهُ، وَكَلِمَتُهُ أَلْقَاهَا إِلَى مَرْيَمَ وَرُوحٌ مِنْهُ، وَالجَنَّةُ حَقٌّ، وَالنَّارُ حَقٌّ، أَدْخَلَهُ اللَّهُ الجَنَّةَ عَلَى مَا كَانَ مِنَ العَمَلِ»

قَالَ الوَلِيدُ، حَدَّثَنِي ابْنُ جَابِرٍ، عَنْ عُمَيْرٍ، عَنْ جُنَادَةَ وَزَادَ مِنْ أَبْوَابِ الجَنَّةِ الثَّمَانِيَةِ أَيَّهَا شَاءَ
    (خ) 3435
 
เศาะดะเกาะฮฺ บุตรของอัล-ฟัฎล์ ได้เล่าให้เราฟังว่า อัล-วะลีด ได้เล่าให้เราฟังว่า จากอัล-เอาซาอีย์ กล่าวว่า อุมัยร์ บุตรของฮานิอ์ ได้เล่าให้ฉันฟังว่า จุนาดะฮฺ บุตรของอบูอุมัยยะฮ์ ได้เล่าให้ฉันฟังว่า จากอุบาดะฮฺ ขออัลลอฮฺพึงพอใจเขา จากท่านศาสดา ขออัลลอฮฺให้พรและให้สันติแด่ท่าน ได้กล่าวว่า
 
        ผู้ใดปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺองค์เดียว ไม่มีภาคีใดต่อพระองค์ และมุฮัมมัด เป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์ และอีซา คือบ่าวและศาสนทูตของพระองค์ และคือถ้อยคำของพระองค์ที่ทรงมอบให้แก่มัรยัม และคือวิญญาณที่มาจากพระองค์ และสวรรค์มีจริง และนรกมีจริง อัลลอฮฺจะให้เขาได้เข้าสวรรค์ตามความดีที่เขาทำ

อัล-วะลีด ได้กล่าวว่า บุตรของจาบิรได้เล่าให้ฉันฟังว่า จากอุมัยร์ จากจุนาดะฮ์ ได้มีข้อความเพิ่มเติมว่า เข้าทางประตูสวรรค์ทั้งแปดตามที่เขาปรารถนา

บันทึกโดยบุคอรีย์ หมายเลข 3435
 
 
คุณค่าที่ได้รับ
      - การศรัทธาต่ออัลลอฮฺด้วยใจยังไม่เพียงพอกับการเข้าสวรรค์ แต่ต้องกล่าวด้วยวาจาด้วย ว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุฮัมมัด เป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์
      - มุสลิมต้องเชื่อว่าสวรรค์และนรกมีจริง
      - มุสลิมเชื่อเรื่องวิญญาณ
      - ศาสดาอีซา หรือพระเยซู เป็นมนุษย์ และเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ
      - ศาสดาอีซา ไม่มีบิดา เกิดมาด้วยปาฏิหาริย์จากอัลลอฮฺ

http://www.daasee.com/hadith/hd01/index.php?page=3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น