#นมาซตะรอวีหฺหรือตะหัจญุด
#เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในเดือนเราะมะฎอน
อับดุรเราะหฺมาน บินอับดุลกอรี กล่าวว่า :
เขาได้ไปมัสญิดพร้อมกับท่านอุมัร อิบนิลค็อฏฏ็อบในคืนหนึ่งของเดือนเราะมะฎอน ซึ่งคนทั้งหลายในขณะนั้นแยกกันทำนมาซ โดยบางคนนมาซคนเดียว และบ้างก็นมาซตามกันเป็นหมู่
__
ท่านอุมัรจึงกล่าวว่า :
" แท้จริง ฉันเห็นว่าถ้าได้รวบรวมคนทั้งหลายให้อยู่ภายใต้อิมามคนเดียวจะประเสริฐกว่าและก็ได้ตั้งใจไว้เช่นนั้น "
__
ดังนั้นท่านจึงได้รวบรวมคนเหล่านั้นให้อยู่ภายใต้การเป็นอิมามของท่านอุบัย อิบนิ-กะอฺบิน และเมื่อฉันได้ออกไปพร้อมกับท่านอีกในคืนต่อมา คนทั้งหลายก็ได้นมาซรวมกันโดยมีอิมามคนเดียว คือ อุบัย-อิบนิ-กะอฺบิน(เมื่อได้เห็นภาพเช่นนั้น)
__
ท่านอุมัรจึงกล่าวว่า :
" นี้เป็นบิดอะฮฺดีอย่างหนึ่ง แต่คนที่นอน(แล้วตื่นขึ้นมานมาซ) นั้นดีกว่าคนที่นมาซ(ตอนหัวค่ำ) " หมายถึง คนที่นมาซหลังเที่ยงคืนนั้นดีกว่าคนที่ทำก่อนเที่ยงคืน "
__
อิบนิ หะญัร อัล-อัศเกาะลานี กล่าวว่า :
หะดีษนี้ไม่ปรากฏจำนวนร็อกอะฮฺที่อุบัย อิบนิกะอฺบิน ได้นมาซ โดยเหตุนี้ จึงได้มีทักศนะแตกต่างกัน
__
จากหนังสือหะดีษ " อัล-มุวัตเฎาะอฺ" มุฮัมมัด บิน-ยูสุฟ รายงานจากสาอิบ บิน-ยะซีดว่า :
" อุบัยได้นมาซ 11 ร็อกอะฮฺ(ในฐานะอิมาม) " และสะอฺดิ อิบนิ-มันศูร รายงานเพิ่มเติมจากอีกกระแสหนึ่งว่า :
" เขาเหล่านั้นอ่านกุรอานถึง 200 อายะฮฺถึงกับใช้ไม่ยันพื้น เพราะยืนนาน "
__
มุฮัมมัด บิน-นัศรฺ อัล-มัร วะซี รายงานจาก มุฮัมมัด บิน-อิสฮาก, อีกกระแสหนึ่งกล่าวจาก มุฮัมมัด บิน-ยูสุฟ ว่า :
" 13 ร็อกอะฮฺ " แต่ อับดุร-ร็อซซาก รายงานอีกกระแสหนึ่งจากมุฮัมมัด บิน-ยูสุฟ ว่า " 21 ร็อกอะฮฺ " แต่มาลิกรายงานจากยะซีด บิน-เคาะฟีเศาะฮฺ จากอัส-สาอิบ บิน- ยะซีด ว่า
" 20 ร็อกอะฮฺ "
__
จากอบี มัจญลัซ รายงานจากหนังสือ หะดีษของมุฮัมมัด บิน-นัศรฺ จากสายของมุฮัมมัด บินอิสฮาก กล่าวจากมุฮัมมัด บิน-ยูสุฟ รายงานจากปู่ของเขา อัส-สาอิบ บิน-ยะซีด ว่า
" สมัยอุมัรเราทำนมาซ 13 ร๊อกอะฮฺในเดือนเราะมะฎอน "
และ มุฮัมมัด บิน อิสฮาก เสริมว่า หะดีษนี้มั่นคงที่สุด
ที่ได้ฟังมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะครองจองกับหะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮฺที่รายงานเกี่ยวกับนมาซค่ำคืนของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
_
จากที่กล่าวมานี้ และหลักฐานอื่นๆ เห็นได้ว่า นมาซตะรอวีหฺรวมทั้งวิเตรฺ มีจำนวนแตกต่างกันดังนี้
