วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562

แนะนำฮาดิษ [ซอเฮียะ อัล-บุคอรี 1399]

حَدَّثَنَا أَبُو الْيَمَانِ الْحَكَمُ بْنُ نَافِعٍ، أَخْبَرَنَا شُعَيْبُ بْنُ أَبِي حَمْزَةَ، عَنِ الزُّهْرِيِّ، حَدَّثَنَا عُبَيْدُ اللَّهِ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُتْبَةَ بْنِ مَسْعُودٍ، أَنَّ أَبَا هُرَيْرَةَ ـ رضى الله عنه ـ قَالَ لَمَّا تُوُفِّيَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم وَكَانَ أَبُو بَكْرٍ ـ رضى الله عنه ـ وَكَفَرَ مَنْ كَفَرَ مِنَ الْعَرَبِ فَقَالَ عُمَرُ ـ رضى الله عنه كَيْفَ تُقَاتِلُ النَّاسَ، وَقَدْ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ أُمِرْتُ أَنْ أُقَاتِلَ النَّاسَ حَتَّى يَقُولُوا لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ‏.‏ فَمَنْ قَالَهَا فَقَدْ عَصَمَ مِنِّي مَالَهُ وَنَفْسَهُ إِلاَّ بِحَقِّهِ، وَحِسَابُهُ عَلَى اللَّهِ ‏"‏‏.‏ فَقَالَ وَاللَّهِ لأُقَاتِلَنَّ مَنْ فَرَّقَ بَيْنَ الصَّلاَةِ وَالزَّكَاةِ، فَإِنَّ الزَّكَاةَ حَقُّ الْمَالِ، وَاللَّهِ لَوْ مَنَعُونِي عَنَاقًا كَانُوا يُؤَدُّونَهَا إِلَى رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم لَقَاتَلْتُهُمْ عَلَى مَنْعِهَا‏.‏ قَالَ عُمَرُ ـ رضى الله عنه ـ فَوَاللَّهِ مَا هُوَ إِلاَّ أَنْ قَدْ شَرَحَ اللَّهُ صَدْرَ أَبِي بَكْرٍ ـ رضى الله عنه ـ فَعَرَفْتُ أَنَّهُ الْحَقُّ‏.‏
รายงานจากอาบู ฮูรอยเราะห์(รอดียัลลอฮูอันฮู): เมื่อรอซูลุลลอฮ์(ﷺ) เสียชีวิต และอาบู บักร์ ได้เป็นคอลีฟะห์ ชาวอาหรับบางส่วนหันหลังให้ศาสนา(หวนกลับไปเป็นการปฏิเสธศรัธทา)(อาบู บักร์ ได้ตัดสินใจที่จะประกาศสงครามต่อพวกเขา),'อุมาร์,ได้กล่าวกับอาบู บักร์,"ท่านสามารถสู้รบกับกับประชาชนเหล่านี้ได้อย่างไร แม้ว่ารอซูลุลลอฮ์(ﷺ)ได้กล่าว,'ฉันถูกสั่ง(โดยอัลลอฮ์)ให้สู้รบกับประชาชนจนกว่าพวกเขากล่าว:"ไม่มีใครมีสิทธิ์ถูกกราบไหว้นอกจากอัลลอฮ์,และใครก็ตามได้กล่าวมันหลังจากนั้นเขาจะปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สมบัติของเขาจากฉันบนการละเมิดกฎหมาย(สิทธิและข้อกติกาสำหรับสิ่งซึ่งเขาจะถูกลงโทษอย่างเป็นธรรม),และบัญชีของเขาจะอยู่กับอัลลอฮ์.' "อาบู บักร์ ได้กล่าว,"โดยอัลลอฮ์! ฉันจะต่อสู้กับบรรดาผู้ที่ทำให้แตกต่างระหว่างการละหมาดและซากาต โดยที่ซากาตเป็นสิทธิภาคบังคับที่จะต้องเอาจากทรัพย์สมบัติ(ตามคำสั่งของอัลลอฮ์) โดยอัลลอฮ์! ถ้าหากพวกเขาปฏิเสธที่จะจ่ายแก่ฉันแม้แพะตัวเมียอายุน้อยซึ่งพวกเขาเคยจ่าย ในเวลาของรอซูลุลลอฮ์. ฉันจะสู้กับพวกเขาสำหรับการไม่ยอมให้มัน" จากนั้นอุมาร์ ได้กล่าว,"โดยอัลลอฮ์,มันไม่มีอะไร,นอกจากอัลลอฮ์ได้เปิดอกอาบู บักร์ให้กับการตัดสินใจ(ต่อสู้)และฉันได้มารู้ว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง."
[ซอเฮียะ อัล-บุคอรี 1399]

