21672: การขอชาฟาอะห์ ในโลกหน้า
อะไรคือการขอชาฟาอะห์.
มีประเภทที่แตกต่างกันไหมในการขอชาฟาอะห์? ประชาชนหรือบรรดานบีเท่านั้นที่จะร้องขอ? มีประชาชนใดบ้างที่ชาฟาอะห์จะไม่ถูกตอบรับ?.
มีประเภทที่แตกต่างกันไหมในการขอชาฟาอะห์? ประชาชนหรือบรรดานบีเท่านั้นที่จะร้องขอ? มีประชาชนใดบ้างที่ชาฟาอะห์จะไม่ถูกตอบรับ?.
มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์.
เมื่อความทุกข์โศกกลายมาเป็นเรื่องใหญ่เกินสำหรับประชาชนในวันพิพากษา และพวกเขายืนเป็นเวลาที่ยาวนานเกิน, การได้รับความทุกข์ทรมานในความร้อน ความหวาดกลัวและความทุกข์โศก,ท่านศาสนฑูต ﷺ กล่าวว่า,"พวกท่านจะเป็นอย่างไรเมื่ออัลลอฮ์รวบรวมพวกท่านเข้าด้วยกันเหมือนลูกธนูที่สั่นระริกเป็นเวลาห้าหมื่นปี(50,000 ปี) ซึ่งอัลลอฮ์จะไม่มองมายังพวกท่าน?"
อ้างอิง
السلسلة الصحيحة 2817.
السلسلة الصحيحة 2817.
ประชาชนจะมองไปยังเหล่าผู้ที่มีสถานะขั้นสูงเพื่อร้องขอชาฟาอะห์สำหรับพวกเขากับพระเจ้าของพวกเขาเผื่อว่าพระองค์อาจจะทำให้พวกเขาบรรเทาลงจากความทุกข์ยากลำบากนี้ที่พวกเขากำลังประสบอยู่และมาตัดสินในหมู่พวกเขา.ด้วยเหตุนี้พวกเขาจะมาที่นบีอาดัม,แต่นบีอาดัมจะแก้ตัว(คือปฏิเสธ); แล้วพวกเขาจะมาที่นบีนุฮ์,แต่นบีนุฮ์จะแก้ตัว(คือปฏิเสธ);แล้วพวกเขาจะมาที่นบีอิบรอฮีม,แต่นบีอิบรอฮีมจะแก้ตัว(คือปฏิเสธ);แล้วพวกเขาจะมาที่นบีมูซา,แต่นบีมูซาจะแก้ตัว(คือปฏิเสธ);แล้วพวกเขาจะมาที่นบีอีซา,แต่นบีอีซาจะแก้ตัว(คือปฏิเสธ).
แล้วพวกเขาจะมาที่นบี ﷺ ของเรา และเขาจะกล่าว,"ฉันคู่ควรกับเรื่องนั้น."
ดังนั้นท่านนบีจะร้องขอเพื่อประชาชนในที่ชุมนุม,เพื่อให้การตัดสินสามารถเริ่มได้.
นี่คือตำแหน่งของการสรรเสริญและความมีเกียรติที่อัลลอฮ์ได้สัญญากับท่าน,ตามที่พระองค์ทรงตรัสในสูเราะฮฺ อัล-อิสรออ์ โองการที่ 79
وَمِنَ اللَّيْلِ فَتَهَجَّدْ بِهِ نَافِلَةً لَّكَ عَسَىٰ أَن يَبْعَثَكَ رَبُّكَ مَقَامًا مَّحْمُودًا
และจากบางส่วนของกลางคืนเจ้าจงตื่นขึ้นมาละหมาดในเวลาของมัน เป็นการสมัครใจสำหรับเจ้า หวังว่าพระเจ้าของเจ้าจะทรงให้เจ้าได้รับตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ"
แล้วพวกเขาจะมาที่นบี ﷺ ของเรา และเขาจะกล่าว,"ฉันคู่ควรกับเรื่องนั้น."
ดังนั้นท่านนบีจะร้องขอเพื่อประชาชนในที่ชุมนุม,เพื่อให้การตัดสินสามารถเริ่มได้.