21 ร็อกอะฮฺ
20 ร็อกอะฮฺ
23 ร็อกอะฮฺ
36 ร็อกอะฮฺ
41 ร็อกอะฮฺ
38 ร็อกอะฮฺ
49 ร็อกอะฮฺ
42 ร็อกอะฮฺ
เหล่านี้ปรากฏใน " ฟัตหุล-บารี (หนังสืออรรถาธิบายหะดีษบุคอรี หน้า 180,181 เล่ม 4)
อันเป็นหนังสืออ้างอิงชั้นนำของวิชาการด้านนี้
_
_
หลักฐานจำนวนนมาซตะรอวีหฺฺ-นมาซตะหัจญุด(ยามดึก)
1. จากอบูดาวูดว่า :
อัล-กอสิม รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ กล่าวว่า :
" ท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) นมาซกลางคืน 10 ร็อกอะฮฺ โดยนมาซวิเตรฺ 1 ร็อกอะฮฺ นมาซสุนนะฮฺ ก่อนฟัจญ์รฺอีก 2 ร็อกอะฮฺรวมเป็น 13 ร็อกอะฮฺ "
_
2. อุรวะฮฺ บิน-อัซ-ซุบัยรฺ รายงานจาก ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ภรรยาท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ว่า
" แน่แท้ ท่านเราะสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) นมาซกลางคืน 11 ร็อกอะฮฺเป็นวิเตรฺ 1 ร็อกอะฮฺ "
_
3. อับดุลอฮฺ บินอบี-ก็อยสฺ ได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮฺว่า :
ท่านเราะสูลุลลอฮฺ นมาซวิเตรกี่ร็อกอะฮฺ ?
ท่านหญิงตอบว่า " ท่านทำสี่กับสาม,หกกับสาม,แปดกับสาม,และสิบกับสาม "
_
4. ท่านอิบนิ อับบาสกล่าวว่า :
"ฉันได้ค้างคืนที่บ้านน้ามัยมูนะฮฺ (ภรรยาของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)) และได้เห็นท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ตื่นขึ้นมานมาซกลางคืน 13 ร็อกอะฮฺ เป็นสุนนะฮฺ ฟัจญ์ร 2 ร็อกอะฮฺ ฉันกะดูการยืนของท่านในทุกร็อกอะฮฺเท่ากับท่านอ่านสูเราะฮฺ อัล-มุซัมมิล จบหนึ่ง "
_
จากหลักฐานที่นำมากล่าว แสดงให้เห็นว่าการทำนมาซค่ำคืน ทั้งในเราะมะฎอนและไม่ใช่เราะมะฎอนนั้น ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้ทำและสืบถึงสมัยเคาะลีฟะฮฺอบูบักร และต้นสมัยของเคาะลีฟะฮฺอุมัรในรูปของเอกเทศว่า มี 11 ร็อกอะฮฺ รวมทั้งวิเตร หรือ 13 ร็อกอะฮฺรวมสุนนะฮฺฟัจญ์ร
_
ดังนั้น ผลสรุปจากนมาซตะรอวีหฺ สมัยท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ที่เรียกว่านมาซค่ำคืนหรือนมาซตะฮัจญุดหรือตะรอวีหฺนั้น บรรดาสาวกได้เห็นท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ทำจึงได้ทำตามแต่ทำได้ 2 หรือ 3 คืนเท่านั้น หลังจากนั้นท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) มิได้ออกมาทำอีก และในคืนที่มิได้ออกมานั้น ได้ทำให้บรรดาสาวกต้องนั่งรอคอยจนถึงเวลาศุบหฺ และเมื่อได้นมาซศุบหฺเสร็จท่านประกาศว่า
