#อันตรายจากการเย้นหยันในเรื่องศาสนา
.
#นิยามความหมายของการเย้ยหยัน
ในทางภาษานั้น อัล-อิสติหซาอ์ (การเย้ยหยัน) นั้นเป็น
อาการนามของกริยา (استهزأ) อิสตะห์ซะอ่า (يستهزئ) ยัสตะห์ซิอุ มาจากรากศัพท์ (هـ ـ ز ـ أ) ฮ่า-ซ่า-อ่า มีความหมายแสดงถึงการเยาะเย้ย การหยอกล้อ ล้อเล่น
(อัล-มะกอยีส ของ อิบนุ ฟาริส 6/52
และ อัล-มุฟเราะดาต ของ อัร-รอฆิบ หน้า 540)
#การเย้ยหยันนั้นมีสองประเภท
1- #การเย้ยหยันที่ชัดเจน อย่างเช่นตัวอย่างที่อยู่ในอายะฮฺที่ถูกประทานในเรื่องนี้ นั้นคือ คำกล่าวที่ว่า “เราไม่เห็นใครเหมือนกับบรรดานักอ่านอัลกุรอ่านของพวกเราเหล่านั้นเลย พวกเขาท้องกินจุ” หรือคำกล่าวในลักษณะนี้
หรือตัวอย่างเช่นคำกล่าวของบางคนที่ว่า ศาสนาของพวกท่านเป็นศาสนาที่ห้า(มัซฮับที่ห้า) หรือ ศาสนาของท่านนั้นเป็นศาสนาที่เงอะงะโง่เง่า หรือกล่าวเย้ยหยันคนที่สั่งใช้ในความดีห้ามปรามในความชั่วว่า “พวกเคร่งศาสนามาแล้ว”
หรือคำกล่าวอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน อาจจะหนักหนากว่าคำกล่าวที่เป็นสาเหตุที่ทำให้อายะฮฺห้ามถูกประทานลงมาก็เป็นได้ (มัจญ์มูอะฮฺ อัต-เตาฮีด หน้า 409)
.
ท่านเชค ศอลิหฺ อัล-เฟาซาน หะฟิเซาะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า เช่นคำกล่าวของคนบางคนที่ว่า
ศาสนาอิสลามไม่เหมาะกับศตวรรษที่ยี่สิบ
แต่เหมาะกับยุคกลาง หรืออิสลามล้าหลัง ตกยุค
เป็นศาสนาที่แข็งกร้าวรุนแรงในการลงโทษลงอาญา
ไม่ยุติธรรมต่อผู้หญิงเพราะอนุญาตให้หย่าได้
หรือมีภรรยาได้หลายคน
หรือกล่าวว่า กฎหมายที่มนุษย์ร่างขึ้นนั้นดีกว่า
หรือกล่าวแก่คนที่เชิญชวนสู่เตาฮีดปฏิเสธการบูชาสุสานว่าเป็นพวกตกขอบออกนอกลู่นอกทาง
ต้องการทำให้มุสลิมเกิดความแตกแยก
พวกวะฮาบีย์
มัซฮับที่ห้า
หรือศาสนาไม่ได้อยู่ที่เคราเป็นการเย้ยหยันคนที่ไว้เครา
หรือคำกล่าวใกล้เคียงกับคำกล่าวต่างๆ เหล่านี้ที่มีเป้าหมายเย้ยหยันศาสนา เย้ยหยันมุสลิม หรือเย้ยหยันอากีดะฮฺความเชื่อที่ถูกต้อง
(อัต-เตาฮีด ของเชคศอลิหฺ อัล-เฟาซาน 47)
.
2- #การเย้ยหยันที่ไม่ชัดเจน เป็นเนื้อหาที่กว้างมาก เช่น
การหลิ่วตา แลบลิ้น ยื่นริมฝีปาก หรือส่งสัญญาณตำหนิด้วยมือเมื่อมีการอ่านอัลกุรอานหรือซุนนะฮฺของท่านนบี หรือเมื่อมีการสั่งใช้ให้ทำความดีหรือห้ามปรามการทำความชั่ว (มัจญ์มูอะฮฺ อัต-เตาฮีด 409)
#หุก่มการเย้ยหยันนั้น คือ กุฟรฺ เป็นหนึ่งในสิบอย่างสิ่งที่ทำให้ตกจากศาสนาที่นักวิชาการได้กล่าวไว้ มันเป็นคุณลักษณะเด่นของพวกมุนาฟิกผู้กลับกลอก โดยมีหลักฐานอันมากมาย
.
อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “พวกเขาสาบานต่ออัลลอฮฺว่า พวกเขามิได้พูด(คำเย้ยหยันเหล่านั้น) และแท้จริงนั้น พวกเขาได้พูดซึ่งถ้อยคำแห่งการปฏิเสธศรัทธา และพวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้วหลังจากการเป็นมุสลิมของพวกเขา และพวกเขามุ่งกระทำในสิ่งที่พวกเขามิได้รับผล” (อัต-เตาบะฮฺ 74)
.
และอัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า ”แท้จริง บรรดาผู้กระทำผิดนั้นเคยหัวเราะเยาะบรรดาผู้ศรัทธา และเมื่อบรรดาผู้ศรัทธาเดินผ่านพวกเขาไปพวกเขาจะหลิ่วตาเย้ยหยัน และเมื่อพวกเขากลับไปยังพวกพ้องของพวกเขา พวกเขาก็กลับไปอย่างตลกคะนองและเมื่อพวกเขาเห็นบรรดาผู้ศรัทธาพวกเขาก็กล่าวว่าแท้จริงชนเหล่านี้เป็นผู้หลงทางแน่นอน” (อัล-มุฏ็อฟฟิฟีน 29-32)
.
และอัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “และถ้าหากเจ้าได้ถามพวกเขา แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า แท้จริงพวกเราเป็นเพียงแต่พูดสนุกพูดเล่oเท่านั้น จงกล่าวเถิดมุหัมมัดว่า กับอัลลอฮฺและบรรดาโองการของพระองค์และเราะสูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?” (อัต-เตาบะฮฺ 65)
.
#สาเหตุของการประทานอายะฮฺนี้
.
มีรายงานจากท่าน อิบนุ อุมัรฺ, ท่านมุหัมมัด บิน กะอับ, ท่านซัยดฺ บิน อัสลัม และท่านเกาะตาดะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม เป็นหะดีษของพวกท่านรวมกันว่า
มีชายคนหนึ่งเข้าร่วมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในสงครามตะบูก ชายคนนั้นกล่าวขึ้นว่า
เราไม่เคยเห็นใครเหมือนกับบรรดานักอ่านอัลกุรอานของพวกเรา ที่ชอบกินมากกว่าคนอื่น ลิ้นพูดโกหกมากกว่า และขี้ขลาดกว่าคนอื่นเมื่อพบกับศัตรู ซึ่งเขาหมายถึงท่านนบีและเศาะหาบะฮฺของท่านที่เป็นนักอ่านอัลกุรอาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม ปรากฏว่าท่านเอาฟฺ ได้ยินเรื่องนี้จึงได้ไปหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เพื่อบอกเรื่องนี้ให้ทราบ แต่เขาพบว่าอัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาบอกก่อนแล้ว แล้วชายคนนั้นก็มาหาท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขณะที่ท่านได้ออกเดินทางและอยู่บนหลังอูฐ ชายคนนั้นกล่าวว่า โอ้ท่านเราะสูล แท้จริง เราเพียงแค่หยอกหล้อและพูดเล่น เราพูดแบบผู้เดินทางที่ต้องการฆ่าเวลาให้สั้นลงเท่านั้นเอง ท่านอิบนุ อุมัรฺ กล่าวว่า ฉันเห็นชายคนนั้นเกาะที่คออูฐของท่านนบีโดยที่เท้าทั้งสองข้างของเขาลากพลิกก้อนหินไป ขณะที่เขาก็กล่าวไปว่า แท้จริงเราเพียงหยอกล้อ และพูดเล่นเท่านั้น
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็กล่าวกับเขาว่า
.
ด้วยอายะฮฺที่ว่า
ความว่า “กับอัลลอฮฺ และบรรดาโองการของพระองค์ และเราะสูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?”
(อัต-เตาบะฮฺ 65)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้หันไปดูเขา
และไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมเลย
(ตัฟซีรฺ อิบนุ ญะรีรฺ 6/409)
_____
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
.
