วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2562

#เอาข้อมูลมาให้อ่านครับ #ทัศนะที่ว่าใครเห็นจันทร์เสี้ยวถือเป็นการเห็นของประชาชาติทั้งหมด . #การดูจันทร์เสี้ยวนั้นแบ่งออกเป็น2ทัศนะคือ

#เอาข้อมูลมาให้อ่านครับ
#ทัศนะที่ว่าใครเห็นจันทร์เสี้ยวถือเป็นการเห็นของประชาชาติทั้งหมด
.
#การดูจันทร์เสี้ยวนั้นแบ่งออกเป็น2ทัศนะคือ
____
#ทัศนะแรก
ประเทศใครประเทศมัน หากประเทศนั้นเห็นจันทร์เสี้ยววันนั้นก็เป็นวันแรกของการถือศิลอด หรือออกอีด และหากไม่เห็นจันทร์เสี้ยวในคืนนั้นก็ไม่ต้องติดตาม ประเทศอื่นๆอีก อย่างในมัซฮับชาฟีอีย์ในบ้านเรา
____
#ทัศนะที่สอง
ถือว่าบุคคลใดก็ตามที่เห็นจันทร์เสี้ยว ณ ที่แห่งหนึ่งแห่งใด
ไม่ว่าการเห็นจันทร์เสี้ยวนั้นจะอยู่ใกล้ หรือไกลก็ตาม ก็เท่ากับว่าเป็นการเห็นของประชาชาติมุสลิมทั้งหมด
โดยไม่ต้องกำหนดอาณาเขตในการดูจันทร์แต่ละประเทศ
ถึงแม้ประเทศที่เราอาศัยไม่เห็นจัทร์เสี้ยว
แต่หากประเทศอื่นเห็น เราก็ต้องถือศิลอด หรือออกอีดในวันนั้น
.
***ทัศนะนี้เป็นทัศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่
***ทั้งในมัซฮับมาลีกี ฮานาฟีย์ ฮับบาลี
***และส่วนหนึ่งของมัซฮับชาฟีอีย์
.
ท่านอบูฮุรอยเราะห์ รายงานว่า
ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
صُوْمُوا لِرُؤْيَتِهِ وَأفْطِرُوا لِرُؤْيَتِهِ فَاِنْ غُمِّيَ عَليْكُمُ الشَهْرُ فَعُدُّوا ثَلاَثِيْنَ
“พวกเจ้าทั้งหลายจงถือศีลอด (เข้ารอมฏอน) เนื่องจากเห็นเดือนเสี้ยว และจงออกจากศีลอด (ออกจากรอมฏอน) เมื่อเห็นเดือนเสี้ยว แต่หากเดือนนั้นถูกบดบังพวกเจ้าจงนับให้ครบ 30 วัน” บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม ฮะดีษาเลขที่ 1810
.
#ทัศนะที่ว่าใครเห็นจันทร์เสี้ยวถือเป็นการเห็นของประชาชาติทั้งหมด
.
#สำหรับทัศนะที่ไม่ถือเขตประเทศใดเป็นกรอบในการดูจันทร์เสี้ยว
หากในประเทศไทยจุฬาราชมนตรีประกาศว่าเห็นดวงจันทร์ในประเทศไทย ก็จะถือว่าวันนั้นเป็นวันเข้าบวช-ออกบวช แต่หากจุฬารัฐมนตรีประกาศว่าไม่เห็นจันทร์เสียวในประเทศไทย ก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าประเทศอื่นเห็นจันทร์เสี้ยวหรือไม่
.
อย่างประเทศไทย หากจุฬาราชมนตรี ประกาศว่าคืนถัดจากวันที่ 29 ของเดือนไม่มีใครเห็นจันทร์เสี้ยวในประเทศ
.