_
" ฉันรู้ดีว่าพวกท่านได้นั่งรอคอย แต่ที่ฉันไม่ได้ออกมาก็เพราะหวาดเกรงว่า อัลลอฮฺจะทรงกำหนดนมาซแบบนั้นให้เป็นบทบังคับ ซึ่งจะเป็นภาระหนักแก่ท่านในอนาคต "
_
การที่ท่านมิได้ออกมาทำในที่นี้ หมายถึง งดทำในรูปของนมาซรวม(ญะมาอะฮฺ) แต่มิได้งดทำในรูปของเอกเทศ ดังนั้น นมาซกลางตืน (ตะฮัจญุดหรือตะรอวีหฺ) ยังคงปฏิบัติถึงสมัยเคาะลีฟะฮฺอบูบักร และต้นสมัยของเคาะลีฟะฮฺอุมัร แต่มาสมัยหลัง ท่านอุมัรได้รวบรวมคนทั้งหลายให้นมาซรวมกันอีกโดยให้อุบัย อิบนิ-กะอฺบิน เป็นอิมาม เช่นเดียวกับที่ได้เคยทำในรูปของนมาซรวม (ญะมาอะฮฺ) 2-3 คืนในสมัยท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) และที่ได้เลิกไปก็เพราะเกรงว่าจะถูกกำหนดให้เป็นฟัรฎู แต่เมื่อพ้นจากสภาวะซึ่งอาจถูกกำหนดให้เป็นฟัรฎูได้ผ่านพ้นไปแล้ว ความหวาดเกรงนั้นก็หมดไป อุมัรจึงเห็นว่า ควรรวบรวมคนทั้งหลายให้นมาซรวมกันตามอิมามคนเดียวดังที่ได้ตั้งเจตจำนงไว้ อุมัรจึงกล่าว สดุดีว่า นี่เป็น บิดอะฮฺที่ดี แต่คำนี้มิได้หมายถึงบิดอะฮฺในทางศาสนามตามที่หลายท่านเข้าใจกันว่า จะอุตริ(บิดอะฮฺ) อะไรๆขึ้นในศาสนาก็ทำได้ ไม่ใช่เช่นนั้น
_______
จากหนังสือ นมาซของท่านนบีมุฮัมมัด
(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) หน้า 83-85
ครูอิสมาอีล อะหฺมัด
สมาคมญัมอียะตุลอิสลาม
#เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในเดือนเราะมะฎอน
อับดุรเราะหฺมาน บินอับดุลกอรี กล่าวว่า :
เขาได้ไปมัสญิดพร้อมกับท่านอุมัร อิบนิลค็อฏฏ็อบในคืนหนึ่งของเดือนเราะมะฎอน ซึ่งคนทั้งหลายในขณะนั้นแยกกันทำนมาซ โดยบางคนนมาซคนเดียว และบ้างก็นมาซตามกันเป็นหมู่
__
ท่านอุมัรจึงกล่าวว่า :
" แท้จริง ฉันเห็นว่าถ้าได้รวบรวมคนทั้งหลายให้อยู่ภายใต้อิมามคนเดียวจะประเสริฐกว่าและก็ได้ตั้งใจไว้เช่นนั้น "
__
ดังนั้นท่านจึงได้รวบรวมคนเหล่านั้นให้อยู่ภายใต้การเป็นอิมามของท่านอุบัย อิบนิ-กะอฺบิน และเมื่อฉันได้ออกไปพร้อมกับท่านอีกในคืนต่อมา คนทั้งหลายก็ได้นมาซรวมกันโดยมีอิมามคนเดียว คือ อุบัย-อิบนิ-กะอฺบิน(เมื่อได้เห็นภาพเช่นนั้น)
__
ท่านอุมัรจึงกล่าวว่า :
" นี้เป็นบิดอะฮฺดีอย่างหนึ่ง แต่คนที่นอน(แล้วตื่นขึ้นมานมาซ) นั้นดีกว่าคนที่นมาซ(ตอนหัวค่ำ) " หมายถึง คนที่นมาซหลังเที่ยงคืนนั้นดีกว่าคนที่ทำก่อนเที่ยงคืน "
__
อิบนิ หะญัร อัล-อัศเกาะลานี กล่าวว่า :
หะดีษนี้ไม่ปรากฏจำนวนร็อกอะฮฺที่อุบัย อิบนิกะอฺบิน ได้นมาซ โดยเหตุนี้ จึงได้มีทักศนะแตกต่างกัน
