สาวไส้บัรซันญียฺ ตอนที่ 6
โดย อ.อับดุลฮากีม มังเดชะ
2. การตะวัสสุ้ลด้วยกับการศรัทธาและการเชื่อฟังต่ออัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา
การตะวัสสุ้ลด้วยกับการศรัทธาที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติไว้และยังสามารถทำให้การให้เอกภาพของอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เข้มแข็งขึ้น และอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาทรงกล่าวว่า:
إِنَّهُ كَانَ فَرِيقٌ مِنْ عِبَادِي يَقُولُونَ رَبَّنَا آَمَنَّا فَاغْفِرْ لَنَا وَارْحَمْنَا وَأَنْتَ خَيْرُ الرَّاحِمِينَ
“ แท้จริงมีหมู่ชนกลุ่มหนึ่งจากปวงบ่าวของเราพวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา พวกเราได้ ศรัทธาต่อพระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่เรา และทรงเมตตาต่อเราด้วย และพระองค์ ท่านเท่านั้น ทรงเป็นผู้เมตตาที่ดียิ่ง”
สูเราะฮฺ อัลมุมินูน, 23 : 109
มีบันทึกจากท่านติรมีซี จากท่านบุรัยดะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
أن النبي صلى الله عليه وسلم سمع رجلا يدعو ويقول : اللهم إني أسألك بأني أشهد أنك أنت الله الذين لا إله إلا أنت الأحد الصمد الذين لم يلد ولم يولد ولم يكن له كفوا أحد
“แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ฟังชายคนหนึ่งได้ขอพรต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะ อาลา โดยกล่าวว่า “โอ้พระเจ้าของฉันแท้จริงฉันได้ขอจากพระองค์ด้วย ว่าฉันได้ปฏิญาณว่าแท้จริง พระองค์คืออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาที่ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก พระองค์ ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงเป็น ที่พึ่ง ผู้ที่ไม่ทรงประสูติ และไม่ทรงถูกประสูติ ผู้ที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์”
อะบูดาวุด, อัสสุนัน, หมวดการละหมาด, บรรพการละหมาด, เลขที่: 1493
ดังนั้นท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า “ฉันขอสาบานว่าแท้จริงแล้วชายผู้นั้นได้ขอพรจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยพระนามของพระองค์ที่สูงส่ง พระนามที่เมื่อเขาขอแล้วได้รับการตอบรับและเมื่อ ขอแล้วพระองค์ทรงตอบรับ
การที่มุสลิมคนหนึ่งได้พูดว่า: “โอ้อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาด้วยกับความศรัทธาของฉันที่มีต่อพระองค์ และความรักของฉันที่มีต่อพระองค์ และการปฏิบัติตามเราะสู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ของฉัน ขอพระองค์ ทรงอภัยโทษให้แก่ฉัน ซึ่งเขาได้ทำการตะวัสสุ้ลไปยังอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับมันในดุอาอฺของเขา เพื่อหวังการตอบรับจากพระองค์ สิ่งนี้เป็นการตะวัสสุ้ลที่ดี ซึ่งอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ได้บัญญัติมันไว้และ ทรงพอพระทัยยิ่ง
3. การตะวัสสุ้ลด้วยกับการงานที่ดี
การตะวัสสุ้ลด้วยกับการงานที่ดี เป็นที่รู้กันว่าเป็นสื่อต่าง ๆ ของบรรดานบีในการทำให้ได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ สุบหา นะฮูวะตะอาลา โดยการดำรงด้วยกับสิ่งที่อัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลาทรงใช้พวกเขา และเป็นการปฏิเสธต่อ บุคคลที่วิงวอนขอต่อพวกเขาอื่นจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา หรือการตะวัสสุ้ลผ่านพวกเขาไปยังอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา (ศอและหฺ บิน อับดุรเราะหฺมานอัลอัตฆอม, แหล่งเดิม, หน้าที่:: 67)