นี่คือตำแหน่งของการสรรเสริญและความมีเกียรติที่อัลลอฮ์ได้สัญญากับท่าน,ตามที่พระองค์ทรงตรัสในสูเราะฮฺ อัล-อิสรออ์ โองการที่ 79
وَمِنَ اللَّيْلِ فَتَهَجَّدْ بِهِ نَافِلَةً لَّكَ عَسَىٰ أَن يَبْعَثَكَ رَبُّكَ مَقَامًا مَّحْمُودًا
และจากบางส่วนของกลางคืนเจ้าจงตื่นขึ้นมาละหมาดในเวลาของมัน เป็นการสมัครใจสำหรับเจ้า หวังว่าพระเจ้าของเจ้าจะทรงให้เจ้าได้รับตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ"
ต่อไปนี้เป็นฮาดิษที่มีความยาวเกี่ยวกับการขอชาฟาอะห์:
มันถูกรายงานว่าท่านอนัส อิบนุ มาลิก(รอดียัลลอฮูอันฮู) ได้กล่าว: ท่านนบีมูฮำหมัด ﷺได้บอกเรา:"เมื่อวันฟื้นคืนชีพได้มาถึง ประชาชนจะพรั่งพรูซึ่งกันและกันดังเช่นคลื่น.พวกเขาจะมาที่นบีอาดัมและกล่าว,ร้องขอให้กับพวกเรากับพระเจ้าของท่าน.'เขาจะกล่าว,'ฉันไม่เหมาะต่อเรื่องนั้น.จงไปหานบีอิบรอฮีมเพราะเขาเป็นคนใกล้ชิดผู้ทรงเมตตามากที่สุด.' ดังนั้นพวกเขาจะไปยังนบีอิบรอฮีม,แต่เขาจะกล่าว,ฉันไม่เหมาะในเรื่องนั้น.จงไปหานบีมูซาเพราะเพราะเขาเป็นผู้ที่อัลลอฮ์พูดกับเขาโดยตรง.' ดังนั้นเขาจะไปหานบีมูซาแต่เขาจะกล่าว,'ฉันไม่เหมาะในเรื่องนั้น.จงไปหานบีอีซาเพราะเขาเป็นวิญญาณที่สร้างโดยอัลลอฮ์และคำตรัสของพระองค์.' ดังนั้นพวกเขาจะไปที่นบีอีซาแต่เขาจะกล่าว,'ฉันไม่เหมาะสำหรับเรื่องนั้น.'จงไปหานบีมูฮำหมัด ﷺ. ดังนั้นพวกเขาจะมาที่ฉันและฉันจะกล่าว,ฉันคู่ควรสำหรับเรื่องนั้น.'แล้วฉันจะขออนุญาตพระเจ้าของฉันและพระองค์จะอนุญาตให้ฉัน,และพระองค์จะดลใจฉันด้วยคำกล่าวสรรเสริญซึ่งฉันจะสรรเสริญพระองค์,คำกล่าวที่ฉันยังไม่ทราบในวันนี้(ว่าเป็นอย่างไร).ดังนั้นฉันจะสรรเสริญพระองค์ด้วยคำกล่าวสรรเสริญเหล่านี้และฉันจะกราบลงเบื้องหน้าพระองค์.พระองค์จะตรัส,'โอ้ มูฮัมหมัด,จงเงยศรีษะของเจ้า.จงพูดและการร้องขอ(ชาฟาอะห์)จะถูกมอบให้แก่เจ้า,จงขอและเจ้าจะได้รับ,จงร้องขอและการชาฟาอะห์ของเจ้าจะถูกตอบรับ.' ฉันจะกล่าว,'โอ้ พระเจ้า,อุมมัตของฉัน อุมมัตของฉัน!'พระองค์จะตรัส,'จงไปและนำออกมาทุกๆคนที่ในหัวใจของเขามีความศรัธทาน้ำหนักของข้าวบาร์เลย์.'ดังนั้นฉันจะไปและทำเช่นนั้น.แล้วฉันจะกลับมาและสรรเสริญพระองค์ด้วยคำสรรเสริญเหล่านั้นและฉันจะกราบต่อหน้าพระองค์.พระองค์จะตรัส,'โอ้ มูฮัมหมัด จงเงยศรีษะของเจ้า.จงพูดและการชาฟาอะห์ของเจ้าจะถูกให้,จงขอและเจ้าจะได้รับ,จงร้องขอและการชาฟาอะห์ของเจ้าจะถูกตอบรับ.'ฉันจะกล่าว,'โอ้ พระเจ้า,อุมมัตของฉัน อุมมัตของฉัน!' พระองค์จะตรัส,'ไปนำออกมาทุกๆคนที่ในหัวใจของ้ขามีความศรัธทาน้ำหนักเท่ามดตัวหนึ่งหรือเมล็ดมัสตาร์ดหนึ่งเม็ด.'ดังนั้นฉันจะไปทำเช่นนั้น.แล้วฉันจะกลับมาและสรรเสริญพระองค์ด้วยคำสรรเสริญเหล่านั้นและฉันจะกราบลงต่อหน้าพระองค์.พระองค์จะตรัส,'โอ้ มูฮัมหมัด,จงเงยศรีษะของเจ้า.จงพูดและการชาฟาอะห์จะถูกให้แก่เจ้า,จงขอ แลเจ้าจะถูกให้,จงร้องขอและการชาฟาอะห์ของเจ้าจะถูกตอบรับ.' ฉันจะกล่าว โอ้ พระเจ้า อุมมัตของฉัน อุมมัตของฉัน! พระองค์จะตรัส,'ไปนำออกมาจากไฟ(นรก)ทุกๆคนที่ในหัวใจของเขามีความศรัธทาน้ำหนักที่เบาที่สุด,เมล็ดมัสตาร์ดเบาที่สุด.'ดังนั้นฉันจะไปเอาพวกเขาออกมา."
เมื่อพวกเราออกไปจากอนัส ฉัน[ผู้รายงานฮาดิษ]ได้กล่าวกับซอฮาบัตบางท่าน,"ทำไมเราไม่ไปหาอัลฮาซัน ผู้ที่กำลังซ่อนตัวในบ้านของอาบู คอลีฟะห์,และบอกเขาในสิ่งที่อนัส อิบนุ มาลิกได้บอกเรา?"แล้วเราก็ไปหาเขา,ทักทายด้วยสาลามกับเขาและเขาก็อนุญาตให้เราเข้าไป. แล้วเราก็กล่าว," โอ้ อาบู สะอีด,เรามาที่ท่านจากพี่ชายของท่าน อนัส อิบนุ มาลิก,และเราไม่เคยได้ยินมาก่อนในสิ่งที่เขารายงานกับเราเกี่ยวกับการขอชาฟาอะห์." เขากล่าว,"จงบอกฉัน." ด้วยเหตุนั้นเราได้รายงานฮาดิษกับเขาและเราได้มาถึงจุดนี้และเขากล่าว,"เล่าต่อไป."เรากล่าว,"เขาไม่ได้บอกเราอีก."เขากล่าว,"เขาบอกฉันฮาดิษนี้เมื่อเขายังเยาว์วัย,20 ปี. ฉันไม่รู้ถ้าหากเขาลืมหรือถ้าหากเขาไม่ต้องการให้ท่านเชื่อถือในสิ่งที่เขาอาจกล่าว.เรากล่าวว่า,"โอ้ อาบู สะอีด,จงบอกเรา."เขายิ้มและกล่าว,"มนุษย์ถูกสร้างฉับไว.ฉันกล่าวอ้างว่าเพราะฉันต้องการแจ้งท่านเกี่ยวกับมันเท่านั้น.อนัส ได้บอกเราเช่นเดียวกับที่เขาได้บอกท่าน,และกล่าวว่าท่านนบีมูฮัมหมัดได้เพิ่ม:"แล้วฉันจะกลับมาครั้งที่สี่และสรรเสริญพระองค์ด้วยคำสรรเสริญเหล่านั้นและฉันจะกราบลงต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์.พระองค์จะตรัส,'โอ้ มูฮัมหมัด,จงเงยศรีษะของเจ้า.จงพูดและการชาฟาอะห์จะถูกให้แก่เจ้า,จงขอและเจ้าจะถูกให้,จงร้องขอและ ชาฟาอะห์ของเจ้าจะถูกตอบรับ,ฉันจะกล่าว,โอ้ พระเจ้า อนุญาตให้ฉัน(นำออกมา)ผู้ที่กล่าวว่า 'ลาอีลาฮาอิลลัลลอฮ์.'พระองค์จะตรัส,'โดยที่อำนาจเป็นของข้า,ความสูงส่งเป็นของข้า,อำนาจสูงสุดเป็นของข้าและความยิ่งใหญ่เป็นของข้า,ข้าจะนำออกมาจากมัน(นรก)ผู้ที่ได้กล่าว ลาอีลาฮาอิลลัลลอฮ์อย่างแน่นอน."
