ข้อชี้แจงเกี่ยวกับการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ (มุรีด ทิมะเสน)
ท่านนบีเคยอ่านอัล-กุรอานที่กุบูรฺหรือไม่ ?
จากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า
ชายผิวดำหรือหญิงผิวดำคนหนึ่งที่เคยปัดกวาดมัสญิดสิ้นชีวิต
ท่านนบีไม่ทราบเกี่ยวกับการสิ้นชีวิตของเขา
วันหนึ่งท่านนบีนึกถึง(ผู้ปัดกวาดมัสญิด) ผู้นั้น
ท่านจึงเอ่ยถามขึ้นว่า
คนนั้นทำอะไรอยู่ที่ไหน ?
พวกเขาตอบว่า เขาสิ้นชีวิตไปแล้ว
ท่านนบีกล่าวต่อว่า
ทำไมพวกท่านจึงไม่บอกฉัน
พวกเขาจึงกล่าวในทำนองนั้นทำนองนี้
บอกเป็นเรื่องราวที่ถือเป้นเรื่องต่ำต้อย
ท่านจึงบอกว่า
จงพาฉันไปที่หลุมฝังศพของเขา
ท่าน อบู ฮุร็อยเราะฮฺกล่าวต่อว่า
ท่านได้ไปที่หลุมฝังศพของเขา
และท่านนบีได้นมาซ(ญะนาซะฮฺ) ให้แก่เขา
(บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษที่ 1251 บท ญะนาซะฮฺ)
__
หะดีษข้างต้นเป็นหลักฐานบอกให้รู้ว่าท่านนบี มุหัมมัด เคยอ่าน อัล-กุรอานที่กุบูรฺขณะนมาซญะนาซะฮฺ
เพราะในตักบีรฺแรกขอองการนมาซญะนาซะฮฺมีสุนนะฮฺให้อ่านสูเราะฮฺอัล-ฟาติหะฮฺ ดังที่ท่านอิบนุอับบาส
กล่าวไว้ว่า
"แท้จริง ท่านรสูลุลลอฮฺนมาซและออ่านในนมาซญะนาซะฮฺด้วยสูเราะฮฺฟาติหะฮฺ"
(บันทึกโดยติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 947 บท ญะนาซะฮฺ)
ท่านอับดุลลอฮฺ บุตรของเอาวฺส กล่าวว่า
" ฉันเคยนมาซญะนาซะฮฺร่วมกับท่านอิบนุ อับบาส (ซึ่งในครั้งนั้นท่านอิบนุ อับบาส ) อ่านสูเราะฮฺฟาติหะฮฺ
เขากล่าวว่า ดังกล่าวเป็นสุนนะฮฺ (ของท่านนบีมุหัมมัด)
(บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 1249 บท ญะนาซะฮฺ ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 947 บท ญะนาซะฮฺ
นะสาอีย์ หะดีษ 1961 บท ญะนาซะฮฺ อบู ดาวูด หะดีษที่ 2783 บท ญะนาซะฮฺ)
ส่วนการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺซึ่งนอกเหนือจากที่ปรากฏในการนมาซญะนาซะฮฺ ไม่พบหลักฐานนบีมุหัมมัดกระทำ,
สั่งใช้ให้กระทำหรือยอมรับการกระทำดังกล่าว แม้เพียงหลักฐานเดียวก็ตาม
หลักฐานที่ไม่อนุญาตให้อ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ
หลักฐานที่ 1
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า
" พวกท่านอย่าทำให้บ้านของท่านเป็นกุบูรฺ แท้จริงชัยฎอนจะวิ่งหนีออกจากบ้านหลังที่สูเราะฮฺบะเกาะเราะฮฺถถูกอ่านในบ้านหลังนั้น
( บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 1300 บทการนมาซของผู้เดินทาง
ติรฺมิซีย์ บทที่ 2802 บทความประเสริฐของอัล-กุรฺอาน
อัดดาริมีย์ หะดีษที่ 3358 )
หลักฐานข้างต้นชัดเจนว่า ท่านนบีมุหัมมัดกำชับมิให้บรรดามุสลิม
ทำให้บรรยากาศภายในบ้านเป็นเสมือนกุบูรฺด้วยการไม่อ่าน อัล-กุรฺอาน
เพราะที่กุบูรฺไม่มีการอ่านอัล-กุรฺอาน
ดังนั้นบ้านมุสลิมหลังใดที่ไม่มีเสียงอ่าน อัล-กุรฺอาน
บ้านหลังนั้นก็ไม่แตกต่างจากกุบูรฺ
อิกทั้งการอ่านอัล-กุรอานในบ้าน
ยังเป็นการขับไล่ไส่ส่งเหล่ามารร้ายชัยฏอนมิให้อาศัยในบ้านหลังนั้นอีกด้วย
หลักฐานที่ 2
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า
"พวกท่านจงนมาซในบ้านของพวกท่านและอย่าทำให้บ้านของพวกท่านเป็นเสมือนกุบูรฺ"
(บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 414 บทการนมาซ
มุสลิม หะดีษที่ 1297 บทการนมาซเดินทาง
อบูดาวูด หะดีษที่ 1236 บทการนมาซ
ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 413 บทการนมาซ
นะสาอีย์ หะดีษที่ 1580 บทการนมาซเวลากลางคืนและการนมาซสุนนะฮฺในเวลากลางวัน)
หลักฐานที่ 3
ท่านหญิงอาอิชะฮฺเล่าว่า
ฉันเคยถามท่านรสูลุุลลอฮฺว่า ฉันจะกล่าวให้แก่พวกเขา(ชาวกุบูรฺ) อย่างไร ?