#นิยามความหมายของการเย้ยหยัน
ในทางภาษานั้น อัล-อิสติหซาอ์ (การเย้ยหยัน) นั้นเป็น
อาการนามของกริยา (استهزأ) อิสตะห์ซะอ่า (يستهزئ) ยัสตะห์ซิอุ มาจากรากศัพท์ (هـ ـ ز ـ أ) ฮ่า-ซ่า-อ่า มีความหมายแสดงถึงการเยาะเย้ย การหยอกล้อ ล้อเล่น
(อัล-มะกอยีส ของ อิบนุ ฟาริส 6/52
และ อัล-มุฟเราะดาต ของ อัร-รอฆิบ หน้า 540)
#การเย้ยหยันนั้นมีสองประเภท
1- #การเย้ยหยันที่ชัดเจน อย่างเช่นตัวอย่างที่อยู่ในอายะฮฺที่ถูกประทานในเรื่องนี้ นั้นคือ คำกล่าวที่ว่า “เราไม่เห็นใครเหมือนกับบรรดานักอ่านอัลกุรอ่านของพวกเราเหล่านั้นเลย พวกเขาท้องกินจุ” หรือคำกล่าวในลักษณะนี้
หรือตัวอย่างเช่นคำกล่าวของบางคนที่ว่า ศาสนาของพวกท่านเป็นศาสนาที่ห้า(มัซฮับที่ห้า) หรือ ศาสนาของท่านนั้นเป็นศาสนาที่เงอะงะโง่เง่า หรือกล่าวเย้ยหยันคนที่สั่งใช้ในความดีห้ามปรามในความชั่วว่า “พวกเคร่งศาสนามาแล้ว”
หรือคำกล่าวอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน อาจจะหนักหนากว่าคำกล่าวที่เป็นสาเหตุที่ทำให้อายะฮฺห้ามถูกประทานลงมาก็เป็นได้ (มัจญ์มูอะฮฺ อัต-เตาฮีด หน้า 409)
.
ท่านเชค ศอลิหฺ อัล-เฟาซาน หะฟิเซาะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า เช่นคำกล่าวของคนบางคนที่ว่า
ศาสนาอิสลามไม่เหมาะกับศตวรรษที่ยี่สิบ
แต่เหมาะกับยุคกลาง หรืออิสลามล้าหลัง ตกยุค
เป็นศาสนาที่แข็งกร้าวรุนแรงในการลงโทษลงอาญา
ไม่ยุติธรรมต่อผู้หญิงเพราะอนุญาตให้หย่าได้
หรือมีภรรยาได้หลายคน
หรือกล่าวว่า กฎหมายที่มนุษย์ร่างขึ้นนั้นดีกว่า
หรือกล่าวแก่คนที่เชิญชวนสู่เตาฮีดปฏิเสธการบูชาสุสานว่าเป็นพวกตกขอบออกนอกลู่นอกทาง
ต้องการทำให้มุสลิมเกิดความแตกแยก
พวกวะฮาบีย์
มัซฮับที่ห้า
หรือศาสนาไม่ได้อยู่ที่เคราเป็นการเย้ยหยันคนที่ไว้เครา
หรือคำกล่าวใกล้เคียงกับคำกล่าวต่างๆ เหล่านี้ที่มีเป้าหมายเย้ยหยันศาสนา เย้ยหยันมุสลิม หรือเย้ยหยันอากีดะฮฺความเชื่อที่ถูกต้อง
(อัต-เตาฮีด ของเชคศอลิหฺ อัล-เฟาซาน 47)
.
2- #การเย้ยหยันที่ไม่ชัดเจน เป็นเนื้อหาที่กว้างมาก เช่น
การหลิ่วตา แลบลิ้น ยื่นริมฝีปาก หรือส่งสัญญาณตำหนิด้วยมือเมื่อมีการอ่านอัลกุรอานหรือซุนนะฮฺของท่านนบี หรือเมื่อมีการสั่งใช้ให้ทำความดีหรือห้ามปรามการทำความชั่ว (มัจญ์มูอะฮฺ อัต-เตาฮีด 409)
#หุก่มการเย้ยหยันนั้น คือ กุฟรฺ เป็นหนึ่งในสิบอย่างสิ่งที่ทำให้ตกจากศาสนาที่นักวิชาการได้กล่าวไว้ มันเป็นคุณลักษณะเด่นของพวกมุนาฟิกผู้กลับกลอก โดยมีหลักฐานอันมากมาย
.
อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “พวกเขาสาบานต่ออัลลอฮฺว่า พวกเขามิได้พูด(คำเย้ยหยันเหล่านั้น) และแท้จริงนั้น พวกเขาได้พูดซึ่งถ้อยคำแห่งการปฏิเสธศรัทธา และพวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้วหลังจากการเป็นมุสลิมของพวกเขา และพวกเขามุ่งกระทำในสิ่งที่พวกเขามิได้รับผล” (อัต-เตาบะฮฺ 74)
.
และอัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า ”แท้จริง บรรดาผู้กระทำผิดนั้นเคยหัวเราะเยาะบรรดาผู้ศรัทธา และเมื่อบรรดาผู้ศรัทธาเดินผ่านพวกเขาไปพวกเขาจะหลิ่วตาเย้ยหยัน และเมื่อพวกเขากลับไปยังพวกพ้องของพวกเขา พวกเขาก็กลับไปอย่างตลกคะนองและเมื่อพวกเขาเห็นบรรดาผู้ศรัทธาพวกเขาก็กล่าวว่าแท้จริงชนเหล่านี้เป็นผู้หลงทางแน่นอน” (อัล-มุฏ็อฟฟิฟีน 29-32)
.
และอัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “และถ้าหากเจ้าได้ถามพวกเขา แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า แท้จริงพวกเราเป็นเพียงแต่พูดสนุกพูดเล่oเท่านั้น จงกล่าวเถิดมุหัมมัดว่า กับอัลลอฮฺและบรรดาโองการของพระองค์และเราะสูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?” (อัต-เตาบะฮฺ 65)
.
#สาเหตุของการประทานอายะฮฺนี้
.
มีรายงานจากท่าน อิบนุ อุมัรฺ, ท่านมุหัมมัด บิน กะอับ, ท่านซัยดฺ บิน อัสลัม และท่านเกาะตาดะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม เป็นหะดีษของพวกท่านรวมกันว่า
มีชายคนหนึ่งเข้าร่วมกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในสงครามตะบูก ชายคนนั้นกล่าวขึ้นว่า
เราไม่เคยเห็นใครเหมือนกับบรรดานักอ่านอัลกุรอานของพวกเรา ที่ชอบกินมากกว่าคนอื่น ลิ้นพูดโกหกมากกว่า และขี้ขลาดกว่าคนอื่นเมื่อพบกับศัตรู ซึ่งเขาหมายถึงท่านนบีและเศาะหาบะฮฺของท่านที่เป็นนักอ่านอัลกุรอาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม ปรากฏว่าท่านเอาฟฺ ได้ยินเรื่องนี้จึงได้ไปหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เพื่อบอกเรื่องนี้ให้ทราบ แต่เขาพบว่าอัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาบอกก่อนแล้ว แล้วชายคนนั้นก็มาหาท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขณะที่ท่านได้ออกเดินทางและอยู่บนหลังอูฐ ชายคนนั้นกล่าวว่า โอ้ท่านเราะสูล แท้จริง เราเพียงแค่หยอกหล้อและพูดเล่น เราพูดแบบผู้เดินทางที่ต้องการฆ่าเวลาให้สั้นลงเท่านั้นเอง ท่านอิบนุ อุมัรฺ กล่าวว่า ฉันเห็นชายคนนั้นเกาะที่คออูฐของท่านนบีโดยที่เท้าทั้งสองข้างของเขาลากพลิกก้อนหินไป ขณะที่เขาก็กล่าวไปว่า แท้จริงเราเพียงหยอกล้อ และพูดเล่นเท่านั้น
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็กล่าวกับเขาว่า
.
ด้วยอายะฮฺที่ว่า
ความว่า “กับอัลลอฮฺ และบรรดาโองการของพระองค์ และเราะสูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?”
(อัต-เตาบะฮฺ 65)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้หันไปดูเขา
และไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมเลย
(ตัฟซีรฺ อิบนุ ญะรีรฺ 6/409)
_____
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น