(รายงานโดยบุคอรี,7510)
(รายงานโดยบุคอรี,7510)
มันถูกรายงานจาก อาบู ฮูรอยเราะห์(รอดียัลลอฮูอันฮู)ว่าท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺได้กล่าว:"ฉันจะเป็นผู้นำของมนุษยชาติในวันฟื้นคืนชีพ.พวกท่านทราบไหมว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?อัลลอฮ์จะรวบรวมมนุษยชาติมาชุมนุม,ตั้งแต่คนแรกจนกระทั่งคนสุดท้ายของพวกเขา,ในสถานที่แห่งหนึ่ง,ดังนั้นผู้เรียกจะสามารถทำให้พวกเขาได้ยินเสียงของเขาและผู้มองจะสามารถได้เห็นพวกเขาทั้งหมด.ดวงอาทิตย์จะถูกนำมาใกล้และประชาชนจะได้รับความทุกข์โศกและความทุกข์ร้อนที่พวกเขาไม่สามารถที่จะทนและเผชิญกับมันได้.มนุษย์จะกล่าวว่า,'พวกท่านไม่เห็นในสถานการณ์ที่พวกท่านเป็นอยู่และสภาวการณ์ที่พวกท่านไปถึงดอกหรือ? ทำไมพวกท่านถึงไม่มองหาใครสักคนที่สามารถร้องขอเพื่อพวกท่านกับพระเจ้าของพวกท่าน?' มนุษย์จะกล่าวต่อกัน:'ไปหาบิดาของพวกท่าน,อาดัม.'ดังนั้นพวกเขาจะไปหาอาดัม(อาลัยฮีสลาม)...ฉันจะไปและกราบซูญุดอยู่ใต้บัลลังค์.ดังนั้นฉันจะถูกให้คำกล่าวสรรเสริญซึ่งไม่เคยถูกประทานให้ผู้ใดมาก่อน,แล้วมันจะถูกกล่าว,'โอ้ มูฮัมหมัด!จงเงยศรีษะของเจ้า;จงขอ เพราะมันจะถูกให้กับเจ้า,และร้องขอ,สำหรับชาฟาอะห์ของเจ้าจะถูกตอบรับ.'
ฉันจะเงยศรีษะและกล่าว,'อุมมัตของฉัน,โอ้ พระเจ้า! อุมมัตของฉัน,โอ้ พระเจ้า! 'มันจะถูกกล่าว,'โอ้ มูฮัมหมัด ,อนุญาตในหมู่อุมมัตของเจ้าผู้ที่จะไม่ถูกสอบสวนจากประตูด้านขวาของสวรรค์,และพวกเขาจะแบ่งปันประตูอื่นๆกับประชาชน.'ท่านกล่าว,โดยที่วิญญาณของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์,ระยะทางระหว่างสองเสาประตูก็เหมือนกับระยะทางระหว่างเมืองมักกะฮ์และ ฮุมัยร์(Humayr)หรือระหว่างมักกะฮ์ และบัซรา(Busra)"."
ฉันจะเงยศรีษะและกล่าว,'อุมมัตของฉัน,โอ้ พระเจ้า! อุมมัตของฉัน,โอ้ พระเจ้า! 'มันจะถูกกล่าว,'โอ้ มูฮัมหมัด ,อนุญาตในหมู่อุมมัตของเจ้าผู้ที่จะไม่ถูกสอบสวนจากประตูด้านขวาของสวรรค์,และพวกเขาจะแบ่งปันประตูอื่นๆกับประชาชน.'ท่านกล่าว,โดยที่วิญญาณของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์,ระยะทางระหว่างสองเสาประตูก็เหมือนกับระยะทางระหว่างเมืองมักกะฮ์และ ฮุมัยร์(Humayr)หรือระหว่างมักกะฮ์ และบัซรา(Busra)"."