ท่านรสูล กล่าวว่า เธอจงกล่าวว่า
"อัสสะลามุ อะลา อะฮฺลิดดิยารฺ มินัลมุฮฺมินีน วัลมุสลิมีน, วะยัรฺหะมุลลอฮุล มุสตักฺดิมีน มินนา วัลมุสตะฮฺคิรีน
, วะอินนะ อินชาอัลลอฮุ บิกุมลาหิกูน"
ความว่า
"ขอความสันติสุขจงมีแด่ข่าวเคหะแห่งนี้(ชาวกุบูรฺ)ทั้งที่เป็นบรรดามุอฺมินและบรรดามุสลิม และขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาแด่บรรดาผู้ล่สงลับไปแล้ว และบรรดาผู้ที่อยู้รั้งหลังในหมู่พวกเรา และหากพระองค์อัลลอฮฺทรงประสงค์ เราจะติดตามไปหาพวกท่าน"
(บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 1619 บทญะนาซะฮฺ
นะสาอีย์ หะดีษที่ 2010 บทญะนาซะฮฺ
อะหฺมัด หะดีษที่ 24871)
หะดีษข้างต้นได้กล่าวยืนยันชัดเจนอีกว่า หาดอิสลามมีบทบัญญัติอนุญาตหรือส่งเสริมให้อ่านอัล-กุรฺอานที่กูบูรฺ
ไฉนเลยท่านนบีมุหัมมัดจึงไม่บอกให้ท่านหญิงอาอิชะฮฺอ่านอัล-กุรฺอาน สูเราะฮฺนั้น หรือ อายะฮฺนี้ เมื่อถูกถาม
จากนางว่าจะให้กล่าวอะไรขณะไปเยี่ยมกุบูรฺ แต่ท่านนบีมุหัมมัด กลับตอออนนางโดยให้นางกล่าวสลามและอ่านดุอาอฺ
(ดังสำนวนหะดีษ) นี่คือหลักฐานที่ชี้ชัดได้เลยว่าการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺมิใช่บทบัญญัติของศาสนา
เพราะหากเป็นบทบัญญัติแล้วไซร้ท่านนบีมุหัมมัดจะต้องกำชับให้ท่านหญิง อาอิชะฮฺอ่านอัล-กุรฺออานในกุบูรฺแล้ว
หลักฐานที่ 4
จากท่านอุษมาน บุตรขอองอัฟฟาน เล่าว่า
" เมื่อท่านนบีมุหัมมัดเสร็จสิ้นจากการฝังผู้ตาย ท่านนบีได้ยืนอยู่ที่หลุมศพของเขา
พลางกล่าวว่าพวกท่านจงขออภัยโทษ(ต่อพระองค์อัลลอฮฺ)ให้แก่พี่น้องของพวกท่าน (หมายถึงผู้ตาย)
และพวกท่านจงขอความมั่นคง(ในคำตอบ)ของเขา แท้จริงขณะนี้เขากำลังถูกสอบถาม "
(บันทึกโดย อบู ดาวูด หะดีษที่ 2804 บทญะนาซะฮฺ)
หะดีษข้างต้นก็เช่นกัน ท่านนบีมุหัมมัดได้สอนบรรดาเศาะหาบะฮฺให้ขอดุอาอฺ และขอให้ผู้ตายได้ตอบคำถามของมลาอิกะฮฺในกุบูรฺได้ออย่างหนักแน่นมั่นคง ซึ่งท่านนบีเองก็มิได้สั่งให้บรรดาเศาะหาบะฮฺอ่านอัล-กุรอานเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่พบหะดีษที่กล่าวอ้างสนับสนุนให้มีการอ่านอัล-กุรฺอานในกุบูรฺเลยแม้เพียงหะดีษเดียวก็ตาม
หลักฐานที่อนุญาตให้อ่านอัล-กุรฺอาน
ที่กุบูรฺ
หลักฐานที่ 1
ดับละมีย์ > อับดุลลอฮฺ บุตรของอะหฺมัด > อะหฺมัด บุตรของอามิรฺ > อลีย์ บุตรของมูสา > มูสา บุตรของญะอฺฟัรฺ > ญะอฺฟัรฺ บุตรของมุหัมมัด > มุหัมมัด บุตรของอฺลีย์ > อลีย์ บุตรของหุสัยน์ > หุสัยน์ บุตรของอฺลีย์ > อฺลีย์ บุตรของอับดุลมุฎเฎาะลิบ > ท่านนบี มุฮัมมัด กล่าวว่า
"บุคคลใดก็ตามที่เดินผ่านกุบูรฺ จากนั้นเขาอ่าน กุลฮุวัลลอฮุอะหัด (จนจบ) ถึงสิบเอ็ดครั้ง จากนั้นเขาได้อุทิศผลบุญ(การอ่าน)
