วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562

20081: การยืนยันว่าอัลลอฮ์ลงมา(ยังฟ้าชั้นต่ำสุด)

20081: การยืนยันว่าอัลลอฮ์ลงมา(ยังฟ้าชั้นต่ำสุด)
"...เมื่อครึ่งในสามของกลางคืนผ่านไป,อัลลอฮ์ลงมายังฟ้าชั้นต่ำสุดและตรัส:'
"ไม่มีใครถามเกี่ยวกับบ่าวของข้ามากกว่าตัวข้าเอง? ใครที่กำลังขอข้า,ดังนั้นข้าสามารถให้แก่เขา? ใครกำลังเรียกข้า ดังนั้นข้าสามารถตอบเขาได้? ใครกำลังแสวงหาการอภัยโทษของข้า ดังนั้นข้าสามารถยกโทษให้เขาได้?"'..ฉันมีสองคำถามเกี่ยวกับฮาดิษนี้. ฮาดิษนี้ซอเฮียะหรือไม่.
และสอง,อะไรคือความหมายของฮาดิษนี้?.
มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์.
คำถามของคุณครอบคลุมสองเรื่อง:
1- ขอบเขตของฮาดิษนี้ซอเฮียะ.
ฮาดิษนี้เป็นฮาดิษซอเฮียะที่ถูกยืนยันในตำราทั้งสองหลังจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์.
มันถูกรายงานโดยบุคอรีในซอเฮียะของเขา(1145)และมุสลิม(1261)จากอาบูฮูรอยเราะห์(รอดียัลลอฮูอันฮู),ว่าท่านนบีมูฮัมหมัด ﷺได้กล่าว:"พระเจ้าลงมาทุกคืนยังฟ้าชั้นต่ำสุด เวลาหนึ่งในสามของยามค่ำคืนที่เหลือและตรัส:'ใครจะเรียกข้า ซึ่งข้าอาจจะตอบเขา? ใครจะขอข้า,ซึ่งข้าอาจให้เขา? ใครจะแสวงหาการอภัยโทษจากข้า,ซึ่งข้าอาจให้อภัยเขา?"'
ฮาดิษนี้ถูกรายงานจากท่านนบีมูฮัมหมัดﷺ โดย(มี)ซอฮาบัตประมาณ 28 ท่าน และฮะห์ลุลซุนนะห์มีมติเป็นเอกฉันท์(อิจมาอฺ)เห็นตรงกันว่ามันต้องถูกยอมรับ.
2 - อะไรที่มีความหมายว่าลงมาของอัลลอฮ์ ผู้ได้รับการสรรเสริญ ยังฟ้าชั้นต่ำสุด:
ควรสังเกตว่าการลงมาของพระเจ้า ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ ยังฟ้าชั้นต่ำสุดเป็นหนึ่งของการกระทำที่เป็นคุณลักษณะของพระองค์ และเกี่ยวข้องกับพระประสงค์และความรอบรู้ของพระองค์.การลงมาในความหมายที่แท้จริงในรูปแบบที่เหมาะสมกับความสง่าผาเผยและอำนาจของพระองค์. อย่างไรก็ดี การลงมาของอัลลอฮ์ตามที่พระองค์ทรงประสงค์,เมื่อไรก็ตามที่พระองค์ประสงค์.ความรุ่งโรจน์เป็นของพระองค์,ไม่มีสิ่งใดคล้ายคลึงกับพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น. ไม่อนุญาตให้บิดเบือนความหมายของฮาดิษโดยการกล่าวว่าสิ่งที่หมายถึงคือคำสั่งหรือความเมตตาของพระองค์ลงมา,หรือมะลาอีกัตท่านใดท่านหนึ่งของพระองค์ลงมา. นี่คือความผิดด้วยเหตุผลหลายประการ:
(1) การตีความที่ผิดพลาดนี้เป็นการขัดแย้งต่อความหมายที่ชัดเจนของฮาดิษ. ท่านนบีมูฮัมหมัด ﷺ ให้เหตุผลถึงการลงหรือการกระทำของการลงมาของอัลลอฮ์,และหลักการพื้นฐานว่าสิ่งหนึ่งถูกให้คุณลักษณะต่อผู้หนึ่งผู้ที่ทำมัน ,ดังนั้นถ้ามันถูกให้คุณลักษณะต่อบางคนอีก, นั่นเป็นการบิดเบือนที่ไปต่อต้านหลักการพื้นฐาน. เราทราบว่าท่านรอซูลุลลอฮﷺ์ เป็นบุคคลที่มีความรู้มากที่สุดจากมนุษย์ทั้งหมดเกี่ยวกับอัลลอฮ์. และท่านเป็นบุคคลที่มีโวหารดีที่สุดจากมนุษยชาติและมีสัจจะมากที่สุดในสิ่งที่ท่านพูด. ไม่มีการมดเท็จในคำพูดของท่านและมันเป็นไปไม่ได้สำหรับท่านที่จะให้คุณลักษณะบางสิ่งต่ออัลลอฮ์ที่ไม่ได้เป็นหนึ่งจากพระนามหรือคุณลักษณะหรือการกระทำหรือการตัดสินใจของพระองค์.