หรือการตะวัสสุ้ลด้วยกับความดีที่ได้ปฏิบัติ เช่นการละหมาด การกล่าวซิกรุลลอฮฺ การทำดีต่อพ่อแม่ การเศาะลา วาตนบี การมีความสื่อสัตย์ มีความอดทน มีความเมตตา ฯลฯ (สมาคมนักเรียนเก่าศาสนวิทยา, สารศรัทธา, ม.ป.ท., กรุงเทพ, 2541, หน้าที่: 42)
ท่านนบีมูหัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เล่าถึงชายสามคนพวกเขาได้เข้าไปในถ้ำแล้วได้มีก้อนหินก้อน ใหญ่มาปิดหน้าถ้ำ แล้วพวกเขาทั้งสามได้พูดว่า “พวกเราไม่สามารถออกจากถ้ำนี้ได้นอกเสียจากเราต้องขอดุอาอฺ ต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ด้วยกับการงานที่ดีของพวกเรา โดยมีเรื่องราวดังต่อไปนี้
มีเพื่อนเกลออยู่สามคนได้เดินทางเข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาเที่ยงวันทั้งสามจึงคิดจะหยุดพักเที่ยง หลังจากหาที่พักแล้วจึงชวนกันไปหลบร้อนในถ้ำ แต่เมื่อเข้าไปแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหินก้อนใหญ่ พลัดตกลงมาปิดปากถ้ำจนมิด ทั้งสามคนตกใจมากพยายามหาทางออก แต่ก็มืดแปดด้าน ลองใช้พละกำลังผลัก ก้อนหินนั้น แต่ก็เหนื่อยเปล่า
“ที่พึ่งของเราในวันนี้คืออัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น ขอให้เราขอต่อพระองค์โดยเอาความดีที่เราทำเพื่อพระองค์มา เป็นสื่อเถิด” ทั้งสามคนเห็นด้วย
ชายคนแรกยกมือพลางวิงวอนว่า “ข้าแด่อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ข้าพระองค์มีพ่อแม่ที่ชรามากแล้วข้า พระองค์ปรนนิบัติต่อท่านโดยรีดนมแพะให้ท่านดื่มทุกวัน ข้าพระองค์ตัดฟืนไปขายเพื่อเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว อยู่มาวันหนึ่งข้าพระองค์ไปเอานมมาให้ท่านดื่มเหมือนเคย ปรากฏว่าท่านทั้งสองหลับไปแล้ว ข้าพระองค์จึงยืน คอยท่าน โดยไม่ดื่มนมก่อนท่านจนกระทั่งรุ้งเช้าท่านตื่นขึ้นมาและได้ดื่มนมนั้น โอ้อัลลอฮฺ หากสิ่งที่ข้าพระองค์ ทำไปนั้นบริสุทธิ์เพื่อพระองค์แล้ว โปรดให้ก้อนหินที่ปิดปากถ้ำนี้เคลื่อนด้วยเถิด”
จบคำวิงวอนของเขาหินที่ปิดปากถ้ำก็เคลื่อนออก แต่ทั้งสามคนก็ยังไม่สามารถออกไปได้ ชายคนที่สองจึงยกมือ ขึ้นและวิงวอนว่า “ข้าพระองค์หลงรักหญิงคนหนึ่ง แต่นางไม่รักข้าพระองค์ วันหนึ่งนางจำเป็นต้องขอเงินจากข้า พระองค์ ข้าพระองค์จึงมอบเงินให้นาง 120 ดีนาร โดยมีเงื่อนไขว่านางต้องเป็นภรรยาของข้าพระองค์ โดยความ จำเป็นนางจึงต้องยอม แต่เมื่อข้าพระองค์จะทำไม่ดีไม่งามกับนางนั้น ข้าพระองค์กลับรู้สึกเกรงกลัวต่อพระองค์ ขึ้นมาอย่างจับจิต ข้าพระองค์จึงผละจากนางและอนุญาตให้นางไปโดยไม่คิดจะเอาเงินคืนอีก โอ้อัลลอฮฺ หากเห็นความดีของข้าพระองค์แล้ว ขอพระองค์ทรงช่วยเหลือเราด้วยเถิด”
หินก็เคลื่อนออกแต่ก็ยังออกไปไม่ได้อยู่ดี ชายคนที่สามยกมือขึ้นวิงวอนว่า “ข้าพระองค์มีลูกจ้างอยู่คนหนึ่ง ซึ่งข้าพระองค์สัญญาว่าจะให้แพะเป็นค่าตอบแทน เมื่อเขาทำงานให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากลับไปโดยไม่ได้เอา แพะไปด้วย จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายปีเขาก็กลับมาและถามหาค่าจ้างที่ข้าพระองค์เคยสัญญาไว้ ข้าพระองค์ จึงชี้ไปที่ท้องทุ่งจำนวนมากมาย เพราะแพะตัวนั้นออกลูกออกหลามเต็มท้องทุ่งแล้ว และแพะทั้งหมดจึงเป็น ของเขา โอ้อัลลอฮฺ หากนี่เป็นความดีของข้าพระองค์แล้ว ขอพระองค์ทรงโปรดเลื่อนก้อนหินออกด้วยเถิด” แล้วก้อนหินก็เคลื่อนออก จนกระทั่งชายทั้งสามคนออกจากถ้ำได้โดยปลอกภัย (บุคคอรียฺ, ศอหีหฺ, หมวดการ ว่าจ้าง, บรรพการว่าจ้างลูกจ้างและผลตอบแทนของเขา, เลขที่ : 2272)