ของเขาให้แก่บรรดาผู้ที่เสียชีวิต(การกระทำเช่นนั้น) เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับจำนวนผู้เสียชีวิต(ในกุบูรฺแห่งนั้น)"
(หนังสือ"ฟิรฺเดาสุลอัคบารฺ " เล่ม 4 หน้า 38 หะดีษที่ 5609 และ "หะดีษเฎาะอีฟ " เล่ม 3 หน้า 452-453 หะดีษที่ 1690)
หะดีษข้างต้นเป็นหะดีษ "เมาฎูอฺ" ด้วยสาเหตุต่อไปนี้
1. ท่านอับดุลลอฮฺ บุตรของอะหฺมัด เป็นจอมโกหก
2. ท่านอะหฺมัด บุตรของอามิรฺ เป็นจอมโกหก
(ดูรายละเอียดจากหนังสือ "หะดีษเฎาะอีฟ" เล่ม 3 หน้า 452-453 หะดีษที่ 1690)
หลักฐานที่ 2
ษะอฺละบีย์ > มุหัมมัด บุตรของอะหฺมัด อัรฺเราะยาฮีย์ > อะหฺมัด อัรฺเราะยาฮีย์ > อัยยูบ บุตรของมุดร็อก > อบู อุบัยดะฮฺ > อัลหะสัน > อนัส บุตรของมาลิก > ท่านรสูลุลลอฮฺ กล่าวว่า
" บุคคลใดก็ตามที่เข้ากุบูร จากนั้นเขาอ่านสูเราะฮฺยาสีน (แน่นอนยิ่ง) โทษทัณฑ์ของผู้ตายในวันนั้นจะถูกลดหย่ออนลง และสำหรับเขา(หมายถึงผู้อ่านสูเราะฮฺยาสีน) จะได้รับความดีงามเท่ากับจำนวนของผู้ตายที่อยู่ในกุบูรฺ "
หะดีษข้างต้นเป็นหะดีษ "เมาฎูอฺ" ซึ่งเป็นสาเหตุดังนี้
1. นักรายงานหะดีษที่ชื่อ อบู อัยยุบ เป็นจอมโกหก (กัซซาบ)
2. ท่านอบู อุบัยดะฮฺ เป็นบุคคลที่ไม่ถูกรู้จัก (มัจญ์ฮูล)
3. ท่านอะหฺมัด ออัรฺเราะยาฮีย์ เป็นบุคคุลที่ไม่ถูกรู้จัก (มัจญ์ฮูล)
(ดูรายละเอียดจากหนังสือ "หะดีษเฎาะอีฟ" เล่ม 3 หน้า 397-398 หะดีษที่ 1246)
หลักฐานที่ 3
อับดุลเฆาะนีย์ ออัลมุก็อดดะสีย์ > อบู มัสอูดฺ ยะซีด บุตรของคอลิก > อัมร์ บุตรของยะซีด > ยะห์ยา บุตรขอองสุลัยม์ อัฎฎออิฟีย์> ฮิชาม บุตรของอุรฺวะฮฺ > อุรฺวะฮฺ บุตรของอัซซุบัยร์ > ท่านหญิงอาอิชะฮฺ > อบู บักรฺ > ท่านรสูลุลลอฮฮฺ กล่าวว่า
" บุคคลใดก็ตามที่ไปเยี่ยมกุบูรฺพ่อแม่ของเขาทุกๆ วันศุกร์ จากนั้นเขาก็อ่านสูเราะฮฺยาสีนให้แก่ทั้งสองหรือบุคคลหนึ่งจากทั้งสอง เช่นนั้นเขาผู้อ่าน) จะได้รับการอภัยโทษเท่ากับทุกอายะฮฺ หรือ ทุกๆ ตัวอักษร (ของสูเราะฮฺยาสีน)
(หนังสือ "เฎาะอีฟ" อัลบานีย์ เล่ม 1 หน้า 66-67 )
หะดีษข้างต้นเป็นหะดีษ "เมาฎูอฺ" ซึ่งมีสาเหตุดังนี้
1. ยะหฺยา บุตรของสุลัยม์ อัฎฎออิฟีย์ เป็นผู้พูดจริง แต่เป็นผู้ที่มีความจำไม่ดี สิ้นชีวิตเมื่อปี ฮ.ศ. ที่ 93
("ตักฺรีบุต ตะฮฺซีบ" หน้า 591 )
2. ฮิชามบุตรของอุรฺวะฮฺ บุตรของชุบัยร์ บุตรของอัลเอาวาม อัลอะสะดีย์ เป็นผู้ที่เชื่อถือได้ และเป็นผู้ที่เข้าใจศาสนา
แต่บางครั้งก็ปิดบังอำพราง สิ้นชีวิตเมื่อปี ฮ.ศ. ที่ 45 หรือ 46 ("ตักฺรีบุต ตะฮฺซีบ " หน้า 573)
หลักฐานที่ 4
บัยหะกีย์ > อบู อับดุลลอฮฺ อัลหาฟิซ > อบู ออับบาส มุหัมมัด บุตรของยะฮฺกูบ > อัลอับบาส บุตรของมุหัมมัดเล่าว่า
