วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2562

คำว่า ความหมายหะกีกัต ในหะดิษและอายะฮสิฟาต // อะกีดะฮสะลัฟของแท้(ไม่แอบอ้าง) อะสัน หมัดอะดั้ม

คำว่า ความหมายหะกีกัต ในหะดิษและอายะฮสิฟาต

อ้างจาก: อะสัน ที่ ต.ค. 26, 2010, 03:27 PM
ومن غير معناه فقد ألحد عنه، وذلك عنده وجه في الحقيقة دون المجاز
และผู้ใดเปลี่ยนความหมายของมัน แน่นอนเขาได้ปฏิเสธมัน และดังกล่าวนั้น เป็น พระพักต์ของพระองค์จริงๆ ไม่ใช่อุปมาอุปมัย
……………………

อ.อารีฟีน แย้งว่า

เราต้องเข้าใจระหง่างการยืนยันถ้อยคำแบบฮะกีกัตและยืนยันความหมายแบบฮะกีกัต
คำว่า وجه في الحقيقة "วัจญ์ฮฺ ฟิฮะกีกัต" นั้นหมายถึง การยืนยันหรือเรียกซีฟัตของอัลเลาะฮ์ตะอาลาด้วยถ้อยคำฮะกีกัต(ไม่ใช่ให้ความหมายแบบฮะกีกัตคำแท้ที่หมายถึงอวัยวะ) คือใช้ยืนยันเรียกซีฟัต يَدٌ ก็คือ يَدٌ ไม่ไปเรียกแบบคำมะญาซฺว่า قُدْرَةٌ กุดเราะฮ์(อำนาจ) หรือ قُوَّةٌ กุวะฮ์(พลัง)
เช่นเดียวกัน ซีฟัต وَجْهٌ ซึ่งสะลัฟจะเรียกและยืนยันถ้อยคำแบบฮะกีกัตว่า وِجْهٌ ตามที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงยืนยันไว้แก่พระองค์เอง แต่ความหมายของ وَجْهٌ ล่ะ?
ความหมายของซีฟัต وَجْهُ ของอัลเลาะฮ์ตามทัศนะของสะลัฟนั้นตีความได้ดังนี
1. หมายถึง ความยิ่งใหญ่
2. หมายถึง พระองค์เอง
3. หมายถึง เจตนาหรือจุดมุ่งหมาย
4. หมายถึง ความพึงพอพระทัย
5. หมายถึง กิบลัต
http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php/topic,6552.0.html

ดังนั้น 5 ความหมายนี้ ผมอยากถามว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงความหมายซีฟัต وَجْهٌ ของอัลเลาะฮ์หรือไม่? และการให้ความหมายทั้ง 5 นี้เป็นมุสลิมตามทัศนะของอัลบานีย์หรือไม่?
วัลลอฮุอะลัม
http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php/topic,6552.0.html
………………..

ขอชี้แจงว่า

จากคำแย้งของ อ.อารีฟีน จะเห็นได้ว่า อาจารย์ไม่เข้าใจ คำว่า وجه في الحقيقة "วัจญ์ฮฺ ฟิฮะกีกัต เลยทึกทักไปว่า ถ้าไม่ตีความคำว่า وجه ก็เท่ากับ เชื่อว่า “อัลลอฮมีอวัยวะ และ จากการไม่เข้าใจนี้เอง เขาจึง กล่าวหาพี่น้องมุสลิม ที่รับรอง สิฟัตวัจญ์ ว่า เป็นพวกมุญัสสิมะฮ คือ พวกที่เชื่อว่าอัลลอฮมีรูปร่าง มีอวัยวะเหมือนมัคลูค...วัลอิยาซุบิลละฮ

อ.อารีฟีน ซึ่งจบปริญญาโท เมืองนอก ทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า คำว่า “อิษบาตร วัจญ์หะกีกัต” หมายถึง การรับรองความหมายจริงของ คำว่า “วัจญ์” โดยไม่ได้เปลี่ยนความหมาย หรือ ตีความไปเป็นอย่างอื่น ส่วนลักษณะที่แท้จริง หรือ กัยฟียะฮ ของ วัจญ์ฮุลลอฮ” เป็นอย่างไรนั้น มอบหมายความรู้แก่อัลลอฮ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่มีทางที่จะจินตนาการได้ เพราะทรงไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน

อัลดุลวาฮิด อัตตัยมีย์(เสียชีวิตปี ฮ.ศ 410 ) กล่าวว่า

"ومذهب أبي عبد الله أحمد بن حنبل رضي الله عنه: أن لله عز وجل وجهاً لا كالصور المصورة، والأعيان المخططة، بل وجه وصفة له بقوله "كل شيء هالك إلا وجهه" ومن غير معناه فقد ألحد عنه، وذلك عنده وجه في الحقيقة دون المجاز ، ووجه الله باق لا يبلى، وصفة له لا تفنى. ومن أدعى أن وجهه نفسه فقد ألحد، ومن غير معناه فقد كفر، وليس معنى وجه معنى جسم عنده ولا صورة ولا تخطيط، ومن قال ذلك فقد ابتدع"

มัซฮับอบีอับดุลลอฮ อะหมัด บิน หัมบัล (ร.ฎ) คือ แท้จริง อัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงเลิศยิ่ง ทรงมีพระพักต์ (الوجه ) ไม่เหมือนบรรดารูป ที่ถูกทำให้เป็นรูปร่าง และ ไม่เหมือนบรรดาตาที่ถูกวาดขึ้น แต่พระพักต์ และ คุณลักษณะของพระองค์ ด้วยคำตรัสของพระองค์ที่ว่า "ทุกสิ่งย่อมพินาศนอกจากพระพักตร์ของพระองค์" และผู้ใดเปลี่ยนความหมายของมัน แน่นอนเขาได้ปฏิเสธมัน และดังกล่าวนั้น เป็น พระพักต์ของพระองค์จริงๆ ไม่ใช่อุปมาอุปมัย และพระพักต์ของอัลลอฮทรงดำงอยู่ตลอดไป ไม่เสียหาย และคุณลักษณะของพระองค์นั้น ไม่เสียหาย และ ผู้ใดอ้าง ว่า พระพักต์ของพระองค์ คือ ตัวตนของพระองค์ แน่นอนเขาได้ปฏิเสธมัน และผู้ใดเปลี่ยนความหมายมัน แน่นอน เขาเป็นกุฟุร และ ความหมายพระพักต์ ไม่ได้มีความหมายว่า เป็นรูปร่างของพระองค์ และไม่ใช่(เหมือน)รูปภาพ และไม่ใช่(เหมือน)การวาดรูป และผู้ใดกล่าวดังกล่าว แน่นอนเขาได้อุตริบิดอะฮ - มุอฺตะกิดอิหม่าม อะหมัด หน้า 33
…………
ไม่มีพี่น้องมุสลิมคนใดที่อาจารย์อารีฟีน ฉายาว่า วาฮาบี เชื่อ ว่า “คำว่า “ใบหน้า”ในอายะฮสิฟัตว่า “เป็นวัยวะของอัลลอฮและเปรียบเทียบว่า เหมือนมัคลูค
แต่ แต่เรารับรองโดยไม่ตีความเพราะท่านนบีไม่ได้ให้ตีความ
ท่านหาฟิซอิบนุหะญัร กล่าวว่า

قَالَ ابْنُ بَطَّالٍ : فِي هَذِهِ الْآيَةِ وَالْحَدِيثِ دَلَالَةٌ عَلَى أَنَّ لِلَّهِ وَجْهًا وَهُوَ مِنْ صِفَةِ ذَاتِهِ ، وَلَيْسَ بِجَارِحَةٍ وَلَا كَالْوُجُوهِ الَّتِي نُشَاهِدُهَا مِنَ الْمَخْلُوقِينَ

อิบนุบัฏฏอ็ล กล่าวว่า ในอายะฮนี้และในหะดิษ (ที่นบีกล่าวว่า أَعُوذُ بِوَجْهِكَ) แสดงบอกว่า แท้จริงอัลลอฮทรงมีพระพักต์ และมันคือ คุณลักษณะของตัวตน(ซาต)ของพระองค์ และ ไม่ใช่อวัยวะ และไม่ใช่เหมือนกับบรรดาใบหน้าที่เรามองเห็นมันจากบรรดามัคลูค – ดูฟัตหุลบารี อธิบายหะดิษ หมายเลข 6971 กิตาบุคเตาฮีด
.....................
รู้อะไร ต้องรู้ให้จริง เมื่อรู้จริง ก็จะเป็นปราชญ์ แต่ถ้ารู้ไม่จริง....แล้วหุกุมคนอื่น....ไม่รู้จะเรียกอะไรดี
_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น