จากหะดีษข้างต้นทำให้ทราบว่าบรรดามุสลิมชนรุ่นก่อนที่ท่านนบีมูหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ยกตัว อย่างให้เราทราบถึงแนวทางในการสื่อถึงอัลลอฮ ฺสุบหานะฮูวะตะอาลานั้น พวกเขาได้ใช้การงานที่ดีที่ปฏิบัติเป็น สื่อกลางในการสื่อถึงอัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา เพื่อหวังความเมตตาจากพระองค์ พวกเขาไม่ได้อ้างชื่อของ บุคคลใดหรือพาดพิงถึงครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือที่เสียชีวิตไปแล้วมาเป็นสื่อกลาง ระหว่างพวกเขากับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา หรือบารมีของใครก็ตามมาอ้างต่อพระองค์
ฉะนั้นการที่เราจะขอต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เราจำต้องเป็นผู้ที่สะอาดและปฏิบัติการงานที่ดีซึ่งสามารถ ใช้การงานที่ดีนั้นเป็นสื่อกลางระหว่างเรากับพระองค์ได้
4. การตะวัสสุ้ลด้วยดุอาอฺ หรือ การขอให้คนดีขอดุอาอฺให้กับเราเพื่อหวังการตอบรับ
เมื่อมุสลิมได้ตกอยู่ในความคับแค้นใจอย่างมาก หรือหาทางที่จะแก้ไขปัญหาที่เขากำลังประสพอยู่ แต่เขารู้ตัวดี ว่า เขาไม่สามารถที่จะได้รับการใกล้ชิดกับอัลลอฮฺได้ ดังนั้นจำเป็นที่เขาจะต้องยึดหรือหาสื่อกลางที่สามารถทำ ให้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลาได้ เขาจึงไปยังคนที่ศอลิหฺและมีความตักวา หรือมีคววามประเสริฐ และมีความรู้เกี่ยวกับกุรอานและสุนนะฮฺ และเขาได้ขอให้คนที่ศอลิหฺวิงวอน ขอดุอาอฺจากอัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะ ตะอาลา ให้แก่เขาเพื่อถอดถอนความเสียใจและความทุกข์ของเขา สิ่งนี้เป็นการตะวัสสุ้ลชนิดสุดท้ายของ การตะวัสสุ้ลที่ถูกบัญญัติไว้หรือการตะวัสสุ้ลด้วยกับดุอาอฺของท่านนบีมูหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในขณะที่ท่านยัง มีชีวิตอยู่ ดังมีตัวอย่างจากบรรดาศอหาบะฮฺ (มูหัมมัดอีดุลอับบาสียฺ, แหล่งเดิม, หน้าที่ :41) ซึ่งเป็นหะดีษที่ชาย ตาบอดได้มาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
أنه جاء إلى النبي صلى الله عليه وسلم فيسأله أن يدعو الله أن يرد بصره عينه فأمره أن يتوضأ فيصلي ركعتين ويقول : اللهم إني أسألك وأتوجه إليك بنبيك محمد نبي الرحمة يامحمد يا نبي الله إني أتوجه بك إلى ربي في حاجتي لتقضيها اللهم فشفعه في " فدعا الله فرد الله عليه بصره
“แท้จริงชายตาบอดได้มาหาท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และเขาได้ขอให้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม ดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา เพื่อให้พระองค์ตอบรับการมองเห็นของเขา ดังนั้นท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้ใช้ให้เขาอาบน้ำละหมาดและละหมาดสองเราะกะอัต และชายตาบอดก็ก็กล่าวว่า “โอ้อัลลอฮฺฉันขอต่อพระองค์และฉันวิงวอนต่อพระองค์ด้วยกับนบีของพระ องค์คือมูหัมมัด นบีแห่งความเมตตา โอ้มูหัมมัด โอ้นบีของอัลลอฮฺ แท้จริงฉันได้วิงวอนด้วยกับท่าน ไปยังพระผู้อภิบาลของฉันในสิ่งที่ฉันต้องการเพื่อให้พระองค์ ทรงตอบรับมัน”
อิบนุมาญะฮฺ, อัสสุนัน, หมวดการดำรงละหมาด, บรรพสิ่งที่มีมาในอายะฮฺ, เลขที่ :1380.