(รายงานโดยบุคอรี, 4712)
นี่คือการชาฟาอะห์ใหญ่ในสถานที่ยืน และมันเป็นชาฟาอะห์เผื่อที่ว่าการตัดสินพิพากษาสามารถเริ่มต้นได้.การชาฟาอะห์ในวันฟื้นคืนชีพแบ่งเป็นสองประเภท:
1 - การชาฟาอะห์ที่จะถูกตอบรับ.นี่เป็นชาฟาอะหฺที่ถูกยืนยันในตำราชารีอะห์.รายละเอียดจะแสดงในเนื้อหาด้านล่างนี้
2 - ชาฟาอะห์ที่จะถูกปฏิเสธ. นี่เป็นชาฟาอะห์ที่ตามตัวบทจากกุรอานและซุนนะห์เป็นโมฆะและไม่เกิดผล ตามที่เราจะได้เห็นด้านล่างนี้
การชาฟาอะห์ที่ถูกตอบรับมีหลายชนิด:
1 - ชาฟาอะห์ที่ใหญ่ที่สุดคือ อัลมะคาม อัลมะห์มูด(شفاعة مقبولة أو مثبتة), ที่ผู้คนยุคแรกและยุคต่อมาจะขอท่านนบีมูฮัมหมัดให้ร้องขอเพื่อพวกเขากับพระเจ้าของพวกเขาเผื่อว่าพระองค์อาจทำให้พวกเขาบรรเทาจากความน่าสะพรึ่งกลัวของวันพิพากษา.สิ่งนี้ถูกอธิบายด้านบน.
2 - ชาฟาอะห์สำหรับหมู่ชนที่มีพระเจ้าองค์เดียวแต่ไปทำบาปใหญ่และเข้านรก,ซึ่งพวกเขาอาจถูกเอาออกจากมัน(นรก).มันถูกรายงานว่าท่านอนัส ได้กล่าว:ท่านรอซูลุลลอฮ์ ได้กล่าว:"ชาฟาอะห์ของฉันจะเป็นสำหรับอุมมัตของฉันที่กระทำบาปใหญ่."(ซอเฮียะสุนันตีรมีซี,1983).
3 - ชาฟาอะห์ของท่านรอซูลุลลอฮ์ต่อผู้ที่มีการกระทำดี และการกระทำชั่วเท่ากัน,ที่พวกเขาอาจเข้าสวรรค์,และสำหรับผู้อื่นๆที่ถูกตัดสินลงนรกแล้ว,ที่พวกเขาอาจไม่ต้องเข้ามัน(นรก).
4 - ชาฟาอะห์สำหรับประชาชนบางส่วนที่อาจเข้าสวรรค์โดยไม่ต้องถูกสอบสวน.
5 - ชาฟาอะห์ของท่านนบีมูฮัมหมัดต่อลุงของท่าน คือ อาบู ฏอลิบ,เผื่อว่าการทรมานจากไฟจะลดลงสำหรับเขา.สิ่งนี้ใช้ในกรณีของท่านนบีมูฮัมหมัดเท่านั้นและลุงของท่าน อาบู ฏอลิบ.
6 - ชาฟาอะห์ของท่านนบีมูฮัมหมัดที่ผู้ศรัธทาอาจถูกให้อนุญาตเข้าสวรรค์.
การชาฟาอะห์สำหรับผู้ที่กระทำบาปจะไม่ถูกให้เพียงท่านนบีมูฮัมหมัดเท่านั้น แต่ยังให้กับ บรรดานบีหรือรอซูล,ผู้ตายซาฮีด,นักวิชาการศาสนา,ผู้มีคุณธรรม และบรรดามลาอีกัต จะร่วมด้วย.การทำดีของชายคนหนึ่งอาจร้องขอสำหรับเขาด้วย..แต่ท่านนบีมูฮัมหมัด จะมีส่วนแบ่งของการขอชาฟาอะห์ที่มากที่สุด.
ฮาดิษต่อไปนี้ชี้ว่าการขอชาฟาอะห์จะถูกมอบแด่บรรดานบีหรือรอซูลและท่านอื่นๆ. มันถูกรายงานว่าอาบู สะอีด อัลคุดรี(รอดียัลลอฮูอันฮู) ได้กล่าว:" เรากล่าว,'โอ้ ท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ,เราจะเห็นพระเจ้าของเราในวันฟื้นคืนชีพหรือไม่?"'...และเขาได้อ้างฮาดิษ,จนกระทั่งเขาได้มาถึงส่วนที่บรรยายว่าผู้ศรัธทาจะข้ามสะพานซีรอตและจะร้องขอเพื่อช่วยพี่น้องของพวกเขาที่เข้านรกได้อย่างไร:"พวกเขาจะกล่าว,'โอ้ พระเจ้า,พี่น้องของเรา เคยละหมาดกับเรา ถือศีลอดกับเราและทำการงานที่ดีกับเรา.'อัลลอฮ์จะตรัสว่า,'ไป,และใครก็ตามที่พวกเจ้าพบด้วยน้ำหนักของความศรัธทาเท่ากับหนึ่งดีนาร์ในหัวใจของเขา,นำเขาออกมา,และอัลลอฮ์จะสั่งห้ามร่างกายของพวกเขาสู่นรก.'ด้วยเหตุนี้พวกเขาจะไป,และบางส่วนของพวกเขากำลังจะจมลงสู่ไฟ(นรก) ถึงเท้าหรือหน้าแข้งของพวกเขา,และพวกเขาจะนำผู้ที่พวกเขาจำได้ออก.แล้วพวกเขาจะกลับมา,และพระองค์จะตรัส,'ไป,และใครก็ตามที่พวกเจ้าพบความศรัธทาในหัวใจของเขาเท่ากับครึ่งดีนาร์ จงเอาเขาออกมา.'ดังนั้นพวกเขาจะไปและนำผู้ที่พวกเขาจำได้ออกมา."
