เขาโกหกว่าการรับความรู้จากอุลามาอฺคือบิดอะฮเฎาะลาละฮของวะฮบีย์
เขาโกหกว่าการรับความรู้จากอุลามาอฺคือบิดอะฮเฎาะลาละฮของวะฮบีย์
ราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน
12 กรกฎาคม เวลา 21:20 น.
บิดอะดอลาละออีกข้อของวาฮาบี
ในอัลกรอานและอัลฮาดิสก็ไม่เคยสอนให้เราปฏิเสธความรู้ของบรรดาผู้รู้ที่เขามีความรู้มากกว่าเราเลย..แต่มี เฉพาะวะฮาบีย์เท่านนั้นที่กล้าละทิ้งในสิ่งนี้...
12 กรกฎาคม เวลา 21:20 น.
บิดอะดอลาละออีกข้อของวาฮาบี
ในอัลกรอานและอัลฮาดิสก็ไม่เคยสอนให้เราปฏิเสธความรู้ของบรรดาผู้รู้ที่เขามีความรู้มากกว่าเราเลย..แต่มี เฉพาะวะฮาบีย์เท่านนั้นที่กล้าละทิ้งในสิ่งนี้...
@@@@
ชี้แจง
ข้างต้น คือการอุปโลกน์วาทกรรมโฆษณาชวนเชื่อเพื่อทำลายความเชื่อถือกลุ่มคนที่เห็นต่างกับตนโดยเอาแบบอย่างนักการเมืองน้ำเน่าที่ทำลายคู่แข่ง
ขอเรียนว่า ไม่มีนักปราชญคนใดที่ถูกฉายาให้เป็นวะฮบีย์ สอนให้ปฏิเสธความรู้ของบรรดานักปราชญ์ เพราะการที่เราสามารถเข้าใจอัลกุรอ่านได้ ก็ต้องอาศัยนักปราชญ์ด้านตัฟสีร เราสามารถเข้าใจอัสสุนนะฮได้ก็ต้องอาศัยนักหะดิษทำหน้าที่อธิบาย เราสามารถเข้าใจวิชา ฟิกฮ และอื่นๆในวิชาการอิสลาม ก็ต้องอาศัยอุลามาอฺเป็นผู้อฎิบายถ่ายทอดมาทั้งนั้น
แต่ ..ทีอุลามาอฺที่ถูกฉายาให้เป็นวะฮบีย์ห้ามคือ การทำชิริก ,ห้ามอุตริบิดอะฮในศาสนา และห้ามเชื่อตามในเรื่องศาสนาโดยปราศจากหลักฐาน
ขอเรียนว่า ไม่มีนักปราชญคนใดที่ถูกฉายาให้เป็นวะฮบีย์ สอนให้ปฏิเสธความรู้ของบรรดานักปราชญ์ เพราะการที่เราสามารถเข้าใจอัลกุรอ่านได้ ก็ต้องอาศัยนักปราชญ์ด้านตัฟสีร เราสามารถเข้าใจอัสสุนนะฮได้ก็ต้องอาศัยนักหะดิษทำหน้าที่อธิบาย เราสามารถเข้าใจวิชา ฟิกฮ และอื่นๆในวิชาการอิสลาม ก็ต้องอาศัยอุลามาอฺเป็นผู้อฎิบายถ่ายทอดมาทั้งนั้น
แต่ ..ทีอุลามาอฺที่ถูกฉายาให้เป็นวะฮบีย์ห้ามคือ การทำชิริก ,ห้ามอุตริบิดอะฮในศาสนา และห้ามเชื่อตามในเรื่องศาสนาโดยปราศจากหลักฐาน
ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ถือว่าวิชาความรู้คือแหล่งการสืบทอดมรดกจากบรรดานบี ท่านได้กล่าวไว้ว่า
إِنَّ الْعُلَمَاءَ وَرَثَةُ الأَنْبِيَاءِ وَإِنَّ الأَنْبِيَاءَ لَمْ يُوَرِّثُوْا دِيْنَارًا وَلاَدِرْهَمًا ، وَإِنَّمَا وَرْثُوا العِلْم ، فَمَنْ أَخَذَهُ أَخَذَ بِحَظِّ وَافِر
ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้รู้เป็นผู้สืบทอดมรดกจากบรรดานบี และแท้จริงบรรดานบีนั้นมิได้มอบมรดกให้เป็นดีนารหรือดิรฮัม(เป็นเงิน) แต่ทว่าได้มอบมรดกให้เป็นวิชาความรู้ ดังนั้นผู้ใดได้รับมรดกนั้น เขาจะได้รับโชคลาภอย่างมหาศาล”- อัลบุคอรีย์ 268
คำว่า "บรรดาผู้รู้เป็นผู้สืบทอดมรดกจากบรรดานบี" หมายถึงการสืบทอดความรู้และสุนนะฮของท่านนบี ศอ็ลฯ แล้วถ้าอุตริบิดอะฮขึ้นมา จะเรียกว่า สืบทอดมรดกนบีได้อย่างไร?