อัลลอฮ์ตรัสในสูเราะฮฺ อัล-ห๊ากเกาะฮฺ โองการที่ 44-46
وَلَوْ تَقَوَّلَ عَلَيْنَا بَعْضَ الْأَقَاوِيلِ ( 44 )
และหากเขา (มุฮัมมัด) เสกสรรกล่าวคำเท็จบางคำแก่เราแล้ว
لَأَخَذْنَا مِنْهُ بِالْيَمِينِ ( 45 )
เราก็จะจับเขาด้วยความมั่นคง
ثُمَّ لَقَطَعْنَا مِنْهُ الْوَتِينَ ( 46 )
แล้วเราก็จะตัดเส้นชีวิตให้ขาดไปจากเขา"
ยิ่งกว่านั้น ความมุ่งมั่นของท่านนบีมูฮัมหมัด ﷺ ต้องการเพียงนำทางมนุษยชาติเท่านั้น,ดังนั้นถ้าท่านกล่าวว่า,"พระเจ้าของเราลงมา"และบางคนกล่าวด้วยบางสิ่งที่ไปค้านกับความหมายที่ปรากฎชัดของถ้อยคำเหล่านี้,เช่น กล่าวว่าคำสั่งของพระองค์ลงมา ถ้างั้นเรา(ขอ)กล่าวว่า: คุณมีความรู้เกี่ยวกับอัลลอฮ์มากกว่าท่านรอซูลุลลอฮ์หรืออย่างไร?
ท่านศาสนฑูตของอัลลอฮ์ได้กล่าว,"พระเจ้าของเราลงมา"แต่คุณบอกว่าคำสั่งของอัลลอฮ์ลงมา,หรือคุณบริสุทธิ์ใจต่ออุมมัตมากกว่าท่านหรืออย่างไร,เพราะท่านปกปิดซ่อนเร้นตามข้อกล่าวหาในสิ่งที่ท่านควรบอกพวกเขาและบอกพวกเขาในสิ่งที่แตกต่าง.คนที่บอกประชาชนหนึ่งอย่างแต่ความหมายเป็นอีกอย่าง เป็นการแสดงความไม่จริงใจต่อพวกเขา อย่างไม่ต้องสงสัย.
หรือคุณคิดว่าคุณมีโวหารดีกว่าท่านรอซูลุลลอฮ์หรืออย่างไร? การตีความผิด เช่นนั้น มีนัยยะ อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนหนึ่งกำลังกล่าวหาท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ ว่ามีข้อบกพร่องบางอย่างที่มุสลิมคนหนึ่งไม่สามารถยอมรับในบทบาทของท่านรอซูลุลลอฮ์ ﷺ.
(2) การลงมาของคำบัญชาหรือคำสั่งและความเมตตาไม่ได้ถูกจำกัดในส่วนนี้ของกลางคืน,แต่คำบัญชาและความเมตตาของพระองค์ลงมาตลอดเวลา. ถ้ามีการกล่าวว่าสิ่งที่หมายถึงคือคำบัญชาเฉพาะหรือความเมตตาเฉพาะซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา,คำตอบต่อสิ่งนั้นคือถ้าเราสมมุตว่าการตีความนี้ถูกต้อง,ถ้างั้นฮาดิษบ่งชี้ว่าสถานที่ที่ลงของสิ่งนี้สิ้นสุดที่ฟ้าชั้นต่ำสุด,ดังนั้นมันจะมีประโยชน์อะไรต่อเราถ้าความเมตตาลงมาที่ฟ้าชั้นต่ำสุดแต่มาไม่ถึงเรา? ทำไมท่านนบีมูฮัมหมัด ﷺ ถึงได้บอกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้?
(3) ฮาดิษระบุว่าพระองค์ผู้ลงมาตรัส: "ไม่มีใครถามเกี่ยวกับบ่าวของข้ามากกว่าตัวข้าเอง? ใครที่กำลังขอข้า,ดังนั้นข้าสามารถให้แก่เขา? ใครกำลังเรียกข้า ดังนั้นข้าสามารถตอบเขาได้? ใครกำลังแสวงหาการอภัยโทษของข้า ดังนั้นข้าสามารถยกโทษให้เขาได้?"
ไม่มีใครสามารถกล่าวเช่นนั้นได้นอกจากอัลลอฮ์ ผู้ได้รับการสรรเสริญ.
@@@@@
แหล่งอ้างอิงดูที่:มัจมู ฟัตวา วา รอซาอีล อัล ชัยคฺ มุฮัมมัด อิบนุ ซอและห์ อัลอุไซมีน,เล่มที่ 1 หน้า 203-210.
(Majmoo’ Fataawa wa Rasaa’il al-Shaykh Muhammad ibn Saalih al-‘Uthaymeen, 1/203-210.)
เขียนโดย Shaykh Muhammad Saalih al-Munajjid
แปลโดย Firdaus Msd

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น