อาบู สะอีด ได้กล่าว:"ถ้าพวกท่านไม่เชื่อฉัน,ถ้างั้นก็อ่านสูเราะฮฺ อัน-นิสาอ์โองการที่ 40
إِنَّ اللَّهَ لَا يَظْلِمُ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ وَإِن تَكُ حَسَنَةً يُضَاعِفْهَا وَيُؤْتِ مِن لَّدُنْهُ أَجْرًا عَظِيمًا
แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอธรรมแม้เพียงน้ำหนักเท่าผงธุลี และถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งอย่างใด พระองค์ก็จะทรงเพิ่มพูนความดีนั้นเป็นทวีคูณ และทรงประทานให้จากที่พระองค์ ซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง"
อาบู สะอีด ได้กล่าว:"ถ้าพวกท่านไม่เชื่อฉัน,ถ้างั้นก็อ่านสูเราะฮฺ อัน-นิสาอ์โองการที่ 40
إِنَّ اللَّهَ لَا يَظْلِمُ مِثْقَالَ ذَرَّةٍ وَإِن تَكُ حَسَنَةً يُضَاعِفْهَا وَيُؤْتِ مِن لَّدُنْهُ أَجْرًا عَظِيمًا
แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอธรรมแม้เพียงน้ำหนักเท่าผงธุลี และถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งอย่างใด พระองค์ก็จะทรงเพิ่มพูนความดีนั้นเป็นทวีคูณ และทรงประทานให้จากที่พระองค์ ซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง"
[ท่านนบีมูฮัมหมัด ได้กล่าวว่า:]"ด้วยเหตุนี้บรรดานบีหรือรอซูล,บรรดามะลาอีกัต และผู้ศรัธทาจะร้องขอ, และผู้ทรงอำนาจ(อัลลอฮ์)จะตรัส,'การชาฟาอะห์ของข้ายังคงอยู่.'แล้วพระองค์จะเอาหนึ่งกำมือจากไฟ(นรก)และนำประชาชนบางส่วนออกมาผู้ที่ร่างโดนเผาและโยนพวกเขาสู่แม่น้ำสายหนึ่งที่ทางเข้าสู่สวรรค์ ซึ่งเรียกว่าแม่น้ำแห่งชีวิต.
พวกเขาจะเติบโตที่ริมฝั่งของมัน(แม่น้ำ)ดังเช่น เมล็ด(พืช)ที่ถูกอุ้มน้ำขึ้นมา.ท่านเคยเห็นว่ามันเติบโตอย่างไรที่ข้างก้อนหินหรือข้างต้นไม้,ด้านที่แสงอาทิตย์สัมผัสปกติจะเขียวอย่างไรขณะที่ด้านที่อยู่ในร่มเงาจะขาวอย่างไร. พวกเขาจะออกมาเช่นไข่มุก, และสร้อยคอจะถูกนำมาใส่รอบๆคอของพวกเขา.แล้วพวกเขาจะเข้าสวรรค์,และชาวสวรรค์จะกล่าวว่า,'พวกนี้เป็นมนุษย์ที่ถูกปลดเปลื้อง(ปล่อยให้อิสระ)โดยพระผู้ทรงเมตตามากที่สุด.พระองค์ได้อนุญาตให้พวกเขาเข้าสวรรค์โดยที่พวกเขาไม่มีความดีใดๆเลยและพวกเขาไม่ได้ส่งความดีใดๆออกมา(ต่อตัวพวกเขาเอง).'แล้วจะมีกล่าวกับพวกเขา,'
'พวกท่านจะได้สิ่งที่พวกท่านได้เห็นและเทียบเท่าจากสิ่งนั้น."
‘
(รายงานโดยบุคอรี, 7440)
'พวกท่านจะได้สิ่งที่พวกท่านได้เห็นและเทียบเท่าจากสิ่งนั้น."
‘
(รายงานโดยบุคอรี, 7440)
ชาฟาอะห์ของวันแห่งการฟื้นคืนชีพ(กียามัต)จะถูกให้มีขึ้นถ้าได้พบกับ 3 เงื่อนไข,ตามที่ถูกกล่าวถึงในอัล-นัจม์ โองการที่ 26
۞ وَكَمْ مِنْ مَلَكٍ فِي السَّمَاوَاتِ لَا تُغْنِي شَفَاعَتُهُمْ شَيْئًا إِلَّا مِنْ بَعْدِ أَنْ يَأْذَنَ اللَّهُ لِمَنْ يَشَاءُ وَيَرْضَىٰ ٢٦
۞ وَكَمْ مِنْ مَلَكٍ فِي السَّمَاوَاتِ لَا تُغْنِي شَفَاعَتُهُمْ شَيْئًا إِلَّا مِنْ بَعْدِ أَنْ يَأْذَنَ اللَّهُ لِمَنْ يَشَاءُ وَيَرْضَىٰ ٢٦
26. และมะลักกี่มากน้อยในชั้นฟ้าทั้งหลายนั้น การชะฟาอะฮ์ของพวกเขาจะไม่อำนวยประโยชน์อันใด (แก่พวกเขา) เว้นแต่หลังจากอัลลอฮ์จะทรงอนุมัติแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงพอพระทัย"
[อัล-นัจม์ 53:26]
[อัล-นัจม์ 53:26]
ในซูเราะฮ์ฏอฮา โองการที่ 109
يَوْمَئِذٍ لَا تَنْفَعُ الشَّفَاعَةُ إِلَّا مَنْ أَذِنَ لَهُ الرَّحْمَٰنُ وَرَضِيَ لَهُ قَوْلًا ١٠٩
109. วันนั้น การชะฟาอะฮ์ จะไม่เกิดประโยชน์อันใด นอกจากผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงอนุญาตแก่เขา และพระองค์ทรงพอพระทัยในคำพูดของเขาเท่านั้น"
يَوْمَئِذٍ لَا تَنْفَعُ الشَّفَاعَةُ إِلَّا مَنْ أَذِنَ لَهُ الرَّحْمَٰنُ وَرَضِيَ لَهُ قَوْلًا ١٠٩
109. วันนั้น การชะฟาอะฮ์ จะไม่เกิดประโยชน์อันใด นอกจากผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงอนุญาตแก่เขา และพระองค์ทรงพอพระทัยในคำพูดของเขาเท่านั้น"
ในซูเราะฮ์อัลอัมบียาอฺ โองการที่ 28
يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلَا يَشْفَعُونَ إِلَّا لِمَنِ ارْتَضَىٰ وَهُمْ مِنْ خَشْيَتِهِ مُشْفِقُونَ
28. พระองค์ทรงรอบรู้ สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา และพวกเขาจะไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใด นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย และเนื่องจากความกลัวพวกเขาจึงเนื้อตัวสั่น"
يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلَا يَشْفَعُونَ إِلَّا لِمَنِ ارْتَضَىٰ وَهُمْ مِنْ خَشْيَتِهِ مُشْفِقُونَ
28. พระองค์ทรงรอบรู้ สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา และพวกเขาจะไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใด นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย และเนื่องจากความกลัวพวกเขาจึงเนื้อตัวสั่น"
ในซูเราะฮ์อัลบากอเราะฮ์ โองการที่ 255
اللَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ لَا تَأْخُذُهُ سِنَةٌ وَلَا نَوْمٌ لَّهُ مَا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الْأَرْضِ مَن ذَا الَّذِي يَشْفَعُ عِندَهُ إِلَّا بِإِذْنِهِ يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلَا يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِّنْ عِلْمِهِ إِلَّا بِمَا شَاءَ وَسِعَ كُرْسِيُّهُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَلَا يَئُودُهُ حِفْظُهُمَا وَهُوَ الْعَلِيُّ الْعَظِيمُ
.......ใครเล่าคือผู้ที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น?......
اللَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ لَا تَأْخُذُهُ سِنَةٌ وَلَا نَوْمٌ لَّهُ مَا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الْأَرْضِ مَن ذَا الَّذِي يَشْفَعُ عِندَهُ إِلَّا بِإِذْنِهِ يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلَا يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِّنْ عِلْمِهِ إِلَّا بِمَا شَاءَ وَسِعَ كُرْسِيُّهُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَلَا يَئُودُهُ حِفْظُهُمَا وَهُوَ الْعَلِيُّ الْعَظِيمُ
.......ใครเล่าคือผู้ที่จะขอความช่วยเหลือให้แก่ผู้อื่น ณ ที่พระองค์ได้ นอกจากด้วยอนุมัติของพระองค์เท่านั้น?......
สภาวะเหล่านี้คือ:
1 - การอนุญาตของอัลลอฮ์ต่อผู้ที่ขอชาฟาอะห์เพื่อขอชาฟาอะห์.
1 - การอนุญาตของอัลลอฮ์ต่อผู้ที่ขอชาฟาอะห์เพื่อขอชาฟาอะห์.
2 - อัลลอฮ์พึงพอพระทัยต่อผู้ที่ทำการ
ขอชาฟาอะห์.
ขอชาฟาอะห์.
3 - พระองค์พึงพอพระทัยกับผู้ที่รับการชาฟาอะห์
มันถูกรายงานจากท่านนบีมูฮัมหมัดﷺ ว่า การขอชาฟาอะห์ของบางคนจะไม่ถูกตอบรับในวันฟื้นคืนชีพ,รวมทั้งผู้ที่ด่าทอ(สาปแช่ง)อย่างมาก. มุสลิมได้รายงานว่าอาบุล ดาร์ดา ได้กล่าว:"ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮﷺ์ กล่าว,ผู้ที่ด่าทอสาปแช่งจะไม่ได้เป็นพยานหรือได้เป็นผู้ขอชาฟาอะห์ในวันฟื้นคืนชีพ."
ประเด็นที่เกี่ยวกับประเภทของชาฟาอะห์ที่จะถูกปฏิเสธ,นี่เป็นการขอชาฟาอะห์ที่ไม่ได้พบในเงื่อนไขที่อัลลอฮ์จะอนุญาตหรือพระองค์พึงพอพระทัย(ด้วยผู้ขอชาฟาอะห์หรือผู้รับชาฟาอะห์),เช่นการชาฟาอะห์ที่คนทำชีริกเชื่อว่าพระเจ้าต่างๆของพวกเขาจะทำให้บรรลุผล. พวกเขาเคารพสักการะพวกมัน(ฏอฆูต)เพราะพวกเขาเชื่อว่าพวกมัน(ฏอฆูต)จะร้องขอสำหรับพวกเขากับอัลลอฮ์,ซึ่งพวกมัน(บรรดาภาคีฏอฆูต)เป็นผู้ไกล่เกลี่ยหรือตัวกลางระหว่างพวกเขากับอัลลอฮ์.อัลลอฮ์ตรัสในสูเราะฮฺ อัซ-ซุมัรโองการที่ 3
أَلَا لِلَّهِ الدِّينُ الْخَالِصُ وَالَّذِينَ اتَّخَذُوا مِن دُونِهِ أَوْلِيَاءَ مَا نَعْبُدُهُمْ إِلَّا لِيُقَرِّبُونَا إِلَى اللَّهِ زُلْفَىٰ إِنَّ اللَّهَ يَحْكُمُ بَيْنَهُمْ فِي مَا هُمْ فِيهِ يَخْتَلِفُونَ إِنَّ اللَّهَ لَا يَهْدِي مَنْ هُوَ كَاذِبٌ كَفَّارٌ
พึงทราบเถิด การอิบาดะฮฺโดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮฺองค์เดียว ส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮฺ โดยกล่าวว่าเรามิได้เคารพภักดีพวกเขา เว้นแต่เพื่อทำให้เราเข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องนั้น แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงชี้นำทางแก่ผู้กล่าวเท็จ ผู้ไม่สำนึกบุญคุณ"
أَلَا لِلَّهِ الدِّينُ الْخَالِصُ وَالَّذِينَ اتَّخَذُوا مِن دُونِهِ أَوْلِيَاءَ مَا نَعْبُدُهُمْ إِلَّا لِيُقَرِّبُونَا إِلَى اللَّهِ زُلْفَىٰ إِنَّ اللَّهَ يَحْكُمُ بَيْنَهُمْ فِي مَا هُمْ فِيهِ يَخْتَلِفُونَ إِنَّ اللَّهَ لَا يَهْدِي مَنْ هُوَ كَاذِبٌ كَفَّارٌ
พึงทราบเถิด การอิบาดะฮฺโดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮฺองค์เดียว ส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮฺ โดยกล่าวว่าเรามิได้เคารพภักดีพวกเขา เว้นแต่เพื่อทำให้เราเข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องนั้น แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงชี้นำทางแก่ผู้กล่าวเท็จ ผู้ไม่สำนึกบุญคุณ"
สูเราะฮฺ อัซ-ซุมัรโองการที่ 9