ฉันเคยถามท่านยะหฺยาบุตรของมะอีนเกี่ยวกับการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ เขากล่าวตอบว่า ท่านมุบชิรฺ บุตรของอิสมาอีล อัลหุบัลย์
จากท่านอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรของอัลอะลาอ์ บุตรของลัจลาญ์ จากบิดาของเขากล่าวแก่บุตรของเขาว่า
"เมื่อพวกท่านหย่อนฉันลงในกุบูรฺของฉัน จงวางฉันในหลุมศพ และพวกท่านจงกล่าวดุอาอฺว่า บิสมิลละฮิ วะอะลาสุนนะติเราะสูลิลลาฮิ
(ความว่า ด้วยพระนามของพระอองค์อัลลอฮฺ และบนแนวทางของท่านรสูลุลลฮฺ) "
และพวกท่านจงทำดินให้เรียบแก่ฉัน จากนั้นพวกท่านจงอ่านช่วงแรกและช่วงสุดท้ายของสูเราะฮฺบะเกราะเราะฮฺบริเวณศรีษะของฉัน
แท้จริง ฉันเห็นอิบนุ อุมัรฺ ส่งเสริมให้กระทำเช่นนั้น"
( บันทึกโดยบัยหะกีย์ หะดีษที่ 7068 บทว่าด้วยสิ่งที่นำมาในการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ เล่ม 4 หน้า 93 )
หะดีษข้างต้นถือว่าเฎาะอีฟ ซึ่งมีสาเหตุดังนี้
1. นักรายงานหะดีษที่ชื่อ อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรของอัลอะลาอ์ บุตรของลัจลาญ์ (เดิมคือ อัลหะลาจญ์) เป็นบุคคลที่ผิดพลาด
และ ไม่เป็นที่รู้จัก
("อะห์กามุลญะซาอิซ" หน้า 192)
2. หากว่าสายสืบหะดีษข้างต้นถูกต้องก็ถือว่าเป็นหะดีษ " เมากูฟ " หมายถึงสายสืบหะดีษสิ้นสุดที่เศาะหาบะฮฺ กล่าวคือ ไม่ถถึงท่านนบีมุหัมมัดเช่นนี้ หะดีษข้างต้นจึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงในทางปฏิบัติได้ "
หลักฐานที่ 5
อิบนุ อบีชัยบะฮฺ > หิฟศ์ บุตรของฆิยาษ > อัลมุญาลิด > อัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า
"ปรากฏว่าชาวอันศอรฺเคยอ่านสูเราะฮฺบะเกราะเราะฮฺให้แก่ผู้ตาย"
(อิบนุ อบีชัยบะฮฺ เล่มที่ 2 หน้า 445 หะดีษทื่ 10848, ดูหนังสือ " อะหฺกามุลญะนาอิซ " หน้า 193)
หะดีษข้างต้นถือว่าเฎาะอีฟ เนื่องจากนักรายงานหะดีษที่ชื่ออัลมุญาลิด คือ ท่านอิบนุ สะอีด บุตรของอุมัยร์ อัลฮัมดานีย์
ซึ่งท่านหาฟิซได้กล่าวไว้ในหนังสือ " อัตตักรีบฺ " หน้า 520 ว่า เขาเป็นบุคคลที่เชื่อถือไม่ได้เนื่องจากเขามักจะเปลี่ยนคำพูดในช่วงปลายชีวิต เขาสิ้นชีวิตเมื่อปี ฮ.ศ. ที่ 44
หลักฐานที่ 6
ท่านอัลค็อลลาล กล่าวว่า ท่านอัลหะสัน บุตรขอองอะหฺมัด อัลวัรฺรอก ได้รับรายงานจากท่านอลีย์ บุตรของมูสา อัลหัดดาด
(เขาเป็นผู้ที่เชื่อถือได้) กล่าวว่า
" ฉันเคยอยู่ร่วมกับท่านอะหฺมัด บุตรของฮัมบัล (อิมามฮัมบะลีย์) และท่านมุหัมมัด บุตรของกุดามะฮฺ อัลเญาฮะรีย์ ในพิธีศพ
เมื่อผู้ตายถูกฝังเสร็จสิ้น ชายตาบอดผู้หนึ่งกำลังอ่าน (อัล-กุรอาน) ที่กุบูรฺ ท่านอะหฺมัดจึงกล่าวแก่เขาว่า