__
จากหนังสือหะดีษ " อัล-มุวัตเฎาะอฺ" มุฮัมมัด บิน-ยูสุฟ รายงานจากสาอิบ บิน-ยะซีดว่า :
" อุบัยได้นมาซ 11 ร็อกอะฮฺ(ในฐานะอิมาม) " และสะอฺดิ อิบนิ-มันศูร รายงานเพิ่มเติมจากอีกกระแสหนึ่งว่า :
" เขาเหล่านั้นอ่านกุรอานถึง 200 อายะฮฺถึงกับใช้ไม่ยันพื้น เพราะยืนนาน "
__
มุฮัมมัด บิน-นัศรฺ อัล-มัร วะซี รายงานจาก มุฮัมมัด บิน-อิสฮาก, อีกกระแสหนึ่งกล่าวจาก มุฮัมมัด บิน-ยูสุฟ ว่า :
" 13 ร็อกอะฮฺ " แต่ อับดุร-ร็อซซาก รายงานอีกกระแสหนึ่งจากมุฮัมมัด บิน-ยูสุฟ ว่า " 21 ร็อกอะฮฺ " แต่มาลิกรายงานจากยะซีด บิน-เคาะฟีเศาะฮฺ จากอัส-สาอิบ บิน- ยะซีด ว่า
" 20 ร็อกอะฮฺ "
__
จากอบี มัจญลัซ รายงานจากหนังสือ หะดีษของมุฮัมมัด บิน-นัศรฺ จากสายของมุฮัมมัด บินอิสฮาก กล่าวจากมุฮัมมัด บิน-ยูสุฟ รายงานจากปู่ของเขา อัส-สาอิบ บิน-ยะซีด ว่า
" สมัยอุมัรเราทำนมาซ 13 ร๊อกอะฮฺในเดือนเราะมะฎอน "
และ มุฮัมมัด บิน อิสฮาก เสริมว่า หะดีษนี้มั่นคงที่สุด
ที่ได้ฟังมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะครองจองกับหะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮฺที่รายงานเกี่ยวกับนมาซค่ำคืนของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม)
_
จากที่กล่าวมานี้ และหลักฐานอื่นๆ เห็นได้ว่า นมาซตะรอวีหฺรวมทั้งวิเตรฺ มีจำนวนแตกต่างกันดังนี้
21 ร็อกอะฮฺ
20 ร็อกอะฮฺ
23 ร็อกอะฮฺ
36 ร็อกอะฮฺ
41 ร็อกอะฮฺ
38 ร็อกอะฮฺ
49 ร็อกอะฮฺ
42 ร็อกอะฮฺ
เหล่านี้ปรากฏใน " ฟัตหุล-บารี (หนังสืออรรถาธิบายหะดีษบุคอรี หน้า 180,181 เล่ม 4)
อันเป็นหนังสืออ้างอิงชั้นนำของวิชาการด้านนี้
_
_
หลักฐานจำนวนนมาซตะรอวีหฺฺ-นมาซตะหัจญุด(ยามดึก)
1. จากอบูดาวูดว่า :
อัล-กอสิม รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ กล่าวว่า :
" ท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) นมาซกลางคืน 10 ร็อกอะฮฺ โดยนมาซวิเตรฺ 1 ร็อกอะฮฺ นมาซสุนนะฮฺ ก่อนฟัจญ์รฺอีก 2 ร็อกอะฮฺรวมเป็น 13 ร็อกอะฮฺ "
_
2. อุรวะฮฺ บิน-อัซ-ซุบัยรฺ รายงานจาก ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ภรรยาท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ว่า
" แน่แท้ ท่านเราะสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) นมาซกลางคืน 11 ร็อกอะฮฺเป็นวิเตรฺ 1 ร็อกอะฮฺ "
_
3. อับดุลอฮฺ บินอบี-ก็อยสฺ ได้ถามท่านหญิงอาอิชะฮฺว่า :
ท่านเราะสูลุลลอฮฺ นมาซวิเตรกี่ร็อกอะฮฺ ?
