เป้าหมายหลักของการอิอฺติกาฟ
และทำไมชาวมุสลิมจึงละทิ้งสุนนะฮฺดังกล่าว
[ ไทย
]
الهدف
الأساسي من الاعتكاف ، ولماذا ترك المسلمون تلك السنة ؟
[ باللغة التايلاندية ]
www.islamqa.com
موقع الإسلام سؤال وجواب
แปลโดย: ดานียา เจะสนิ
ترجمة: دانيا جيء سنيك
ตรวจทาน:
ซุฟอัม อุษมาน
مراجعة: صافي عثمان
สำนักงานความร่วมมือเพื่อการเผยแพร่และสอนอิสลาม
อัร-ร็อบวะฮฺ กรุงริยาด
المكتب التعاوني للدعوة وتوعية الجاليات بالربوة بمدينة الرياض
1429 – 2008
เป้าหมายหลักของการอิอฺติกาฟ
และทำไมชาวมุสลิมจึงละทิ้งสุนนะฮฺดังกล่าว
ถาม – ทำไมชาวมุสลิมจึงละทิ้งอิอฺติกาฟ
ทั้งๆ ที่มันเป็นสุนนะฮฺ(แบบฉบับ)จากท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) อย่างชัดเจน? และอะไรคือเป้าหมายหลักของการอิอฺติกาฟ?
ตอบ –
อัลหัมดุลิลลาฮฺ
ประการแรก
การอิอฺติกาฟนั้นเป็นหนึ่งในบรรดาสุนนะฮฺที่เน้นให้ปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) เองได้ปฏิบัติไว้เป็นประจำ
เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสุนนะฮฺประเภทนี้ได้ถูกลบเลือนไปจากวิถีชีวิตของชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่
เว้นเพียงไม่กี่คนที่ได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺเท่านั้นที่ยังคงปฏิบัติอยู่
ดังนั้นจึงพูดได้ว่าอิอฺติกาฟกำลังอยู่ในสภาพที่เหมือนกับสุนนะฮฺอีกหลายๆ ประเภทที่ถูกทิ้งหรือเกือบถูกทิ้งหายไปจากสังคมมุสลิมอย่างไม่ได้รับการเหลียวแล
ทั้งนี้เนื่องจากมีสาเหตุหลายประการดังนี้
เช่น
1-
ความอ่อนแอในด้านการศรัทธาของคนส่วนใหญ่
2-
การตอบรับที่ไม่มีขีดจำกัดในการเสพสุขทางโลกและตัณหาต่างๆ
ซึ่งทำให้ผู้คนไม่สามารถที่จะปลีกตัวออกจากมันได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่สั้นๆ
ก็ตาม
3-
การมองสวรรค์เป็นเรื่องเล็กของคนส่วนใหญ่และหลายคนชอบที่จะพักผ่อนและสนุก
ฉะนั้นจึงไม่มีความต้องการที่จะไปพบกับความยากลำบากในขณะที่อิอฺติกาฟ
ถึงแม้ว่ามันการแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮฺก็ตาม ส่วนคนที่รู้สำนึกถึงความยิ่งใหญ่ของสวรรค์และความสุขของมัน
ก็จะทุ่มเทแรงใจและแรงกายเพื่อที่จะไขว่คว้ามา ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)
ได้กล่าวว่า
«أَلا إِنَّ سِلْعَةَ اللَّهِ غَالِيَةٌ ، أَلا إِنَّ سِلْعَةَ
اللَّهِ الْجَنَّةُ» رواه الترمذي وصححه الألباني (2450)
ความว่า “โอ้ สินค้าของอัลลอฮฺนั้นคือสิ่งที่มีค่ายิ่ง
โอ้สินค้าของอัลลอฮฺนั้นคือสวนสวรรค์” รายงานโดยอัตติรฺมิซียฺ
และได้ผ่านการตรวจสอบว่าเป็นหหะดีษที่มีสายรายงานที่ถูกต้องโดยท่านอัลอัลบานียฺ
หมายเลข (2450)
4-
การจำกัดความคำว่าความรักต่อท่านเราะสูลุลลอฮฺของคนส่วนใหญ่นั้น