قَالَ أَبُو حَاتِمٍ رَضِيَ الِلَّهِ عَنْهُ : فِي هَذَا الْحَدِيثِ بَيَانٌ وَاضِحٌ أَنَّ الْعُلَمَاءَ الَّذِينَ لَهُمُ الْفَضْلُ الَّذِي ذَكَرْنَا ، هُمُ الَّذِينَ يُعَلِّمُونَ عِلْمَ النَّبِيِّ صَلَّى الِلَّهِ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ، دُونَ غَيْرِهِ مِنْ سَائِرِ الْعُلُومِ ، أَلا تَرَاهُ يَقُولُ : " الْعُلَمَاءُ وَرَثَةُ الأَنْبِيَاءِ " وَالأَنْبِيَاءُ لَمْ يُوَرِّثُوا إِلا الْعِلْمَ ، وَعِلْمُ نَبِيِّنَا صَلَّى الِلَّهِ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ سُنَّتُهُ ، فَمَنْ تَعَرَّى عَنْ مَعْرِفَتِهَا لَمْ يَكُنْ مِنْ وَرَثَةِ الأَنْبِيَاءِ .
อบูหาติม บิน หิบบาน (ร.ฎ)กล่าวว่า ในหะดิษนี้ คือการอธิบายอย่างชัดเจนว่า บรรดาอุลามาอฺ ที่พวกเขาได้รับเกียรติ ที่เราได้กล่าวถึงพวกเขาคือ บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามความรู้ของนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ใช่บรรดาความรู้อื่นจากความรู้ท่านนบี ,ท่านไม่เห็นหรอกหรือว่า "ท่านนบีกล่าวว่า (แท้จริงบรรดาผู้รู้เป็นผู้สืบทอดมรดกจากบรรดานบี) และบบรรดานบีนั้น พวกเขาจะไม่มอบมรดก(แก่ผู้ใด) นอกจากความรู้ และความรู้ของนบีของเรานั้น คือ สุนนะฮของท่านนบี ดังนั้น ผู้ใดห่างใกลจากการรู้จักมัน(หมายถึงรู้จักสุนนะฮนบี) เขาก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งจาก ทายาทบรรดานบี - เศาะเฮียะอิบนุหิบบาน ๑/๒๘๙ กิตาบุลอิลมิ
จากคำอธิบายของอิบนุหิบบานข้างต้นสรุปว่า
๑.บรรดาอุลามาอฺหรือผู้รู้ที่ได้รับเกียรติให้เป็นทายาทบรรดานบีคือ บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามความรู้ของท่านนบี
๒. ความรู้ของท่านนบี คือ สุนนะฮของท่านนบี
๓. บรรดาผู้รู้ที่ไม่รู้จักสุนนะฮนบี พวกเขาไม่ใช่ทายาทบรรดานบี
๒. ความรู้ของท่านนบี คือ สุนนะฮของท่านนบี
๓. บรรดาผู้รู้ที่ไม่รู้จักสุนนะฮนบี พวกเขาไม่ใช่ทายาทบรรดานบี
เพราะฉะนั้น ที่วะฮบีย์ไม่ตามอุลลามาอฺคือ อุลามาอฺที่สอนและสนับสนุนให้ทำบิดอะฮ ซึงไม่ใช่ความรู้จากนบี และนี่คือสาเหตุที่ถูก โจมตีว่า "วะฮบีย์ไม่ตามอุลามาอฺ"
ท่านอิหม่ามชาฟิอี(ร.ฮ)กล่าวเตือนเรื่องการเชื่อตามผู้รู้ว่า
وقال يونس بن عبد الأعلى : قلت للشافعي ، رضي الله عنه : إن صاحبنا ، يعني : الليث بن سعد ، كان يقول : إذا رأيتم الرجل يمشي على الماء فلا تغتروا به حتى تعرضوا أمره على الكتاب والسنة ، فقال : قصر رحمه الله ، بل إذا رأيتم الرجل يمشي على الماء ، ويطير في الهواء ، فلا تغتروا به ، حتى تعرضوا أمره على الكتاب والسنة.
