วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2562

(แบบเนื้อๆ ไม่น้ำ) #เงื่อนไขในการตอบรับอิบาดะฮฺ

(แบบเนื้อๆ ไม่น้ำ)
#เงื่อนไขในการตอบรับอิบาดะฮฺ
ประการที่ 1. ต้องมีความบริสุทธิ์ใจ (อัลอิคลาศ)
ประการที่ 2. ต้องถูกต้องตามบทบัญญัติ (อัลอิตติบาอ์)
_
#เงื่อนไขประการที่หนึ่งมีความบริสุทธิ์ใจ
_
#หลักฐานจากอายะฮฺอัลกุรอาน
อัลลอฮฺตรัสว่า
«إِنَّا أَنْزَلْنَا إِلَيْكَ الْكِتَابَ بِالْحَقِّ فَاعْبُدِ اللَّهَ مُخْلِصًا لَهُ الدِّينَ، أَلا لِلَّهِ الدِّينُ الْخَالِصُ»
ความว่า “แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์มายังเจ้าด้วยสัจธรรม ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺโดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์ (2) พึงทราบเถิด การอิบาดะฮฺโดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว...”
(สูเราะฮฺอัซซุมัร อายะฮฺที่ 2-3)
.
อิบนุกะษีร ได้อรรถาธิบายอายะฮฺนี้ว่า “อัลลอฮฺจะไม่ทรงรับกิจการใดๆ เว้นแต่เสียว่าผู้ที่ปฏิบัตินั้นจะต้องมีความบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นภาคีสำหรับพระองค์” (Ibn Kathir, 1983 : 6/78)
อิบนุกะษีร คือ อิสมาอีล อิบนฺ อุมัร อิบนฺ กะษีร อิบนฺ ดัรอฺ อัลกุรชีย์ อัดดิมัชกีย์ อะบุลฟิดาอ์ เขาเป็นนักท่องจำอัลกุรอาน นักประวัติศาสตร์ นักนิติศาสตร์ นักอรรถาธิบายอัลกุรอาน เกิดในปีฮิจเราะฮฺศักราชที่ 701 เป็นผู้ที่มีความใฝ่รู้ตั้งแต่ยังเยาว์วัย และได้แต่งตำราไว้มากมาย ประชาชนได้คัดลอกตำราของเขาในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ เสียชีวิตที่ดามัสกัสในปีฮิจเราะฮฺศักราชที่ 774 (Ibn al-‘Imad al-Hanbali, n.d. : 6/231 ; Ibn Kathir, 1966 : 14/31,46 ; al-Zirigli, n.d. : 1/320)
_
#หลักฐานจากอัลหะดีษ
อัลลอฮฺทรงตรัสในหะดีษกุดซีย์ ว่า
«أَنَا أَغْنَى الشُّرَكَاءِ عَنْ الشِّرْكِ، فَمَنْ عَمِلَ لِي عَمَلاً أَشْرَكَ فِيهِ غَيْرِي فَأَنَا مِنْهُ بَرِيءٌ وَهُوَ لِلَّذِي أَشْرَكَ»
ความว่า “ฉันเป็นผู้ที่เหนือกว่าในบรรดาผู้ที่พวกเขาตั้งภาคีทั้งหลาย บุคคลใดก็ตามที่ปฏิบัติกิจการต่างๆ โดยตั้งภาคีพร้อมกับฉัน ดังนั้น ฉันห่างไกลจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี และสิ่งดังกล่าวก็เพื่อสิ่งที่เขาตั้งภาคี”
หะดีษกุดซีย์ คือหะดีษที่ท่านนบีพาดพิงถึงอัลลอฮฺโดยระบุว่า อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ดำรัส (ดูอัฏเฏาะฮาน ตัยสีรอัลมุศเฏาะละฮฺ หน้า 20)
_
#หลักฐานจากบรรดาสะลัฟศอลิหฺ
.
ยะหฺยา อิบนฺ อะบีกะษีร กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจงเรียนรู้ในเรื่องของการตั้งเจตนา เพราะแท้จริงการตั้งเจตนานั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้บรรลุผลจากการปฏิบัติ” (al-Asbahani, 1400 : 3/70)
ยะห์ยา อิบนฺ ศอและฮฺ อัฏฏออีย์ อัลยะมานีย์ อะบูนัศรฺ อิบนฺ อะบีกะษีร เป็นนักปราชญ์ชาวยะมามะฮฺ เป็นตาบีอีน เป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ (ثقة) ในด้านการรายงานหะดีษ เสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺศักราชที่ 129 (Ibn Manie‘a, n.d. : 5/555 ; al-‘Asqallani, 1325 : 11/268)
.