ท่านหญิงตอบว่า " ท่านทำสี่กับสาม,หกกับสาม,แปดกับสาม,และสิบกับสาม "
_
4. ท่านอิบนิ อับบาสกล่าวว่า :
"ฉันได้ค้างคืนที่บ้านน้ามัยมูนะฮฺ (ภรรยาของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)) และได้เห็นท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ตื่นขึ้นมานมาซกลางคืน 13 ร็อกอะฮฺ เป็นสุนนะฮฺ ฟัจญ์ร 2 ร็อกอะฮฺ ฉันกะดูการยืนของท่านในทุกร็อกอะฮฺเท่ากับท่านอ่านสูเราะฮฺ อัล-มุซัมมิล จบหนึ่ง "
_
จากหลักฐานที่นำมากล่าว แสดงให้เห็นว่าการทำนมาซค่ำคืน ทั้งในเราะมะฎอนและไม่ใช่เราะมะฎอนนั้น ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้ทำและสืบถึงสมัยเคาะลีฟะฮฺอบูบักร และต้นสมัยของเคาะลีฟะฮฺอุมัรในรูปของเอกเทศว่า มี 11 ร็อกอะฮฺ รวมทั้งวิเตร หรือ 13 ร็อกอะฮฺรวมสุนนะฮฺฟัจญ์ร
_
ดังนั้น ผลสรุปจากนมาซตะรอวีหฺ สมัยท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ที่เรียกว่านมาซค่ำคืนหรือนมาซตะฮัจญุดหรือตะรอวีหฺนั้น บรรดาสาวกได้เห็นท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ทำจึงได้ทำตามแต่ทำได้ 2 หรือ 3 คืนเท่านั้น หลังจากนั้นท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) มิได้ออกมาทำอีก และในคืนที่มิได้ออกมานั้น ได้ทำให้บรรดาสาวกต้องนั่งรอคอยจนถึงเวลาศุบหฺ และเมื่อได้นมาซศุบหฺเสร็จท่านประกาศว่า
_
" ฉันรู้ดีว่าพวกท่านได้นั่งรอคอย แต่ที่ฉันไม่ได้ออกมาก็เพราะหวาดเกรงว่า อัลลอฮฺจะทรงกำหนดนมาซแบบนั้นให้เป็นบทบังคับ ซึ่งจะเป็นภาระหนักแก่ท่านในอนาคต "
_
การที่ท่านมิได้ออกมาทำในที่นี้ หมายถึง งดทำในรูปของนมาซรวม(ญะมาอะฮฺ) แต่มิได้งดทำในรูปของเอกเทศ ดังนั้น นมาซกลางตืน (ตะฮัจญุดหรือตะรอวีหฺ) ยังคงปฏิบัติถึงสมัยเคาะลีฟะฮฺอบูบักร และต้นสมัยของเคาะลีฟะฮฺอุมัร แต่มาสมัยหลัง ท่านอุมัรได้รวบรวมคนทั้งหลายให้นมาซรวมกันอีกโดยให้อุบัย อิบนิ-กะอฺบิน เป็นอิมาม เช่นเดียวกับที่ได้เคยทำในรูปของนมาซรวม (ญะมาอะฮฺ) 2-3 คืนในสมัยท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) และที่ได้เลิกไปก็เพราะเกรงว่าจะถูกกำหนดให้เป็นฟัรฎู แต่เมื่อพ้นจากสภาวะซึ่งอาจถูกกำหนดให้เป็นฟัรฎูได้ผ่านพ้นไปแล้ว ความหวาดเกรงนั้นก็หมดไป อุมัรจึงเห็นว่า ควรรวบรวมคนทั้งหลายให้นมาซรวมกันตามอิมามคนเดียวดังที่ได้ตั้งเจตจำนงไว้ อุมัรจึงกล่าว สดุดีว่า นี่เป็น บิดอะฮฺที่ดี แต่คำนี้มิได้หมายถึงบิดอะฮฺในทางศาสนามตามที่หลายท่านเข้าใจกันว่า จะอุตริ(บิดอะฮฺ) อะไรๆขึ้นในศาสนาก็ทำได้ ไม่ใช่เช่นนั้น
_______
จากหนังสือ นมาซของท่านนบีมุฮัมมัด
(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) หน้า 83-85
ครูอิสมาอีล อะหฺมัด
สมาคมญัมอียะตุลอิสลาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น