ก็ไม่ใช่ว่าจะยืนยันชัดเจนว่าไม่ต้องถือศิลอดหรือออกอีดในวันนั้น ก็ต้องตรวจสอบเมืองหรือประเทศข้างเคียงด้วย
ซึ่งเมื่อก่อนการสื่อสารกันในแต่ละพื้นที่นั้นไม่สะดวก
จึงไม่สามารถรับทราบได้ว่าประเทศอื่นเขาเห็นจันทร์เสี้ยว
หรือไม่ เราก็ปฏิบัติตามความสามารถของเรา นั้นคือ
หากเราไม่เห็นจันทร์เสี้ยว เราก็ไม่ต้องเข้า-ออกบวชในวันนั้น
แต่ให้เข้าบวช-ออกบวชอีกวันถัดไป
เพราะศาสนาให้เราปฏิบัติตามความสามารถ แต่ปัจจุบัน การสื่อสารพัฒนาไปมาก ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถติดต่อกันได้ทุกที่ที่ทุกเวลา ไม่ว่าทางโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต เป็นต้น
เราก็สามารถทราบผลการดูจันทร์เสี้ยวในประเทศข้างเคียงหรือประเทศต่างๆทั่วโลกได้
อย่างประเทศอินโดนิเซีย เวลาก็ตรงกับประเทศไทย
เราก็สามารถตรวจสอบผลการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอินโดนิเซียได้ และหากปรากฏว่าประเทศอินโดนิเซียก็ไม่เห็นจันทร์เสี้ยวอีก เราก็ตรวจสอบผลการดูจันทร์เสี้ยวได้ทั่วโลก
อย่างประเทศซาอุดิอาระเบีย หรือซีเรีย เวลาช้ากว่าประเทศไทยกว่า ๔ ชั่วโมง
ประเทศอียิปต์ เวลาช้ากว่าประเทศไทย ๕ ชั่วโมง ก็ต้องรอดูผลการดูจันทร์เสี้ยวของประทศซาอุดิอาระเบีย หรือซีเรีย อีกสี่ชั่วโมง หรือเวลา ๕ ทุ่ม หากประเทศซาอุดิอาราเบีย และซีเรียไม่เห็นจันทร์เสี้ยวอีก ก็รอผลการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอียิปต์ ในเวลาเที่ยงคืน
หากปรากฏไม่เห็นจันทร์เสี้ยวอีก ก็ต้องรอการดูผลการดูจันทร์เสี้ยวของประเทศอื่นๆอีก
จนกว่าจะเห็นดวงจันทร์ หรือจนกว่าจะรุ่งสาง เมื่อถึงรุ่งสางแล้วไม่มีการเห็นจันทร์เสี้ยว ถือว่าวันนั้นไม่ต้องถือศิลอดอีก
ถึงแม้จะเห็นจันทร์เสี้ยวหลังจากนั้น เพราะการถือศิลอดฟัรฎูเดือนรอมาฎอนนั้นต้องมีการเหนียตก่อนถึงเวลาถือศิอด นี้คือการดูจันทร์ตามทัศนะที่ว่าใครเห็นดวงจันทร์เสี้ยวเป็นการเห็นจันทร์ของประชาติทั้งหมด
.
_____________________
หะดิษทีใช้เป็นหลักฐานทัศนะที่ว่าการดูจันทร์เสี้ยวต้องเฉพาะเมือง หรือประเทศนั้น
.
#สำหรับทัศนะที่ว่าการดูจันทร์เสี้ยวต้องเฉพาะเมืองนั้น
.
หรือประเทศนั้น เป็นทัศนะของนักวิชาการส่วนน้อย
โดยอาศัยหะดิษที่เรียกว่ากุรอยบ์ ที่รายงานว่าท่านอุมมุลฟัฏล์ บินต่าฮาริส ได้ส่งท่านกุรอยบ์ไปหามุอาวิยะห์ที่แค้วนชาม(ประเทศซีเรีย , อิรัค ,จอร์แดน และเลบานอนในปัจจุบัน) ขณะนั้นเดือนรอมฏอนได้ย่างเข้ามาขณะท่านกุรอยบ์ยังอยู่ที่ชาม โดยเขาเห็นเดือนเสี้ยวข้างขึ้นในคืนวันศุกร์ ต่อมาเขาก็ได้เดินทางกลับนครมะดีนะห์ในตอนปลายเดือนริมาฎอนนั้น
.
ปรากฏว่าที่นครมาดีนะฮฺเห็นจันทร์เสี้ยวในวันเสาร์ เมื่อจะออกบวช ที่นครมะดีนะฮฺ ก็มีการปรึกษากันว่าจะยึดวันไหน เป็นวันศุกร์(ยึดตามเมืองชาม) หรือวันเสาร์(ยึดตามเมืองมาดีนะฮฺ) เป็นวันแรกถือศิดอด เพื่อจะกำหนดวันที่ดูจันทร์เสี้ยวออกบวช ท่านอิบนุอับบาส ร่อดิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า เมื่อที่นครมะดีนะฮฺเห็นจันทร์เสี้ยววันเสาร์ตอนเข้าบวช ก็ให้ยึดวันนั้นเป็นวันที่ ๑ ของเดือนรอมาฎอน นั้นก็คือเมื่อนับตั้งแต่วันเสาร์เป็นวันที่ ๑ จนถึงวันที่ ๒๙ หลังจากนั้นคืนถัดจากวันที่ ๒๙ ของเอนรอมาฎอนก็จะมีการดูจันทร์เสี้ยว หากไม่เห็นจันทร์เสี้ยวก็ให้ถือวันนั้นเป็นวันที่ ๓๐ ของเดือนรอมาฎอน และวันถัดจากนั้นจึงจะออกบวช และท่านอิบนุอับบาส ร่อดิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า “อย่างนี้แหละที่ท่านรอซูลเคยใช้พวกเรา”
.