ฟุฎ็อยลฺ อิบนฺ อิยาฎฺ ได้อ่านอายะฮฺอัลกุรอานที่ว่า (บางส่วนจากอายะฮฺที่ 7 สูเราะฮฺฮูด และสูเราะฮฺอัลมุลกฺ อายะฮฺที่ 2) แล้วเขากล่าวว่า “มีความบริสุทธิ์ใจ และถูกต้อง” พวกเขากล่าวว่า “โอ้อบูอาลี อะไรคือมีความบริสุทธิ์ใจและถูกต้อง? ท่านฟุฎ็อยลฺ อิบนฺ อิยาฎ กล่าวว่า “เมื่อปฏิบัติสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยกับความบริสุทธิ์ใจแต่ปฏิบัติไม่ถูกต้อง การปฏิบัตินั้นก็จะไม่ถูกตอบรับ และหากปฏิบัติสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ถูกต้องแต่ไม่มีความบริสุทธิ์ใจ การปฏิบัตินั้นก็จะไม่ถูกตอบรับ จนกว่าจะมีทั้งความบริสุทธิ์ใจและความถูกต้อง ความบริสุทธิ์ใจคือ เมื่อปฏิบัติสิ่งใดก็เพื่ออัลลอฮฺ และความถูกต้องคือ เมื่อปฏิบัติสิ่งใดก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของสุนนะฮฺ”
อบูอาลีย์ อัลฟะฎีล อิบนฺ อิยาฎ อิบนฺ มัสอูด อัฏฏอลิกอนีย์ เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่น เป็นนักอิบาดะฮฺ มีความน่าเชื่อถือได้ และเป็นอิมามผู้มีชื่อเสียง เสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺศักราชที่ 187 (al-Asbihani, 1400 : 8/84 ; al-Dhahabi, 1402 : 8/421; al-‘Asqallani, 1325 : 8/294 ; Ibn Kalkan, n.d. : 4/47)
_
_
#เงื่อนไขประการที่สองต้องถูกต้องตามบทบัญญัติ
_
#หลักฐานจากอัลกุรอาน
.
อัลลอฮฺตรัสว่า
«اتَّبِعْ مَا أُوحِيَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ لا إِلَهَ إِلا هُوَ وَأَعْرِضْ عَنِ الْمُشْرِكِينَ»
ความว่า “จงปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระเจ้าของเจ้าเถิด ไม่มีผู้ใดที่ควรได้รับการเคารพสักการะใดๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น และเจ้าจงผินหลังให้แก่บรรดาผู้ตั้งภาคีเถิด” (สูเราะฮฺอัลอันอาม อายะฮฺที่ 106)
.
และอัลลอฮฺตรัสว่า
«قُلْ إِنَّمَا أَتَّبِعُ مَا يُوحَى إِلَيَّ مِنْ رَبِّي»
ความว่า “จงกล่าวเถิด (มูฮัมหมัด) ว่า แท้จริงฉันจะปฏิบัติตามเฉพาะสิ่งที่ถูกให้เป็นโองการแก่ฉันจากพระผู้เป็นเจ้าของฉัน...” (ส่วนหนึ่งจากอายะฮฺที่ 203 สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ)
_
#หลักฐานจากอัลหะดีษ
.
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
«تَرَكْتُ فِيكُمْ أَمْرَيْنِ لَنْ تَضِلُّوا مَا تَمَسَّكْتُمْ بِهِمَا كِتَابَ اللَّهِ وَسُنَّةَ نَبِيِّهِ»
ความว่า “ฉันได้ทิ้งไว้สำหรับพวกท่านสองประการ ซึ่งถ้าพวกท่านยึดมันไว้ให้มั่น (ในบางสำนวนใช้คำว่า กัดมันด้วยฟันกราม) แล้วจะไม่หลงทาง คือ กิตาบุลลอฮฺ(อัลกุรอาน) และแบบฉบับนบีของพระองค์”
หะดีษบันทึกโดยมาลิก ในอัลมุวัฏเฏาะ หมายเลข 1395 ดู อัลมิชกาฮฺ อัลมะศอบีฮฺ ของ อัลอัลบานีย์ หมายเลข 1/66
.
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวคุตบะฮฺในวันอีด ซึ่งตอนหนึ่งท่านได้กล่าวว่า
«أَمَّا بَعْدُ فَإِنَّ خَيْرَ الْحَدِيثِ كِتَابُ اللَّهِ، وَخَيْرَ الْهُدَى هُدَى مُحَمَّدٍ، وَشَرَّ الأُمُورِ مُحْدَثَاتُهَا، وَكُلَّ بِدْعَةٍ ضَلاَلَةٌ» وفي رواية النسائي : «وَكُلَّ ضَلاَلَةٍ فِي النَّارِ»
ความว่า “อนึ่ง ดังนั้น แท้จริงคำกล่าวที่ประเสริฐที่สุดก็คือ อัลกุรอาน และทางนำที่ดีที่สุดคือทางนำของมูฮัมหมัด และการงานต่าง ๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่นั้นเป็นสิ่งที่ชั่วช้า และทุก ๆ อุตรินั้นเป็นการหลงผิด” และในสำนวนของนะสาอีย์เพิ่มคำว่า “และทุกๆ การหลงผิดนั้นคือการลงนรก”
หะดีษบันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 1435 อบูดาวูด หมายเลข 3991 อัตติรมีซีย์ หมายเลข 5/44 อิบนุมาญะฮฺ หมายเลข 44, 45 อัดดารีมีย์ หมายเลข 208 และอะห์มัด 13815, 13909, 14455 และในสำนวนของอันนะสาอีย์ หมายเลข 1560 และอัลอัลบานีย์ กล่าวในหนังสือมิชกาฮฺ อัลมะศอบีฮฺว่า : การเพิ่มของอันนะสาอีย์นั้น ศอเหี้ยะห์
.
