วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

อิมามชาฟิอี ท่านมีหลักการในการหุก่มไว้ 5 ประการ คือ

### อิมามชาฟีอี ###
อิมามชาฟิอี ท่านมีหลักการในการหุก่มไว้ 5 ประการ คือ
  1. กุรอาน
  2. ซุนนะฮฺ
  3. อิจญ์มาอฺ
  4. ฟัตฺวาของเศาะหาบะฮฺ
  5. กิยาส
เรียงตามลำดับดังกล่าวมา ซึ่งอันนั้นท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัล อูม เล่มที่7 หน้า 165 มีความว่า

ความรู้มีหลายระดับ
อันดับหนึ่ง คำภีร์และซุนนะฮฺ
อันดับสอง มติเอกฉันท์ ต่อสิ่งที่ไม่มี ระบุในคัมภีร์และซุนนะฮฺที่ประจักชัด
อันดับที่สาม คำกล่าวของสาวกบางส่วนที่ไม่มีใครขัดแย้ง อันดับสี่ คำแตกต่างของบรรดาสาวก ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
อันดับห้า กิยาส

จากหลักการทั้งห้าประการดังกล่าวนี้ มีอยู่อันหนึ่งที่เคยเกิดความเข้าใจผิดกันมามาก นั่นคือ ฟัตฺวาของเศาะหะบะฮฺ หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เกาลุศเศาะหาบี
อันหมายถึงทัศนะ ของสาวกผู้หนึ่งที่มีต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่มีตัวบทอันชัดเจนมาเป็นหลักฐาน

การเข้าใจผิดเกิดขื้นจากการที่ไปพบทัศนะของท่านอิมามชาฟิอีใน โกลญะดีด ที่ให้ไว้ ณ เมืองอียิปต์ไปหักล้างกับ โกลกอดีม ที่ให้ไว้ ณ เมืองบัฆดาด และปัญหานั้นเคยมีทัศนะของ สาวก เคยให้ไว้ก่อนแล้ว

ท่านอิมามนำมาเป็นหลักฐาน ความจริงมันมีขึ้นในบางปัญหา แต่บางคนเข้าใจว่าท่านอิมามเลิกใช้ทัศนะหรือ
ฟัตฺวาของเศาะหะบะฮฺไปโดยสิ้นเชิง ถึงกับทำให้ ผู้แต่งหนังสือในสมัยหลังๆนี้ เขียนออกมาชัดๆเลยว่า ท่านอิมามชาฟิอีเลิกใช้ฟัตฺวาเศาะหะบะฮฺ หรือ เกาลุศเศาะหาบี ไปแล้วในโกลญะดีด โดยผู้เข้าใจผิดเขียนโคลงไว้ตอนหนึ่งว่า
คำของเศาะหาบีในญะดีดของชาฟิอีไม่ใช้เป็นหลักฐาน ส่วนในกอดีดเป็นหลักฐานมาก่อน ทว่าอันนี้อ่อน ดังนี้นจึงถูกผลัก
บรรดาผู้รู้ในบ้านเรา เมื่อได้อ่านพบอย่างนี้ก็เชื่ออย่างสนิทใจ เพราะเมื่อมันเป็นภาษา อาหรับแล้วคิดว่าเป็นหลักฐานได้ทันที โดยไม่ได้ศึกษาข้อเท็จจริง

ด้วยเหตุนี้ เกาลุศเศาะหาบี จึงได้เป็นเรื่องใหญ่อยู่พักหนึ่ง แต่ต่อมาเงียบหายไปเพราะจำนนต่อความจริงที่ได้มาจาก คำของท่านอิมามเอง ในหนังสือ อัล อุม เล่ม7 หน้า 265
มีข้อความว่า

สิ่งที่มีอยู่ในคำภีร์และซุนนะฮฺแล้ว ข้ออ้างของผู้ที่ทราบทั้งสองดีแล้วย่อมฟังไม่ขึ้น นอกจากต้องทำตามทั้งสองเท่านั้น หากปรากฎว่าไม่มีอยู่ในทั้งสอง เราก็หันไปสู่คำกล่าว ของบะะดาสาวก หรือคนได คนหนึ่งจากบรรดาสาวก

ข้อความชัดเจนอยู่แล้วจาก อิมามชาฟิอี เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาปัญหาหนึ่ง ไปตรวจดูใน กุรอาน หรือหะดีษ หรืออิจญ์มาอฺ ตลอดจนทัศนะ ของสาวกก็ไม่พบหุกุมอันนี้
จะทำอย่างไร

ท่านอิมามชาฟิอีบอกว่า ให้ใช้กิยาส เพราะเกิดความ จำเป็น อันนี้จะเห็นได้จากคำของท่านเอง ที่ตอบกับอิมามฮัมบาลี ซึ่งอิมามฮัมบาลีกล่าวว่า