โอ้พ่อหนุ่ม แท้จริงการอ่านอัล-กุรอานในกุบูรฺเป็นบิดอะฮฺ ! (อุตริกรรมทางด้านศาสนา) ดังนั้น เมื่อพวกเราเดินออกจากกุบูรฺ
ท่านมุหัมมัด บุตรของกุดามะฮฺ จึงกล่าวแก่ท่านอะหฺมัด บุตรของฮัมบัลว่า โอ้พ่อของอัลลอฮฺ ! ท่านมีความเห็นเป็นเช่นไร
เกี่ยวกับท่านมุบชิรฺ อัลหะละบีย์ เขากล่าวตอบว่า
เขาเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ เขากล่าวต่อว่า ท่านบันทึกสิ่งใดจากเขากระนั้นหรือ ?
เขากล่าวว่า
ถูกต้องแล้ว ท่านมุบชิรฺเล่าให้ฉันฟังว่า
เขาได้รับรายงานจากท่านอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรของอัลอะลาอ์ บุตรของอัลลัขลาญ์ จากพ่อของเขา
แท้จริงเขาสั่งเสียไว้ว่า เมื่อเขาถูกฝังให้อ่านช่วงแรกและช่วงสุดท้ายของสูเราะฮฺบะเกาะเราะฮฺตรงบริเวณศรีษะของเขา และเขากล่าวว่า
ฉันได้ฟังท่านอิบนุ อัมรฺสั่งเสียไว้เช่นั้นเช่นกัน (เมื่อท่านอะหฺมัดได้ฟังเช่นนั้น) เขาจึงกล่าวแก่ท่านมุหัมมัดว่า ท่านจงกลับไป พร้อมกับกล่าวแก่ชายผู้นั้นว่า เขาจงอ่าน (อัล-กุรอาน) ต่อไปเถิด "
ตัวบทข้างต้นไม่สามารถจะนำมาอ้างเป็นหลักฐานได้เลยแม้แต่น้อย เพราะมีข้อบกพร่องอยู่หลายประการดังนี้
1. ท่านออัลหะสัน บุตรของอะหฺมัด อัลวัรฺรอก ไม่ถูกพบจากการเป็นนักรายงานหะดีษ
2. ท่านอลีย์ บุตรของมูสา อัลหัดดาด ไม่เป็นที่รู้จัก
3. ท่านอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรของอัลอะลาอ์ บุตรของอัลลัจลาญ์ ทั้งสองไม่เป้นที่รู้จัก ("อะหฺกามุลญะนาอิซ " หน้า 192)
หลักฐานที่ 7
อะหฺมัด > อฺลีย์ บุตรของอิสหาก > อับดุลลอฮฺ บุตรของอัลมุบาร็อก > ยะหฺยา บุตรของออัยยูบฺ > อุบัยดุลลอฮฺ บุตรของชะฮฺริ
> อฺลีย์ บุตรของชัยด์ บุตรของญุดอาน > อัลกอสิม อบู อับดุรฺเราะหฺมาน > อบู อุมามะฮฺ กล่าวว่า
" เมื่อศพของนางอุมมุ กัลษูม บุตรของท่านรสูลุลลอฮฺถูกวางลงในหลุมฝังศพ ท่านรสูลก็กล่าวว่า มินฮาเคาะลักฺนากุม , วะฟีฮา นุอีดุกุม , วะ มินฮา นุคฺริญุกุมตาเราะตันอุคฺรอ (ความว่า จากแผ่นดินเราได้สร้างสูเจ้าและจากแผ่นดินนั้น เราได้ทำให้สูเจ้ากลับคืนไป
และแผ่นดินนั้น เราจะให้สู้เจ้ากลับออกมาอีกครั้งหนึ่ง )
( สูเราะฮฺฎอฮา : 55 )
( บันทึกโดยอะหฺมัด หะดีษที่ 21163)
หลักฐานที่ถูกอ้างว่าอนุญาตให้อ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺได้
หลักฐานที่ 1
จากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ท่านรสูลุลลฮฺ กล่าวว่า
" กลุ่มชนหนึ่งที่รวมอยู่ในบ้านหลังหนึ่งจากบรรดาบ้านของพระองค์ อัลลอฮฺ (หมายถึง มัสญิด) พวกเขาอ่านคัมภีร์ของอัลลอฮฺ