และนบีก็ขอดุอาอฺให้อัลลอฮฺทรงช่วยเหลือเขาในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นออัลลอฮฺจึงตอบรับด้วยกับการมองเห็น ของเขา
การตะวัสสุ้ลด้วยดุอาอฺของท่านนบีเป็นสิ่งที่อนุญาตและมีการยืนยัน แต่ทว่ามันไม่สามารถจะทำได้นอกจากใน ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่เท่านั้น และจะถูกตัดขาดลงหลังจากการเสียชีวิตของท่าน ดังนั้นไม่เป็นที่อนุญาตสำหรับ มุสลิมที่จะไปยังกุบูรของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และขอต่อท่านในสิ่งที่ต้องการขออภัยในความผิด หรือขอให้พ้นภัยอันตราย ดังมีหลักฐานจากสายรายงานของท่านอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านได้ตะวัสสุ้ลด้วย กับดุอาอฺของท่านอับบาสให้ขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺสุบหานะฮูวะตะอาลา ให้ฝนตกลงมา หลังจากการเสียชีวิตของ ท่านนบี หากการตะวัสสุ้ลด้วยกับท่านนบีเป็นที่อนุญาต แล้วทำไมบรรดาศอหาบะฮฺจึงเปลี่ยนจากการตะวัสสุ้ลด้วย กับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมไปเป็นการตะวัสสุ้ลด้วยกับดุอาอฺของท่านอับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบ สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องสงสัย นอกจากจะปิดหูปิดตายึดเอาความคิดของตนเอง แน่นอน ชนเหล่านี้ได้เดินอยู่บนทางที่หลงผิดอย่างชัดเจน
แท้จริงการขอความช่วยเหลือจากสิ่งอื่นนอกเหนือจากพระองค์อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา หรือการนำสื่อต่าง ๆ ที่ไม่ได้บัญญัติไว้มาเป็นสื่อกลางเพื่อให้ได้รับการใกล้ชิดต่ออัลลอฮ ฺสุบหานะฮูวะตะอาลา หรือนำมาเป็นสื่อให้ ได้สิ่งที่ต้องการมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นการทำชีริกทั้งสิ้น ส่วนการตะวัสสุ้ลนั้นก็คือบิดอะฮฺ (อิบนุตัยมียะฮฺ, อะกีดะฮฺวาสิตียะฮฺ, ดารุ้ลฟิหาฮฺ, 1994, หน้าที่ : 38)
การกล่าวว่า ฉันวิงวอนต่อพระองค์หรือสาบานต่อพระองค์ด้วกับสิทธิของมาลาอีกะฮฺของพระองค์ หรือด้วยสิทธิ์ ของบรรดานบีของพระองค์ หรือด้วยกับนบี หรือเราะสู้ลคนหนึ่งคนใดของพระองค์ กับบัยตุ้ลหะรอม น้ำซัมซัม มะกอม ภูเขาตูร หรือบัยตุ้ลมะหฺมูร หรืออื่นๆเช่นเดียวกัน แท้จริงมันเป็นดุอาอฺที่ไม่ได้ถูกทอดมาจากนบี ศ็อลลัล ลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมและจากบรรดาเศาะหาบะหฺและตาบิอีนของท่าน ได้มีบรรดาผู้รู้ เช่น อบีหะนีฟะฮฺและพวก ของเขา และอบียูสุฟและคนอื่นๆจากผู้รู้ ลงความเห็นกันว่า แท้จริงมันเป็นสิ่งที่ไม่อนุญาตที่จะขอดุอาอฺเช่นนั้น (มูหัมมัด บิน อิบรอฮีมอัลนุอฺมาน, ญามิอุ้ลฟารีด, ดารุ้ลวะฏอน, ซาอุดิอารเบีย, ม.ป.ป., หน้าที่ : 402)
ดังนั้นสื่อกลางไม่ได้หมายถึงสิ่งที่ถูกสร้างต่าง ๆ ที่พวกเขาพยายามนำมาเป็นสื่อระหว่างอัลลอฮ สุบหานะฮู วะตะอาลา เพื่อให้พระองค์ทรงช่วยเหลือพวกเขาและพวกเขาจะได้ใกล้ชิดกับพระองค์ (เชคสุลัยมาน บิน สะมานุนนาญาดียฺ, ฮาดียะตุสสุนนียะฮฺ, ม.ป.ท., ซาอุดิอารเบีย, 1968 , หน้าที่ : 18)
อินชาอัลลอฮฺ อ่านต่อตอนที่ 7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น