อบุลยะมาน อัล-ฮะกัม บุตรของนาฟิอฺ ได้เล่าให้เราฟังว่า ชุอัยบ์ บุตรของอบูฮัมซะฮฺได้บอกเราว่า จากอัซ-ซุฮ์รีย์ ว่า อุบัยดุลลอฮฺ บุตรของอับดุลลอฮฺ บุตรของอุตบะฮฺ บุตรของมัสอูดได้เล่าให้เราฟังว่า อบูฮุร็อยเราะฮฺ ขออัลลอฮฺพอพระทัยเขา ได้เล่าว่า
.
เมื
่อศาสนทูตของอัลลอฮฺ -ขออัลลอฮฺให้พรและให้สันติแด่ท่าน- เสียชีวิตไป และเป็นสมัยของอบูบักร -ขออัลลอฮฺพอพระทัยเขา- อาหรับที่อยากปฏิเสธศรัทธาก็ได้ปฏิเสธศรัทธาไป อุมัร -ขออัลลอฮฺพอพระทัยเขา- ได้ถามว่า "ท่านจะต่อสู้กับคนพวกนั้นได้อย่างไร? ขณะที่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ -ขออัลลอฮฺให้พรและให้สันติแด่ท่าน- ได้กล่าวว่า ฉันถูกสั่งใช้ให้ต่อสู้กับผู้คนจนกว่าพวกเขาจะพูดว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และผู้ใดกล่าวมัน เขาก็ได้รับคุ้มครองในทรัพย์สินและชีวิตของเขานอกจากด้วยกับสิทธิของมัน และการสอบสวนเขาเป็นหน้าที่ของอัลลอฮฺ" เขาก็ตอบว่า "ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันจะต้องต่อสู้อย่างแน่นอนกับคนที่แยกละหมาดกับซะกาตออกจากกัน เพราะซะกาตเป็นสิทธิในทรัพย์สิน ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ หากพวกเขายับยั้งฉันจากเชือกผูกอูฐเส้นเดียวที่เขาเคยจ่ายมันให้กับศาสนทูตของอัลลอฮฺ -ขออัลลอฮฺให้พรและให้สันติแด่ท่าน- แน่นอนฉันจะต่อสู้กับพวกเขากับการที่เขาไม่ยอมจ่ายมันไว้" อุมัร -ขออัลลอฮฺพอพระทัยเขา- ได้กล่าวว่า "ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ มันไม่ใช่อะไรเลยนอกจากว่าอัลลอฮฺได้เปิดใจให้กับอบูบักร -ขออัลลอฮฺพอพระทัยเขา- และฉันก็รู้ว่าเขาทำถูกต้องแล้ว"
.
บันทึกโดยบุคอรีย์ 1399


คุณค่าที่ได้รับ
.
- ผู้ปกครองต้องดูแลเรื่องละหมาด และการจ่ายซะกาต และอนุญาตให้ใช้กำลังบังคับได้
.
- ไม่มีการอะรุ่มอะหร่วยในเรื่องละหมาดและซะกาต
.
- สิทธิของทรัพย์สิน คือต้องจ่ายซะกาต
.
- แสดงถึงความประเสริฐของอบูบักรที่สามารถปกป้องอิสลามไม่ให้เปลี่ยนแปลงไว้ได้
.
- แสดงถึงความอ่อนโยนของอุมัรต่อประชาชาติมุสลิม
.
- ผู้นำต้องเด็ดขาด แต่ต้องไม่เผด็จการใช้อำนาจโดยไม่ฟังใคร ต้องรู้จักรับฟังและให้เหตุผลที่ดีได้

ไปเจอมาจากตรงนี้จ๊ะเอามาบอกต่อ Areepeng Moosordee

http://www.daasee.com/hadith/hd01/index.php?page=2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น