(หมายถึง อัลกุรฺ-อาน) และพวกเขาต่างศึกาาคัมภีรฺอัล-กุรฺอานในระหว่างพวกเขา เช่นนั้น ความสงบจะถูกประทานมายังพวกเขา ความเมตตาจะปกคลุมพวกเขา มลาอิกะฮฺจะห้อมล้อมพวกเขา และพระองค์อัลลอฮฺทรงรำลึกถึงพวกเขา(หมายถึงให้ความเมตตา ให้ความคุ้มครอง) ตราบเท่าที่บุคคลหนึ่งรำลึกถึงพระองค์
( บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 4867 บทการรำลึกและการขอดุอาอฺ
ติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 2869 บทว่าด้วยการอ่าน
อบู ดาวูด หะดีษที่ 1243 บทการนมาซ
อิบนุ มาญะฮฺ หะดีษที่ 221 บทมารยาท
อะหฺมัด หะดีษที่ 7118)
ในกุบูรฺ สิ่งดังกล่าวก็จะถูกประทานลงมาเช่นกัน
ผู้เขียนขอชี้แจงคำกล่าวอ้างข้างต้นดังนี้
ท่านอิมามนะวะวีย์ อธิบายหะดีษข้างต้นไว้ว่า
" หะดีษข้างต้นถือว่าเป็นหลักฐานที่กล่าวอ้างถึงความประเสริฐในการรวมกลุ่มกันอ่านอัล-กุรฺอานในมัสญิด"
ซึ่งเป็นทัศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่เพราะหะดีษข้างต้นระบุออย่างชัดเจนถึงกลุ่มคนที่อ่านและศึกษา อัลกุรฺอานในมัสญิดหรือบ้าน
ของพระองค์อัลลฮฺ นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า หะดีษข้างต้น เจาะจงว่าเป็นมัสญิดเท่านั้น ดังนั้น การกล่าวอ้างว่าหะดีษข้างต้นเป็นหลักฐานอนุญาตให้อ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺจึงถือว่าเป็นโมฆะ
อาจจะมีผู้อ้างอีกว่า ถ้าเช่นนั้น หะดีษบทหนึ่งเล่าโดยอบู สะอีดที่กล่าวไว้ว่า
" กลุ่มชมหนึ่งที่นั่งร่วมกันรำลึกถถึงพระองค์อัลลอฮฺ เช่นนั้นมลาอิกะฮฺจะห้อมล้อมพวกเขา และความเมตตาจะปกคลุมพวกเขา
และความสงบจะถูกประทานมายังพวกเขา พระองค์อัลลอฮฺทรงรำลึกถึงพวกเขา (หมายถึงให้ความเมตตาให้ความคุ้มครอง)ตราบเท่าที่บุคคลหนึ่งรำลึกถถึงพระองค์ "
( บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 4868 บทการรำลึก การขอดุาอฺการเตาบะฮฺ และขออภัยโทษ
ติรมิซีย์ หะดีษที่ 2570 บทว่าด้วยความรู้
อบู ดาวูด หะดีษที่ 1243 บทการนมาซ
อิบนุ มาญะฮฺ หะดีษที่ 221 บทนำ
อัดดาริมีย์ หะดีษที่ 348 )
หะดีษดังกล่าวได้ระบุอย่างชัดเจนว่า กลุ่มคนที่รวมตัวกันรำลึกถึงพระองค์อัลลอฮฺ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวอถ้อยคำสรรเสริญ ถ้อยคำดุอาอฺ หรือ การอ่านอัล-กุรอานที่กุบูรฺ ย่ออมสามารถจะกระทำได้เพราะหะดีษข้างต้นมิได้เจาะจงว่าเป็นสถานที่แห่งใด เช่นนั้นที่กุบูรฺจึงถือว่าอนุญาตให้กระทำได้
ผู้เขียนขอกล่าวตอบว่า หะดีษข้างต้นถือว่าเป็นหะดีษที่กล่าวถึงการรำลึกถึงพระองค์อัลลอฮฺอย่างกว้างๆ ส่วนหะดีษที่กล่าวเจาะจงมิให้รำลึกถึงพระองค์อัลลอฮฺในรูปแบบของการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ ท่านรสูลุลลอฮฺได้กล่าวว่า
" พวกท่านอย่าทำให้บ้านของท่านเป็นกุบูรฺเพราะแท้จริงชัยฏอนจะวิ่งหนีออกจากบ้านหลังหนึ่งที่สูเราะฮฺบะเกาะเราะฮฺถูกอ่านให้บ้านหลังนั้น"