ข้าพเจ้าถามอิมามชาฟิอีถึงเรื่องกิยาส และท่านตอบว่า
เฉพาะกิยาสจะใช้ก็ต่อเมื่อมีความจำ เป็น
จากหนังสือ ตารีค มะซาฮิบ อัล อิสลามียะฮฺ

อาจมีข้อสงสัยว่า เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วไปค้นในกุรอานไม่พบหุก่ม จะเป็นไปได้หรือ ทั้งๆ ที่เคยได้ยินได้ฟังเสมอว่า กุรอานมีทุกสิ่ง ทุกอย่างครบสมบูรณ์ อันนี้ขอชี้แจงว่า เรื่องที่กุรอานมีทุกสิ่งทุกอย่างครบสมบูรณ์นั้นจริงที่สุด คือครบในเรื่องหลักการ ส่วนปัญหาปลีกย่อยนั้น ย่อมจะเกิดขึ้นอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ถ้าจะให้กุรอานระบุไว้เสียทุก ปัญหาทุกมัสอะละฮฺแล้ว กุรอานก็คงไม่สิ้นสุดลงเพียง 30 ญุซอฺ แต่จะต้องมีมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงวันกิยามะฮฺทีเดียวซึ่งเป็นไปไม่ได้

ดังนั้น ที่ว่ากุรอานครบสมบูรณ์นั้น ก็หมายถึงว่ามี หลักการในการตัดสินปัญหาไว้อย่างครบครัน

ขอยกตัวอย่างไว้สักเรื่องหนึ่ง เช่น ข้าวเปลือกในเมืองไทยเรานี้แหละว่าทำไมจึงต้องออกซะกาต ทั้งๆที่ไม่มีตัวบทระบุไว้เลย จะค้นในกุรอานก็ไม่มี มีแต่เพียงว่า จงบริจากซะกาต แล้วในบทหะดีษก็ได้มาขยายว่า สิ่งที่ต้องออกซะกาตมี เงิน ทอง ปศุสัตว์ เมล็ดพืชบางอย่าง เช่น ข้าวสาลี เป็นต้น

ทีนี้บรรดานักปราชญ์หรืออุละมาอฺได้พิจารณาแล้วว่า
ในตัวหะดีษนั้นบอกว่า ข้าวสาลีต้องออกซะกาต เพราะใช้เป็นอาหารหลักแล้วข้าวสารก็เป็นอาหารหลักของเราเช่นกัน จึงมีลักษณะตรงกันว่าทั้งสองอย่างเป็นอาหาร
จึงได้เอาหุกุมของข้าวสาลีมาใช้แก่ข้าวเปลือก คือต้องออกซะกาตเหมือนกันโดยใช้หลัก กิยาสหรือเปรียบเทียบนั่นเอง อันนี้โดยฝีมือของอุละมาอฺจากตัวอย่างที่หยิบยกมาอ้างแล้วนี้

ท่านผู้อ่านคงทราบดีว่า การที่ไม่ได้มีหุกุมปัญหาปลีกย่อย ระบุอยู่ในกุรอานนั้น มิได้หมายความว่ากุรอานบกพร่อง
ไม่สมบูรณ์ ตรงกันข้าม กุรอานสมบูรณ์ ในหลักการใหญ่ๆทุกอย่าง ส่วนปัญหาปลีกย่อยนั้นต้องอาศัยหลักอื่นๆ
เช่น อิจญ์มาอฺ หรือกิยาส เป็นต้น

จึงจะได้หุกุมมา แนวทางอีกอย่างหนึ่งของอิมามชาฟิอีที่แตกต่างกับของผู้อื่นนั่นก็คือ ท่านถือว่า กุรอานกับ ซุนนะฮฺที่แท้และที่ชัดเจนนั้น มีน้ำหนักเท่ากันในการยึดถือเป็นหลักฐานซึ่งอันนี้อิมามคนอื่นๆ ถือว่าฐานะของซุนนะฮฺนั้นต่ำกว่ากุรอาน ในด้านการเป็นหลักฐาน

ดังนั้น จากคำพูดของอิมาม ชาฟิอีในหนังสือ อัลอุม
ที่ผ่านมาแล้วส่อให้เห็นได้ชัดว่า ท่านได้จัดอันดับของที่มาจากหุกุมไว้ ห้าอันดับด้วยกัน
อันดับที่หนึ่ง คือ คัมภีร์และซุนนะฮฺที่ประจักษ์ชัด ฯลฯ
การยึดถือที่มีของหุกุม ไม่เหมือนกัน หรือจัดอันดับไม่เหมือนกัน นี้จึงมีผลทำให้ปัญหาปลีกย่อยของแต่ละ
ฝ่ายมีหุกุม ไม่เหมือนกันด้วย
____________
Fakprasert Kosem

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น