วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2562

#ข้อห้ามในการรับมรดก คนที่มีสิทธิ์รับมรดกอย่างเต็มที่มีลักษณะที่เป็นต้องห้ามจึงถูกเรียกว่า เป็นบุคคลต้องห้าม

#ข้อห้ามในการรับมรดก
คนที่มีสิทธิ์รับมรดกอย่างเต็มที่มีลักษณะที่เป็นต้องห้ามจึงถูกเรียกว่า เป็นบุคคลต้องห้าม
.
บรรดาข้อห้ามนั้น มี 3 ประการ คือ
_
1. เป็นทาส ไม่ว่าจะเป็นอย่างเต็มตัว หรือไม่เต็มตัวก็ตาม
_
2. การฆ่าที่เป็นที่ต้องห้าม โดยเจตนาเมื่อทายาทได้ฆ่าพ่อหรือเจ้าของโดยอธรรม เขาก็จะไม่มีสิทธิ์จะรับมรดกจากเจ้าของมรดก โดยมติเอกฉันท์ของนักวิชาการ ดังที่อันนะซาอี ได้ บันทึกหะดีษที่ว่า แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
ความว่า "ผู้ฆ่าไม่มีสิทธิ์แต่ประการใด"
ส่วนการฆ่าที่นอกเหนือจากการเป็นศัตรู และ โดยเจตนาแล้ว บรรดานักปราชญ์ได้มีความแตกต่างกัน :-
_
อิมามชาฟีอี กล่าวว่า การฆ่าทุกอย่างห้ามรับมรดกทั้งนั้น ถึงแม้ว่าผู้ฆ่าจะเป็นเด็ก หรือคนบ้า
_
กลุ่มอัลมาลิกียะฮฺ กล่าวว่า :-
การฆ่าที่เป็นต้องห้ามรับมรดก ก็คือการฆ่าโดยเจตนา และเป็นศัตรูกันไม่ว่าจะฆ่าโดยตรง หรือ มีเหตุก็ตาม
.
โดยกฏหมายที่ใช้ในประเทศอิสลามบางประเทศได้ใช้เป็นกฏหมายโดยเอาจากแนวความคิดนี้ ในมาตรา 15 ระบุว่า
.
" ส่วนหนึ่งจากข้อห้ามมิให้รับมรดกกัน คือ ผู้รับมรดกฆ่าเจ้าของมรดกโดยเจตนา ไม่ว่าผู้ฆ่าจะเป็นคนทำจริงๆ หรือ เป็นผู้มีส่วนร่วม หรือเป็นพยานเท็จเป็นเหตุให้ผู้นั้นถูกตัดสินประหาร และ ถูกดำเนินการโดยการฆ่านั้นไม่ได้เป็นสิทธิของเขา และไม่มีเหตุขัดข้องใดๆ และโดยที่ผู้ฆ่านั้นบรรลุศาสนภาวะและมีอายุ 15 ปี แล้ว และถือว่าเกิดสิทธิในการป้องกันตัวตามหลักการศาสนา "
_
3. ต่างศาสนากัน ดังนั้น มุสลิมจึงไม่รับมรดกจากคนกาฟิร และคนกาฟิรก็จะไม่รับมรดกจากคนมุสลิม
เพราะมีหะดิษที่บันทึกโดยผู้บันทึกทั้งสี่ ซึ่งรายงานจากอุษามะหฺ อิบนิ เซต ว่าแท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
ความว่า " มุสลิมจะไม่รับมรดกคนกาฟิร และคนกาฟิรก็จะไม่รับมรดกคนมุสลิม "
.
มีเรื่องเล่าจากมุอาษ มุอาวียะฮฺ อิบนุล มุซัยยับ มัสรู๊ก และอันนะค่ออี ว่า " มุสลิมนั้นจะไม่รับมรดกกาฟิร และ ในทางกลับกัน ในทำนองเดียวกัน มุสลิมชายจะไม่แต่งงานกับหญิงกาฟิเราะฮฺ และ ชายกาฟิรจะไม่แต่งงานกับหญิงมุสลิมะฮฺ
ส่วนคนอื่นจากมุสลิม พวกเจาจะรับมรดกซึ่งกันและกัน เพราะถือว่าเป็นชาวศาสนาเดียวกัน
_
4. บ้านที่อยู่ต่างกัน (หมายถึงประเทศ) จุดมุ่งหมายในที่นี้ คือ สัญชาติต่างกัน เพราะบ้านที่อยู่ต่างประเทศกันไม่ถือเป็นข้อห้าม หรืออุปสรรคขัดขวางในการรับมรดกระหว่างมุสลิมด้วยกัน เพราะมุสลิมนั้นจะรับมรดกจากมุสลิม ไม่ว่าบ้านที่อยู่อาศัยต่างถิ่น หรือประเทศต่างกันก็ตาม
.
ส่วนที่อยู่ต่างประเทศกันระหว่างคนที่ไม่ใช่มุสลิมนั้น ก็ยังมีข้อขัดแย้งกันอยู่ ว่าจะมีข้อห้ามที่จะรับมรดกระหว่างกันหรือไม่
.
นักวิชาการส่วนใหญ่ มีความเห็นว่า ไม่มีข้อห้ามที่จะรับมรดกกันในระหว่างคนที่ไม่ใช่มุสลิม เหมือนดั่งเช่น ระหว่างมุสลิมด้วยกัน
.
ได้มีกล่าวไว้ในหนังสือ อัลมุฆนี ว่า หลักกิยาส(การเทียบ) ในมัสฮับ สำหรับฉันแล้วถือว่าคนในศาสนาเดียวกันนั้นจะรับมรดกกันได้ แม้จะมีถิ่นฐานที่อยู่ต่างกันก็ตาม เพราะตัวบทโดยรวมนั้นมีนัยว่า ให้รับมรดกกันได้ ไม่มีตัวบท และมติของนักปราชญ์มาเจาะจงห้ามไว้แต่ประการใด รวมทั้งไม่มีข้อถูกต้องตามหลักกิยาสด้วย ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามหลักฐานโดยรวม
.
ดังนั้น กฏหมายของประเทศอิสลามบางประเทศ เช่น อียิปต์ จึงถือปฏิบัติตามนั้น
นอกจากในกรณีที่เอาตามทัศนะของอบูหะนีฟะฮฺที่ว่า
ถ้าปรากฏว่ากฏหมายของต่างประเทศ ห้ามประชากรของเขารับมรดกจากคนในต่างประเทศ ก็จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกัน
.
ดังนั้น ในมาตรา 16 ของกฏหมายจึงระบุไว้ดังนี้
" สัญชาติต่างกันไม่ถือเป้นข้อห้ามในการรับมรดกระหว่างมุสลิมต่อมุสลิม และเช่นเดียวกันระหว่างคนที่ไม่ใช่มุสลิม ยกเว้นในกรณีที่กฏหมายของต่างประเทศระบุห้ามคนต่างชาติรับมรดกจากคนในชาติของเขา
____
จากหนังสือ ฟิกฮุซซุนนะฮฺ (การแบ่งมรดก)
ผู้เขียน อัซซัยยิด ซาบิก
ผู้แปล สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น