และแท้จริง ยูนูส บิน อับดิลอะลาอัศเศาะดะฟีย์ กล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้กล่าวแก่ ชาฟิอีว่า แท้จริงสหายของเราคือ อัลลัยษฺ บิน สะอีด กล่าวว่า เมื่อพวกท่านเห็นคนหนึ่งคนใด สามารถเดินบนน้ำได้ ท่านอย่าได้หลงเชื่อกับเขาผู้นั้น จนกว่าท่านจะนำพฤติกรรมและการปฏิบัติของเขา มาเทียบเคียงกับอัลกุรอานและสุนนะฮฺก่อน
แล้วชาฟิอี กล่าวว่า ท่านอัลลัยษฺ (ร.ฮ) ยังกล่าวไม่ครบถ้วน แต่ทว่า เมื่อพวกท่านเห็นคนหนึ่งคนใด สามารถเดินบนน้ำได้และเหาะเหิน บน อากาศได้ ท่านอย่าได้หลงเชื่อกับเขาผู้นั้น จนกว่าท่านจะนำพฤติกรรมและการปฏิบัติของเขา มาเทียบเคียงกับอัลกุรอานและสุนนะฮฺก่อน- ดูเฎาะบะกอตอัชชาฟิอียะฮ เล่ม 1 หน้า 64 เรื่อง
แล้วชาฟิอี กล่าวว่า ท่านอัลลัยษฺ (ร.ฮ) ยังกล่าวไม่ครบถ้วน แต่ทว่า เมื่อพวกท่านเห็นคนหนึ่งคนใด สามารถเดินบนน้ำได้และเหาะเหิน บน อากาศได้ ท่านอย่าได้หลงเชื่อกับเขาผู้นั้น จนกว่าท่านจะนำพฤติกรรมและการปฏิบัติของเขา มาเทียบเคียงกับอัลกุรอานและสุนนะฮฺก่อน- ดูเฎาะบะกอตอัชชาฟิอียะฮ เล่ม 1 หน้า 64 เรื่อง
فصل في ذكر أوصافه الجميلة ، وشمائله وأخلاقه الفضيلة
...........
ไม่มีใครห้ามตามอุลามาอฺอย่างที่คุณ ราชสีห์ ผู้ภักดีของแผ่นดิน อ้างเท็จ ให้ร้ายวะฮบีย์ แต่ที่เขาเตือนให้ระวังคือ ให้ตามอย่างมี สติ ตามในสิ่งที่สอดคล้องกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ไม่คลั่งใคล้อุลามาอฺจนเลยเถิด แบบหน้ามืดตามัวแล้วเชื่อตามทุกคำพูดและความเห็น โดยปราศจากหลักฐานที่ถูกต้องอ้างอิง
والله أعلم بالصواب
.
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/7/60
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/7/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น