สองกลุ่มหลงผิดในยุคสะลัฟ
1. มุรญิอะฮฺ
"อีมาน (การศรัทธา) อยู่ที่ใจ แค่เชื่อก็ได้เข้าสวรรค์"
มุสลิมบางคนคิดว่า แค่ได้เป็นมุสลิม ไม่ต้องละหมาด ก็ได้เข้าสวรรค์แล้ว
กลุ่มนี้มีแนวคิดว่า คำว่าอีมาน (ศรัทธา) กับอะมัล (การทำดี) เป็นคนละส่วนกัน แรกเริ่มเดิมทีคำว่า
มุรญิอะฮฺ หมายถึงกลุ่มคนที่วางตัวเป็นกลางกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างอลี และมุอาวียะฮฺ เนื่องจากข่าว
คราวในเวลานั้นมีความสับสนมาก จึงไม่ขอตัดสินเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอัลลอฮฺ
ตัดสินเองในวันกิยามะฮฺ ซึ่งแนวคิดแบบนี้ยังไม่ได้สร้างปัญหา
แต่ต่อมาคำๆ นี้ถูกใช้กับผู้ที่แยกเอา การทำดี (อะมัล) ออกจากคำว่า อีมาน ซึ่งขัดกับทัศนะของผู้รู้
ชาวสลัฟ คนแรกที่นำเสนอแนวคิดนี้คือ ซัรร์ บินอับดุลลอฮฺ อัล-มัซฮะญียฺ เป็นแนวคิดที่เลียนแบบมาจาก
คริสเตียน
ผลร้ายตามมาทันที คือ ทำให้คนบางคนมองว่าไม่ว่าจะทำเลวแค่ไหน หรือไม่เคยทำดีใดๆ เลย ก็ไม่มีผล
กับอีมาน ถ้าเชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า ก็ถือว่าผู้ที่มีอีมานอย่างสมบูรณ์แล้ว
บางกลุ่มเลยเถิดกว่านั้นบอกว่า ขอแค่กล่าวคำปฏิญาณชะฮาดะฮฺ ก็ถือว่าเป็นผู้มีอีมานโดยสมบูรณ์แล้ว
(ตามมุมมองนี้มุนาฟิกก็ต้องถูกนับว่าเป็นมุอ์มิน)
กลุ่มที่เลยเถิดไปไกลที่สุดบอกว่า ขอเพียงแค่รู้ว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า ก็ถือว่า เขามีศรัทธาอย่างสมบูรณ์
แล้ว (ตามมุมมองนี้ อิบลีสก็ต้องถูกนับว่าเป็นมุอ์มิน)
กลุ่มที่ใกล้เคียงกับชาวสุนนะฮฺมากที่สุด คือ กลุ่มที่กล่าวว่า อีมาน ประกอบด้วยใจและวาจา ส่วนกาย
แม้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอีมาน แต่ก็ต้องอยู่ควบคู่กันเสมอแยกกันไม่ได้ หนึ่งในกลุ่มนี้คือ มุรญิอะฮฺหะนะฟียฺ
มุสลิมบางคนคิดว่า แค่ได้เป็นมุสลิม ไม่ต้องละหมาด ก็ได้เข้าสวรรค์แล้ว
กลุ่มนี้มีแนวคิดว่า คำว่าอีมาน (ศรัทธา) กับอะมัล (การทำดี) เป็นคนละส่วนกัน แรกเริ่มเดิมทีคำว่า
มุรญิอะฮฺ หมายถึงกลุ่มคนที่วางตัวเป็นกลางกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างอลี และมุอาวียะฮฺ เนื่องจากข่าว
คราวในเวลานั้นมีความสับสนมาก จึงไม่ขอตัดสินเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอัลลอฮฺ
ตัดสินเองในวันกิยามะฮฺ ซึ่งแนวคิดแบบนี้ยังไม่ได้สร้างปัญหา
แต่ต่อมาคำๆ นี้ถูกใช้กับผู้ที่แยกเอา การทำดี (อะมัล) ออกจากคำว่า อีมาน ซึ่งขัดกับทัศนะของผู้รู้
ชาวสลัฟ คนแรกที่นำเสนอแนวคิดนี้คือ ซัรร์ บินอับดุลลอฮฺ อัล-มัซฮะญียฺ เป็นแนวคิดที่เลียนแบบมาจาก
คริสเตียน
ผลร้ายตามมาทันที คือ ทำให้คนบางคนมองว่าไม่ว่าจะทำเลวแค่ไหน หรือไม่เคยทำดีใดๆ เลย ก็ไม่มีผล
กับอีมาน ถ้าเชื่อว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า ก็ถือว่าผู้ที่มีอีมานอย่างสมบูรณ์แล้ว