ซึ่งได้อธิบายมาแล้วก่อนหน้านี้ว่าอย่าทำให้บ้านเป็นเสมือนกุบูรฺโดยไม่มีการอ่านอัล-กุรฺอานในบ้าน แสดงว่าที่กุบูรฺนั้นจะไม่มีการอ่านอัล-กุรฺอานอีกทั้งท่านรสูลูลลฮฺก็ไม่เคยปฏิบัติหรือสั่งใช้ให้บรรดาเศาะหาบะฮฺอ่าน อัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ กอปรกับไม่พบหลักฐานเลยว่ามีเศาะหาบะฮฺแม้เพียงคนเดียวที่กระทำเช่นนั้น
หลักฐานที่ 2
อบู ดาวูด
V
มุหัมมัด บุตรของอัลอะลาอ์ มุหัมมัด บุตรของมักกีย์ ออัลมัรฺวะชีย์
V
อับดุลลอฮฺ บุตรของมุบาร็อก
V
สุลัยมาน บุตรของฎ็อรฺคาน
V
---- อบู อุษมาน ----
| V |
v |
บิดาของอบู อุษมาน ขายคนหนึ่ง |
| V |
-> มะอฺกิล บุตรของยะสารฺ < -
V
ท่านรสูลุลลฮฺ กล่าวว่า
" พวกท่านจงอ่านสูเราะฮฺยาสีนให้แก่บุคคลที่กำลังจะสิ้นชีวิต (หรือบางทัศนะแปลว่า " สิ้นชีวิตไปแล้ว ")
(บันทึกโดย อบู ดาวูด หะดีษที่ 2714 บทญะนาซะฮฺ
อิบนุ มาญะฮฺ หะดีษที่ 1438 บทญะนาซะฮฺ
อะหฺมัด หะดีษที่ 19427 )
หะดีษข้างต้นมีข้อบกพร่อง 3 ประการดังนี้
1. รายงานหะดีษข้างต้นถือว่าสับสน (หะดีษอิฎฎิรอบฺุ) หมายถึงหะดีษที่เกิดการขัดแย้งกันในตัวบทหรือสายรายงาน)
เพราะหะดีษที่บันทึกโดยอะหฺมัด กล่าวว่า "ท่านออุษมานรายงานหะดีษจากบิดาของเขา และบิดาของเขาได้รับรายงานจากท่านมะฮฺกิล บุตรของยะสารฺ " แต่บางกระแสกลับมีรายงานว่า " ท่านอุษมานได้รับรายงานหะดีษจากท่านมะฮฺกิล บุตรของยะสารฺ โดยมิได้ระบุว่าได้รับรายงานมาจากบิดาของเขาเฉกเช่นกระแสแรก "
2. นักรายงานที่เป็นบิดาของอบู อุษมาน เป็นบุคคลที่ไม่ปรากฏชื่อในตำราเกี่ยวกับนักรายงานหะดีษเล่มใดเลยศัพท์ทางวิชาการหะดีษเรียกว่า "มัจญ์ฮูล"
3. หะดีษที่บันทึกโดยอบู ดาวูด เป็นหะดีษมุงเกาะฎิอฺ คือหะดีษที่ผู้รายงานคนหนึ่งในสายรายงานช่วงก่อนหน้าขาดหายไปจากสายรายงานเพียงแห่งเดียว กล่าวคือ ท่านอบู อุษมานได้ยินจากชายผู้หนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร ทั้งที่เขาเป็นบุคคลที่จะต้องได้รับหะดีษจากท่านมะอฺกิลซึ่งเป็นเศาะหาบะฮฺ เมื่อไม่รู้ว่าชายผู้นั้นเป็นใครจึงทำให้การรายงานหะดีษขาดช่วงไป และสถานะของหะดีษมุงเกาะฎอฺอยู่ในระดับขั้นเฎาะอีฟ ซึ่งเป็นมติเอกฉันท์ของบรรดานักวิชาการ
จากหะดีษข้างต้น ท่านดารฺุ กุฎนีย์ได้กล่าววไว้ว่า " สายสืบของหะดีษข้างต้นถือว่าเฎาะอีฟ ตัวบทของหะดีษไม่ชัดเจน และหะดีษที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไม่พบว่าถูกต้องเลยแม้แต่บทเดียว "
บทสรุป