จำกัดเพียงแค่คำพูดไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติโดยการปฏิบัติตามสุนนะฮฺ(แบบฉบับ)ต่างๆ
ของท่านนบีมุหัมหมัด (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ได้ หนึ่งในนั้นก็คือการอิอฺติกาฟ
เป็นต้น อัลลอฮฺ ตะอาลา ได้กล่าวว่า
«لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللَّهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ
لِمَنْ كَانَ يَرْجُو اللَّهَ وَالْيَوْمَ الآخِرَ وَذَكَرَ اللَّهَ كَثِيراً» الأحزاب/21
ความว่า “แท้จริงในเราะสูลุลลอฮฺนั้นมีแบบฉบับที่ดีสำหรับพวกท่าน สำหรับผู้ที่หวังกับอัลลอฮฺ วันสุดท้าย และผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากมาย” (อัลอะหฺซาบ : 21)
ซึ่งท่านอิบนุกะษีรฺ
(เราะหิมะฮุลลอฮฺ) ได้กล่าวว่า (ตัฟซีร อิบนุ กะษีร 3/756) “อายะฮฺนี้เป็นหลักฐานที่ยิ่งใหญ่ที่บ่งชี้ให้มีการปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านเราะสูลุลลอฮฺ
(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ทั้งในคำพูด การกระทำและความเป็นอยู่ของท่าน"
ด้วยเหตุนี้เองที่มีชาวสะลัฟบางคนถึงกับอุทานด้วยความแปลกใจที่เห็นชาวมุสลิมส่วนใหญ่ละทิ้งการอิอฺติกาฟ
ทั้งๆ ที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) นั้นทำอยู่เป็นประจำ
ท่านอิบนุ ชิฮาบ อัซ-ซุฮฺรีย์ ได้กล่าวว่า
عَجَبًا لِلْمُسْلِمِينَ , تَرَكُوا الاعْتِكَاف , وَالنَّبِيُّ صَلَّى
اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَمْ يَتْرُكْهُ مُنْذُ دَخَلَ الْمَدِينَةَ حَتَّى
قَبَضَهُ اللهُ
ความว่า
“โอ้ ช่างเป็นที่น่าประหลาดใจแท้ ที่ชาวมุสลิมส่วนใหญ่ได้ละทิ้งการอิอฺติกาฟ
ทั้งๆ ที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ไม่เคยละทิ้งการอิอฺติกาฟเลยนับตั้งแต่ท่านเริ่มเข้ามายังนครมาดีนะฮฺจนกระทั่งท่านเสียชีวิต”
ประการที่สอง
การอิอฺติกาฟที่ท่านนบี
(ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) กระทำอยู่เป็นประจำในบั้นปลายชีวิตของท่านนั้นคือการอิอฺติกาฟในสิบวันสุดท้ายของเดือนเราะมะฏอน
ช่วงเก้าหรือสิบวันนี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการอบรมบ่มเพาะจิตใจเชิงปฏิบัติการอย่างแท้จริง
ซึ่งในค่ำคืนวันที่อิอฺติกาฟนี้เป็นช่วงเวลาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างรวดเร็วต่อวิถีชีวิตของมุสลิม
และผลลัพธ์เหล่านี้จะเป็นผลดีต่อการก้าวเดินของเขาในการใช้ชีวิตวันข้างหน้าต่อไปจนกว่าจะถึงเราะมะฎอนอีกครั้งในปีหน้า
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าพวกเรา
โอ้บรรดาชาวมุสลิม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฟื้นฟูสุนนะฮฺนี้และร่วมกันอิอฺติกาฟอย่างถูกวิธีดังที่ท่านนบี
(ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) และบรรดาเศาะหาบะฮฺได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่างไว้
ย่อมต้องประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่
สำหรับผู้ที่ยึดมั่นในสุนนะฮฺท่ามกลางความหลงลืมของผู้คนและความเสื่อมเสียของประชาชาติ
ประการที่สาม
เป้าหมายหลักในการอิอฺติกาฟของนบี
(ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ก็คือเพื่อแสวงหา ลัยละตุล ก็อดรฺ
มีรายงานจากท่านมุสลิม
(หมายเลข 1167) กล่าวว่า
عَنْ أَبِي سَعِيدٍ
الْخُدْرِيِّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : إِنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ
عَلَيْهِ وَسَلَّمَ اعْتَكَفَ الْعَشْرَ الأَوَّلَ مِنْ رَمَضَانَ ، ثُمَّ
اعْتَكَفَ الْعَشْرَ الأَوْسَطَ فِي قُبَّةٍ تُرْكِيَّةٍ (أي : خيمة صغيرة) عَلَى
سُدَّتِهَا (أي : بابها) حَصِيرٌ . قَالَ : فَأَخَذَ الْحَصِيرَ بِيَدِهِ
فَنَحَّاهَا فِي نَاحِيَةِ الْقُبَّةِ ، ثُمَّ أَطْلَعَ رَأْسَهُ فَكَلَّمَ
النَّاسَ ، فَدَنَوْا مِنْهُ ، فَقَالَ : إِنِّي اعْتَكَفْتُ الْعَشْرَ الأَوَّلَ
أَلْتَمِسُ هَذِهِ اللَّيْلَةَ ، ثُمَّ اعْتَكَفْتُ الْعَشْرَ الأَوْسَطَ ، ثُمَّ
أُتِيتُ فَقِيلَ لِي : إِنَّهَا فِي الْعَشْرِ الأَوَاخِرِ ، فَمَنْ أَحَبَّ
مِنْكُمْ أَنْ يَعْتَكِفَ فَلْيَعْتَكِفْ ، فَاعْتَكَفَ النَّاسُ مَعَهُ
ความว่า “มีรายงานจากอบี สะอีด อัลคุดรียฺ (เราะฎิยัลลอฮฺ
อันฮุ) กล่าวว่า แท้จริงท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) เคยอิอฺติกาฟในช่วงสิบวันแรกของเดือนเราะมะฎอน
หลังจากนั้นท่านอิอฺติกาฟต่ออีกในช่วงสิบวันกลางของเดือนเราะมะฎอนโดยพำนักอยู่ในกุบบะฮฺ
ตุรกิยะฮฺ (หมายถึงกระโจมหรือโดมเล็กๆ) ซึ่งที่ประตูกุบบะฮฺนั้นมีเสื่ออยู่ผืนหนึ่ง
ท่านได้ใช้มือหยิบเสื่อผืนนั้นเพื่อปูไว้ในกุบบะฮฺ แล้วโผล่หัวมาพูดกับผู้คนโดยเรียกให้คนเข้าใกล้ท่านแล้วกล่าวว่า
“แท้จริงฉันเคยอิอฺติกาฟในช่วงสิบวันแรกของเดือนเราะมะฎอนเพื่อแสวงหาค่ำคืนนี้
(ลัยละตุลก็อดรฺ) หลังจากนั้นฉันอิอฺติกาฟต่อไปในช่วงสิบวันกลางของเดือนเราะมะฎอน และแล้วมีผู้หนึ่งมาหาแล้วบอกฉันว่า
แท้จริงค่ำคืนนี้ (ลัยละตุลก็อดรฺ) อยู่ในช่วงสิบวันสุดท้าย
ดังนั้นใครก็ตามในหมู่พวกท่านที่ชอบจะอิอฺติกาฟ เขาจงอิอฺติกาฟในช่วงสิบวันสุดท้าย" แล้วผู้คนต่างก็ร่วมอิอฺติกาฟกับท่าน”
ในหะดีษดังกล่าวมีข้อบ่งบอกหลายอย่างดังนี้
1 –บ่งบอกถึงเป้าหมายหลักในการอิอฺติกาฟของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ
วะสัลลัม) ก็คือเพื่อแสวงหา ลัยละตุลก็อดรฺ ซึ่งมีการเตรียมพร้อมเพื่อประกอบกิจและใช้เวลาให้เต็มไปด้วยการอิบาดะฮฺ