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวเกี่ยวกับผู้ที่อุตริสิ่งใดขึ้นในศาสนาว่า
«مَنْ أَحْدَثَ فِي أَمْرِنَا هَذَا مَا لَيْسَ مِنْهُ فَهُوَ رَدٌّ»
ความว่า “ผู้ใดประดิษฐ์สิ่งใดสิ่งหนึ่งในกิจการศาสนาของพวกเรา ซึ่งเราไม่ได้สั่ง ดังนั้น สิ่งนั้นจะถูกผลักไส”
หะดีษบันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หมายเลข 2499 มุสลิม หมายเลข 3242 อบูดาวูด หมายเลข 3990 อะห์มัด หมายเลข 24840, 25124
.
«مَنْ عَمِلَ عَمَلاً لَيْسَ عَلَيْهِ أَمْرُنَا فَهُوَ رَدٌّ»
ความว่า “ผู้ใดกระทำกิจการใดกิจการหนึ่ง ซึ่งไม่มีระบุในคำสั่งของเรา ดังนั้นกิจการนั้นจะถูกผลักไส”
หะดีษบันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 3243
.
ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวเกี่ยวกับผู้ที่แสวงหาแนวทางใหม่จากอิสลามว่า
«مَنْ رَغِبَ عَنْ سُنَّتِي فَلَيْسَ مِنِّي»
ความว่า “ผู้ใดรังเกียจแนวทางของฉัน ดังนั้นเขาไม่ใช่พวกของฉัน”
หะดีษบันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หมายเลข 4675 มุสลิม หมายเลข 2487 อันนะสาอีย์ 3165 อัดดาริมีย์ หมายเลข 2075 และอะห์มัด หมายเลข 6188, 13045, 13230, 13534, 22376.
_
#หลักฐานจากบรรดาสะลัฟ
.
อบูบักร์ อัศศิดดีก ได้กล่าวบนมินบัร หลังจากที่บรรดามุสลิมีนได้มาให้สัตยาบันกับท่านว่า “อนึ่ง อัลลอฮฺทรงเลือกสำหรับเราะสูลของพระองค์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม สิ่งนั้นคือกิตาบุลลอฮฺ (อัลกุรอาน) ที่อัลลอฮฺทรงให้มันเป็นทางนำสำหรับเราะสูลของพวกท่าน ดังนั้นจงยึดมั่นกับมันแล้วท่านจะได้รับทางนำ เพราะแท้จริงอัลลอฮฺทรงให้ทางนำด้วยอัลกุรอานแก่เราะสูลของพระองค์แล้ว”
อบูบักร์ เป็นผู้ปกครองหรือเคาลีฟะฮฺในรัฐอิสลามคนแรกหลังจากที่ท่านศาสนทูตเสียชีวิต เสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺศักราชที่ 13 ศพของท่านฝังอยู่เคียงข้างท่านเราะสูล
รายงานโดยบุคอรีย์ ในกิตาบอัลอิอฺติศอม หมายเลข 6727
.
อบู อัลอาลียะฮฺ กล่าวว่า “พวกท่านจงเรียนรู้เกี่ยวกับอิสลาม เมื่อพวกท่านเรียนรู้มันก็จงอย่าแสวงหาแนวทางอื่นจากมัน และสำหรับพวกท่านคือแนวทางอันเที่ยงตรง ดังนั้นแท้จริงมันคืออิสลาม พวกท่านอย่าได้หันเหออกจากอิสลามคือไปทางซ้ายทีขวาที และสำหรับพวกท่านคือแนวทางของนบีของพวกท่านและเศาะหาบะฮฺของท่าน และท่านจงเกรงกลัวการปฏิบัติตามอารมณ์ ซึ่งมันจะทำให้มนุษย์ต้องเผชิญกับการเป็นศัตรูและความเกลียดชัง...” (al-Lalaka’iy, n.d. : 1/56 ; Ibn Waddah, 1402 : 32)
รอฟิอฺ อิบนฺ มะฮฺรอน อะบู อัลอาลียะฮฺ อัรริยาฮีย์ อยู่ทันในสมัยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เข้ารับอิสลามในวัยหนุ่ม ในช่วงการปกครองของ เคาะลีฟะฮฺอบูบักรฺ มีหลายทัศนะขัดแย้งกันในเรื่องปีตายของเขา แต่ทัศนะส่วนมากมีความเห็นว่าเขาเสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺศักราชที่ 90 (al-‘Asqallani, 1325 : 4/284-286 ; al-Dhahabi, 1402 : 4/207-213)
_____________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น