ผู้อ่านที่อ่านมาถึงช่วงสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้คงพอสรุปได้แล้วว่าไม่พบหลักฐานที่เศาะฮีหฺ ว่าด้วยเรื่องการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺแม้เพียงหลักฐานเดียวก็ตาม ในทางตรงกันข้าม หลักฐานที่เศาะฮีหฺกลับพบว่ากุบูรฺมิใช่สถานที่ที่มีไว้สำหรับอ่านอัล-กุรฺอาน ดังรายละเอียดที่ได้ชี้แจงมาแล้วก่อนหน้านี้ เช่นนี้แล้วผู้เขียนคงเสร็จสิ้นภารกิจเพียงเท่านี้ ผู้เขียนมีหน้าที่เพียงนำหลักฐานที่เศาะฮีหฺซึ่งใช้เวลาค้นคว้าเป็นเวลานานเพื่อนำเสรอให้แก่พี่น้องมุสลิมทุกคนโดยไม่มีเจตคติอื่นใด นออกจากความบริสุทธิ์ใจที่ต้องการแลเห็นพี่น้องมุสลิมในปุจจุบันปฏิบัติตนสอดคล้องตามแนวทางของท่านรสูลุลลฮฺเท่านัน้น จึงไม่ต้องการและเห้นการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในสังคมมุสลิมเกี่ยวกับการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺหากแต่ละบุคคลสามารถถใช้วิจารณญานนัยแห่งสำนึกบนพื้นฐานความถูกต้อง พิถีพิถันและรอบคอบ ส่วนกรณีที่ผู้อ่านจะเห็นพ้องกับสิ่งที่ผู้เขียนนำเสนอหรือไม่นั้นคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกทั้งผู้เขียนไม่สามารถบังคับให้บุคคลใดเชื่อสิ่งที่ถูกเสนอในหนังสือเล่มนี้ได้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ผู้อ่านทุกท่านจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวท่านเองต่อพระองค์อัลลอฮฺในวันกิยามะฮฺอยู่แล้วจึงมิใช่หน้าที่ของผู้เขียนที่จะต้องกังวลให้ผู้อ่านเห็นพ้องกับหนังสืออเล่มนี้อีกต่อไป เพราะถือว่าผู้เขียนได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดแล้ว (อัลลฮุอะอฺลัม)
ร็อบบะนา อาตินา ฟิดดุนยา หะสะนะฮฺ วะฟิลอาคิเราะติหะสะนะฮฺ วะกิยา อะซา บันนารฺ
บรรณานุกรม
1. เอานุลมะอฺบูด ฉบับอธิบายโดยท่านอบุฎฎ็อยยิบ มุหัมมัด ชัมสุลหัก และท่าน อัลหาฟิซ อิบนุ ก็อยยิม อัลเญาซียะฮฺ
2. ตะหฺฟะตุลอะหฺวะซีย์ โดยอิมามอัลหาฟิซ อัลมุบาร็อกฟูรีย์
3. อัสสุนนะนุลกุบรอ โดยอบู บักรฺ อะหฺมัด อัลหุสัยน์ บุตรของอลีย์ อัลบัยหะดีย์
4. อัลกิตาบุล มุศ็อนนิฟ อิมามหาฟิซ อิบนุ ออบีชัยบะฮฺ
5. กิตาบฟิรฺเดาสุล อัคบารฺ โดยอัลหาฟิซ อัดดัยละมีย์
6. อัตตัรฺฆีบฺ วัตตัรฺฮีบ โดยอิมามหาฟิซ อินุ อับดุลเกาะวีย์ ลิลมุนซิรีย์
7. อัลฟะตาวัล กุบรอ โดยอิมามอิบนุ ตัยมียะฮฺ
8. สิลสิละฮฺ ออัลอะหาดีษฎ เฎาะอีฟะฮฺ วัลเมาฎอะฮฺ โดยมุหัมมัด นาศิรุดดีน อัลบานีย์
9. รียาฎุศ ศอลิฮีน โดยอิมามนะวะวีย์
10. หะกามุลญะนาอิซ วะบิดอิฮา โดยมุหัมมัด นาศิรุดดีน อัลบานีย์
11. ตักฺรีบุต ตะฮฺซีบ โดยอิมามอัลหาฟิซ อิบนุ หะญัรฺ อัลอัสเกาะลานีย์
12. ข้อเท็จจริงที่ควรทราบ โดย อ.ปราโมทย์ฺ ศรีอุทัย
____________________________
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น