ทั้งนี้เนื่องจากผลบุญที่ใหญ่หลวงของค่ำคืนนี้ อัลลอฮฺได้กล่าวว่า
«لَيْلَةُ الْقَدْرِ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ» القدر/3
ความว่า “ลัยละตุลก็อดรฺนั้นประเสิรฐยิ่งกว่าหนึ่งพันเดือน” (อัลก็อดรฺ : 3)
2
–บ่งบอกถึงความพยายามของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ในการแสวงหา
ลัยละตุลก็อดรฺก่อนที่ท่านจะรู้เวลาของมัน โดยท่านเริ่มที่สิบวันแรก
แล้วสิบวันกลาง หลังจากนั้นดำเนินการอิอฺติกาฟต่อไปจนถึงสิบวันสุดท้าย
ซึ่งถือได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งความพยายามในการแสวงหา ลัยละตุลก็อดรฺ
3- บ่งบอกถึงการน้อมปฏิบัติตามท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)
ของบรรดาเศาะหาบะฮฺ (ริฏวานุลลอฮุอะลัยฮิม) ทั้งนี้พวกเขาเหล่านั้นเริ่มการอิอฺติกาฟแล้วดำเนินการต่อไปจนถึงวันสุดท้ายของเดือน
ทั้งนี้เป็นไปด้วยแรงบันดาลใจที่มากล้นของพวกเขาที่จะนำท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)
มาเป็นแบบฉบับในชีวิต
4-
บ่งบอกถึงความเมตตาปรานีของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ที่มีต่อบรรดาเศาะหาบะฮฺ
ทั้งนี้เนื่องจากท่านรับรู้ถึงความลำบากที่พบเจอในช่วงอิอฺติกาฟท่านจึงให้โอกาสแก่พวกเขาที่จะเลือกว่าจะดำเนินการอิอฺติกาฟต่อไปหรือจะหยุดเพียงแค่นี้
โดยท่านกล่าวว่า
« فَمَنْ أَحَبَّ مِنْكُمْ أَنْ يَعْتَكِفَ فَلْيَعْتَكِفْ »
ความว่า “ดังนั้นใครก็ตามในหมู่พวกท่านที่ชอบจะอิอฺติกาฟ
เขาจงอิอฺติกาฟในช่วงสิบวันสุดท้าย”
นอกจากนี้แล้วการอิอฺติกาฟยังมีเป้าหมายอื่นๆ
อีก อาทิเช่น
1-
เพื่อการปลีกตัวจากผู้คนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ทั้งนี้เพื่อให้เวลากับอัลลอฮฺอย่างเต็มที่
2-
เพื่อการขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์
ทั้งนี้เพื่อเข้าใกล้อัลลอฮฺในสภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด
3-
เพื่อการปลีกมาทำอิบาดะฮฺที่ต่อเนื่อง
เต็มรูปแบบ อันได้แก่ การละหมาด การดุอาอ์ การซิกิรฺ และการอ่านอัลกุรอาน เป็นต้น
4-
เพื่อควบคุมรักษาการถือศีลอดให้ปลอดจากสิ่งยั่วยวนอารมณ์ใฝ่ต่ำและตัณหาจากภายนอกที่อาจทำให้การถือศีลอดเสียรูปไป
5-
เพื่อลดการกระทำเพื่อความสมหวังในทางโลกที่อนุญาตให้กระทำได้ให้น้อยลงและปลูกความรู้สึกสมถะจากสิ่งต่างๆ
มากมายทางโลกถึงแม้ว่าสามารถจะกระทำได้ก็ตาม
โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือ “อัลอิอฺติกาฟ
นัซฺเราะฮฺ ตัรฺบะวิยะฮฺ” ของ ดร.อับดุลละฏีฟฺ บาลฏู
คำตอบโดย
: อิสลาม ถาม ตอบ
ที่มา :
www.islamqa.com/ar/ref/49007
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น