أَمَّنْ هُوَ قَانِتٌ آنَاءَ اللَّيْلِ سَاجِدًا وَقَائِمًا يَحْذَرُ الْآخِرَةَ وَيَرْجُو رَحْمَةَ رَبِّهِ قُلْ هَلْ يَسْتَوِي الَّذِينَ يَعْلَمُونَ وَالَّذِينَ لَا يَعْلَمُونَ إِنَّمَا يَتَذَكَّرُ أُولُو الْأَلْبَابِ
ผู้ที่เขาเป็นผู้ภักดีในยามค่ำคืน ในสภาพของผู้สุญูด และผู้ยืนละหมาดโดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮฺ และหวังความเมตตาของพระเจ้าของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺกระนั้นหรือ?) จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ? แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ"
أَمَّنْ هُوَ قَانِتٌ آنَاءَ اللَّيْلِ سَاجِدًا وَقَائِمًا يَحْذَرُ الْآخِرَةَ وَيَرْجُو رَحْمَةَ رَبِّهِ قُلْ هَلْ يَسْتَوِي الَّذِينَ يَعْلَمُونَ وَالَّذِينَ لَا يَعْلَمُونَ إِنَّمَا يَتَذَكَّرُ أُولُو الْأَلْبَابِ
ผู้ที่เขาเป็นผู้ภักดีในยามค่ำคืน ในสภาพของผู้สุญูด และผู้ยืนละหมาดโดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮฺ และหวังความเมตตาของพระเจ้าของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺกระนั้นหรือ?) จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ? แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ"
อัลลอฮ์บอกเราว่าประเภทนี้ของการชาฟาอะห์จะไม่เกิดผลและไร้ประโยชน์,ตามที่พระองค์ตรัสในสูเราะฮฺ อัล-มุดดัษษิรโองการที่ 48
فَمَا تَنفَعُهُمْ شَفَاعَةُ الشَّافِعِينَ
ดังนั้นการชะฟาอะฮฺของบรรดาผู้มีชะฟาอะฮฺจะไม่เกิดประโยชน์อันใดแก่พวกเขา"
فَمَا تَنفَعُهُمْ شَفَاعَةُ الشَّافِعِينَ
ดังนั้นการชะฟาอะฮฺของบรรดาผู้มีชะฟาอะฮฺจะไม่เกิดประโยชน์อันใดแก่พวกเขา"
ในสูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮ โองการที่ 48
وَاتَّقُوا يَوْمًا لَّا تَجْزِي نَفْسٌ عَن نَّفْسٍ شَيْئًا وَلَا يُقْبَلُ مِنْهَا شَفَاعَةٌ وَلَا يُؤْخَذُ مِنْهَا عَدْلٌ وَلَا هُمْ يُنصَرُونَ
และจงกลัวเกรงวันหนึ่ง ซึ่งไม่มีชีวิตใดจะตอบแทนสิ่งใดแทนอีกชีวิตได้ และการขอให้มีความช่วยเหลือใด ๆก็จะไม่ถูกรับจากชีวิตนั้น และค่าไถ่ถอนใด ๆ ก็จะไม่ถูกรับเอาจากชีวิตนั้น ด้วย และทั้งพวกเขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ"
وَاتَّقُوا يَوْمًا لَّا تَجْزِي نَفْسٌ عَن نَّفْسٍ شَيْئًا وَلَا يُقْبَلُ مِنْهَا شَفَاعَةٌ وَلَا يُؤْخَذُ مِنْهَا عَدْلٌ وَلَا هُمْ يُنصَرُونَ
และจงกลัวเกรงวันหนึ่ง ซึ่งไม่มีชีวิตใดจะตอบแทนสิ่งใดแทนอีกชีวิตได้ และการขอให้มีความช่วยเหลือใด ๆก็จะไม่ถูกรับจากชีวิตนั้น และค่าไถ่ถอนใด ๆ ก็จะไม่ถูกรับเอาจากชีวิตนั้น ด้วย และทั้งพวกเขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ"
ในสูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮ โองการที่ 123
وَاتَّقُوا يَوْمًا لَّا تَجْزِي نَفْسٌ عَن نَّفْسٍ شَيْئًا وَلَا يُقْبَلُ مِنْهَا عَدْلٌ وَلَا تَنفَعُهَا شَفَاعَةٌ وَلَا هُمْ يُنصَرُونَ
และพวกเจ้าจงหวั่นเกรงวันหนึ่งซึ่งไม่มีชีวิตใดจะชดเชยสิ่งใดแทนอีกชีวิตหนึ่งได้ และค่าไถ่ถอนใด ๆ ก็หาได้รับประโยชน์แก่ชีวิตนั้นไม่ ตลอดจนเขาเหล่านั้นก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ"
وَاتَّقُوا يَوْمًا لَّا تَجْزِي نَفْسٌ عَن نَّفْسٍ شَيْئًا وَلَا يُقْبَلُ مِنْهَا عَدْلٌ وَلَا تَنفَعُهَا شَفَاعَةٌ وَلَا هُمْ يُنصَرُونَ
และพวกเจ้าจงหวั่นเกรงวันหนึ่งซึ่งไม่มีชีวิตใดจะชดเชยสิ่งใดแทนอีกชีวิตหนึ่งได้ และค่าไถ่ถอนใด ๆ ก็หาได้รับประโยชน์แก่ชีวิตนั้นไม่ ตลอดจนเขาเหล่านั้นก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ"
ในสูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮ โองการที่ 254
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا أَنفِقُوا مِمَّا رَزَقْنَاكُم مِّن قَبْلِ أَن يَأْتِيَ يَوْمٌ لَّا بَيْعٌ فِيهِ وَلَا خُلَّةٌ وَلَا شَفَاعَةٌ وَالْكَافِرُونَ هُمُ الظَّالِمُونَ
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงบริจาคส่วนหนึ่ง จากสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าก่อนจากที่วันหนึ่งจะมา ซึ่งในวันนั้นไม่มีการซื้อขาย และไม่มีการเป็นมิตร และไม่มีชะฟาอะฮ์ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น คือ พวกที่อธรรม(แก่ตัวเอง)"
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا أَنفِقُوا مِمَّا رَزَقْنَاكُم مِّن قَبْلِ أَن يَأْتِيَ يَوْمٌ لَّا بَيْعٌ فِيهِ وَلَا خُلَّةٌ وَلَا شَفَاعَةٌ وَالْكَافِرُونَ هُمُ الظَّالِمُونَ
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงบริจาคส่วนหนึ่ง จากสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าก่อนจากที่วันหนึ่งจะมา ซึ่งในวันนั้นไม่มีการซื้อขาย และไม่มีการเป็นมิตร และไม่มีชะฟาอะฮ์ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น คือ พวกที่อธรรม(แก่ตัวเอง)"
ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮ์ไม่ตอบรับการชาฟาอะห์ของท่านนบีอิบรอฮีมสหายที่ใกล้ชิดของพระองค์ เพื่อบิดาของเขา อาซาร(آزر)
ผู้เป็นมุชริก. มันถูกรายงานจากอาบู ฮูรอยเราะห์ (รอดียัลลอฮูอันฮู)ว่าท่านนบีมูฮัมหมัด ﷺ ได้กล่าว:"นบีอิบรอฮีม(อาลัยฮิสลาม)จะพบบิดาของเขาในวันฟื้นคืนชีพ,และใบหน้าของอาซาร(บิดาของนบีอิบรอฮีม)จะดำมืดและถูกปกคลุมด้วยฝุ่น.อิบรอฮีมจะกล่าวกับเขา,'ฉันไม่ได้บอกพ่อดอกหรือว่าอย่าไม่เชื่อฟังฉัน(ว่าให้เชื่อฟังฉัน)?'บิดาของเขาจะกล่าวว่า,ในวันนี้ฉันจะไม่ฝ่าฝืนเจ้า(จะเชื่อฟัง)."อิบรอฮีมจะกล่าวว่า,โอ้ พระเจ้า! พระองค์ท่านได้สัญญากับฉันว่าจะไม่ทำให้ฉันอับอายในวันฟื้นคืนชีพ;
และอะไรที่จะทำให้ฉันอัปยศมากไปกว่าการสาปแช่งและทำให้พ่อของฉันอัปยศ? แล้วพระองค์อัลลอฮ์จะตรัส,'ข้าได้ห้ามสวรรค์ต่อผู้ปฏิเสธศรัธทา.'
แล้วจะมีกล่าวกับเขาว่า 'โอ้อิบราฮิมอะไรอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเจ้า?' เขาจะมองดูและเขาจะเห็นดับบะห์(สัตว์ที่พูดกับมนุษย์ได้),เลือดเปื้อน,ซึ่งจะถูกจับที่ขาและถูกโยนลงนรก."
(รายงานโดยบุคอรี, 3350).
ผู้เป็นมุชริก. มันถูกรายงานจากอาบู ฮูรอยเราะห์ (รอดียัลลอฮูอันฮู)ว่าท่านนบีมูฮัมหมัด ﷺ ได้กล่าว:"นบีอิบรอฮีม(อาลัยฮิสลาม)จะพบบิดาของเขาในวันฟื้นคืนชีพ,และใบหน้าของอาซาร(บิดาของนบีอิบรอฮีม)จะดำมืดและถูกปกคลุมด้วยฝุ่น.อิบรอฮีมจะกล่าวกับเขา,'ฉันไม่ได้บอกพ่อดอกหรือว่าอย่าไม่เชื่อฟังฉัน(ว่าให้เชื่อฟังฉัน)?'บิดาของเขาจะกล่าวว่า,ในวันนี้ฉันจะไม่ฝ่าฝืนเจ้า(จะเชื่อฟัง)."อิบรอฮีมจะกล่าวว่า,โอ้ พระเจ้า! พระองค์ท่านได้สัญญากับฉันว่าจะไม่ทำให้ฉันอับอายในวันฟื้นคืนชีพ;
และอะไรที่จะทำให้ฉันอัปยศมากไปกว่าการสาปแช่งและทำให้พ่อของฉันอัปยศ? แล้วพระองค์อัลลอฮ์จะตรัส,'ข้าได้ห้ามสวรรค์ต่อผู้ปฏิเสธศรัธทา.'
แล้วจะมีกล่าวกับเขาว่า 'โอ้อิบราฮิมอะไรอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเจ้า?' เขาจะมองดูและเขาจะเห็นดับบะห์(สัตว์ที่พูดกับมนุษย์ได้),เลือดเปื้อน,ซึ่งจะถูกจับที่ขาและถูกโยนลงนรก."
(รายงานโดยบุคอรี, 3350).
@@@@@
Source: Islam Q&A
แปลโดย Firdaus Msd
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น