ผู้ที่ตามทัศนะเอาเขตเมืองหรือประเทศเป็นหลักในการดูจันทร์เสี้ยว ได้ตีความว่าหะดิษนี้เป็นหลักฐานว่าให้ยึดถือเมืองหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยไม่ต้องยึดถือตามประเทศอื่นที่เห็นจันทร์เสี้ยวที่ไม่ตรงกับเมืองหรือประเทศของตน
.
แต่หะดิษดังกล่าว ไม่ได้ระบุไว้เลยว่าให้รับผลดูจันทร์ออกบวชเฉพาะในเมืองมาดีนะฮฺ ไม่ให้ดูผลการดูดวงจันทร์ของเมืองชามแต่อย่างใด เพราะขณะนั้นยังไม่ถึงเวลาการดูจันทร์เสี้ยว ทั้งเมืองมาดีนะฮฺและประเทศชามจึงยังไม่ทราบผลการดูจันทร์ออกบวช ส่วนการดูจันทร์เสี้ยวเข้าบวชนั้น ก็ได้ผ่านมาแล้วจนเกือบสิ้นเดือนรอมาฎอน จึงรู้ว่าเมืองนครมาดีนะฮฺเห็นจันทร์เสียวไม่ตรงกับเมืองชาม หากท่านกุรอยบ์ไม่ได้เดินทางไปเมืองชาม ก็จะไม่ทราบเลยว่าเมืองมาดีนะฮฺกับเมืองชามเห็นจันทร์เสี้ยวไม่ตรงกัน แต่กว่าท่านกุรอยบ์กลับมาเมืองมาดีนะฮฺ ก็เป็นปลายเดือนของเดือนรอมาฎอนไปแล้ว ซึ่งขณะที่ท่านกุรอยบ์ได้เห็นจันทร์เสี้ยวที่เมืองชามในวันศุกร์ก็ไม่สามารถสื่อสารหรือส่งข่าวมายังผู้คนในเมืองมาดีนะฮได้ ผู้คนในมาดีนะฮฺก็ได้เริ่มถือศิลอดในวันเสาร์ตามที่พวกเขาเห็นจันทร์เสี้ยว แต่ไม่ได้หมายความว่าชาวมาดีนะฮฺไม่รับผลการดูจันทร์เสี้ยวในเมืองชาม และการยึดถือเอาวันเสาร์เป็นวันที่หนึ่ง เดือนรอมาฎอน ก็เพื่อให้วันเสาร์ที่ชาวมาดีนะฮฺได้เห็นจันทร์เสี้ยวเป็นวันเริ่มนับให้ครบ 29 วัน ที่พวกเขาถือศิลอดจนครบเดือนแล้ว เพื่อจะดูจันทร์เสี้ยวออกบวชวันไหน เดือนรอฎอนในปีนั้นจะมี 29 วัน หรือ 30 วัน ก็ขึ้นอยู่ของผลการดูจันทร์เสี้ยวในคืนถัดจากวันที่ 29 เดือนรอมาฎฮน หะดิษบทนี้จึงไม่อาจเป็นหลักฐานอ้างอิง ตามทัศนะที่ใช้เขตเมืองหรือประเทศในการรับผลการดูจันทร์เสี้ยวเข้าบวช-ออกบวชแต่อย่างใด
.
#การกำหนดวันเข้าบวชออกบวชโดยไม่ดูจันทร์เสี้ยว
.
และการกำหนดวันเข้าบวช-ออกต้องมีการดูจันทร์เสี้ยว
แต่ปรากฏว่าประเทศมาเลเซียอันเป็นประเทศที่มีพลเมืองนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่กลับไม่มีการกำหนดดูจันทร์เสี้ยว แต่จะกำหนดวันตามปฏิทิน ประเทศไหนเห็นจันทร์เสี้ยว หรือไม่เห็นก็ตามที ประเทศมาเลเซียก็ถือศิดอดตามที่กำหนดในปฏิทิน ซึ่งขัดกับบทบัญญัติศาสนา ซึ่งท่านรสูลุลลอฮฺ อุลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “อิสลามไม่มีการคำนวณในเรื่องกำหนดเดือน” นั้นเอง
والله أعلم بالصواب

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น