บางกลุ่มเลยเถิดกว่านั้นบอกว่า ขอแค่กล่าวคำปฏิญาณชะฮาดะฮฺ ก็ถือว่าเป็นผู้มีอีมานโดยสมบูรณ์แล้ว
(ตามมุมมองนี้มุนาฟิกก็ต้องถูกนับว่าเป็นมุอ์มิน)
กลุ่มที่เลยเถิดไปไกลที่สุดบอกว่า ขอเพียงแค่รู้ว่าอัลลอฮฺเป็นพระเจ้า ก็ถือว่า เขามีศรัทธาอย่างสมบูรณ์
แล้ว (ตามมุมมองนี้ อิบลีสก็ต้องถูกนับว่าเป็นมุอ์มิน)
กลุ่มที่ใกล้เคียงกับชาวสุนนะฮฺมากที่สุด คือ กลุ่มที่กล่าวว่า อีมาน ประกอบด้วยใจและวาจา ส่วนกาย
แม้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอีมาน แต่ก็ต้องอยู่ควบคู่กันเสมอแยกกันไม่ได้ หนึ่งในกลุ่มนี้คือ มุรญิอะฮฺหะนะฟียฺ
2. กุลลาบียะฮฺ
"คำพูดของอัลลอฮฺ คือคำพูดในใจ ไม่มีเสียงออกมา"
ก่อนปี ฮ.ศ. 241
กลุ่มนิยมวิพากษ์ศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ที่ถูกจัดเป็นสายหนึ่งของกลุ่มมุรญิอะฮฺ ที่ตามความคิดของ อับ
ดุลลอฮฺ บินกุลลาบ อัล-ก็อฏฏอน (เสียชีวิต ฮ.ศ.241) เป็นชาวเมืองบัศเราะฮฺ อยู่ในช่วงสมัยของเคาะลีฟะฮฺ
มะอ์มูน
เป็นผู้เริ่มแนวคิดว่า คำพูดของอัลลอฮฺ คือคำพูดที่อยู่ในใจ ไม่มีเสียงให้ได้ยิน และเป็นต้นแบบของอะ
ชาอิเราะฮฺและมาตุรีดียะฮฺ
กัรรอมียะฮฺ
"เปรียบอัลลอฮฺกับมัคลู๊ก (สิ่งถูกสร้าง)"
ก่อนปี ฮ.ศ. 256
กลุ่มที่เอียงไปทางการเปรียบเทียบอัลลอฮฺกับมัคลู๊ก (ตัชบีฮ์) คือกลุ่มที่ตามมุฮัมมัด บินกัรรอม อัส-สิ
จิสตานียฺ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 255) กลุ่มนี้เชื่อว่า อีมาน คือการกล่าวปฏิญาณด้วยวาจาเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของหัวใจ
ปัจจุบันกลุ่มอื่นๆ มักจะโจมตีกลุ่มสะละฟียฺอย่างเข้าใจผิดว่า เป็นพวกที่ได้รับอิทธิพลความเชื่อมา
จากกัรรอมียะฮฺ หมายถึงเป็นพวกที่ชอบตัชบีฮฺ เปรียบเทียบอัลลอฮฺกับมัคลู๊ค
ก่อนปี ฮ.ศ. 241
กลุ่มนิยมวิพากษ์ศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ที่ถูกจัดเป็นสายหนึ่งของกลุ่มมุรญิอะฮฺ ที่ตามความคิดของ อับ
ดุลลอฮฺ บินกุลลาบ อัล-ก็อฏฏอน (เสียชีวิต ฮ.ศ.241) เป็นชาวเมืองบัศเราะฮฺ อยู่ในช่วงสมัยของเคาะลีฟะฮฺ
มะอ์มูน
เป็นผู้เริ่มแนวคิดว่า คำพูดของอัลลอฮฺ คือคำพูดที่อยู่ในใจ ไม่มีเสียงให้ได้ยิน และเป็นต้นแบบของอะ
ชาอิเราะฮฺและมาตุรีดียะฮฺ
กัรรอมียะฮฺ
"เปรียบอัลลอฮฺกับมัคลู๊ก (สิ่งถูกสร้าง)"
ก่อนปี ฮ.ศ. 256
กลุ่มที่เอียงไปทางการเปรียบเทียบอัลลอฮฺกับมัคลู๊ก (ตัชบีฮ์) คือกลุ่มที่ตามมุฮัมมัด บินกัรรอม อัส-สิ
จิสตานียฺ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 255) กลุ่มนี้เชื่อว่า อีมาน คือการกล่าวปฏิญาณด้วยวาจาเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของหัวใจ
ปัจจุบันกลุ่มอื่นๆ มักจะโจมตีกลุ่มสะละฟียฺอย่างเข้าใจผิดว่า เป็นพวกที่ได้รับอิทธิพลความเชื่อมา
จากกัรรอมียะฮฺ หมายถึงเป็นพวกที่ชอบตัชบีฮฺ เปรียบเทียบอัลลอฮฺกับมัคลู๊ค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น