ซุนนะฮฺด้วยกันเเท้ๆ เหตุไฉนถึงต้องทำกันขนาดนี้ ?!
ในระยะหลังนี้เเวดวงซุนนะฮฺเราที่มีจำนวนอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับกลุ่มหลงผิดทั้งหลายอยู่เเล้วได้เผชิญกับบททดสอบเเละอุปสรรคในการเผยเเพร่จากชาวซุนนะฮฺด้วยกันเอง
ก่อนหน้านี้...เคยร่วมต่อสู้ด้วยกันมา
เคยร่วมกันพิทักษ์เเนวทางของชาวซุนนะฮฺด้วยกัน
เคยมอบความรักใคร่ต่อกัน
เคยมีผลงานอันเลื่องลือในการ...ตอบโต้กลุ่มบิดเบือนทั้งหลายแหล่ ชีอะฮฺก็ดี ศูฟีย์ก็ดี กลุ่มบิดอะฮฺอื่นๆก็ดี
และความดีอื่นๆที่พวกเขาได้สร้างสมกันมานับเป็นคุณานุประโยชน์ต่อสังคมชาวซุนนะฮฺชนิดที่ชาวซุนนะฮฺรุ่นหลังจะยังคงรำลึกเเละชื่นชมต่อความดีเหล่านั้นที่พวกเขาได้อุทิศกายในการสร้างสมมันขึ้นมา
เเต่...สิ่งที่น่าเสียใจยิ่ง
เมื่อวันเวลาผันผ่าน...ผู้คนก็ย่อมเปลี่ยนแปลงกันไปบ้างเป็นวิสัยของปุถุชนที่มีอารมณ์รักชอบเเละเกลียด เว้นเเต่ผู้ที่พระผู้อภิบาลของเขาทรงเมตตาเท่านั้น
ผู้คนเหล่านั้นที่เรายังคงมองเขาในเเง่ดี ให้ความเคารพนับถือเเละให้เกียรติตามสถานะเเละคุณงามความดีที่มีอยู่ ณ ที่พวกเขา
พวกเขาได้เอากระบอกปืนที่เคยใช้ในการเพ่งเล็งเเละจู่โจมพวกบิดเบือนกลุ่มหลงผิดที่นิยมบิดอะฮฺทั้งหลายลง เเละกลับหันปากของกระบอกปืนอันเดียวกันนั้นมายังชาวซุนนะฮฺที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่ปกป้องซุนนะฮฺด้วยกันมา ด้วยเหตุผลอันใดเรามิอาจทราบได้ !!??
ผลงานที่เคยเป็นที่เลื่องลือในการปราบปรามชาวบิดอะฮฺในอดีตก็เริ่มเลือนลางหายไปจากความทรงจำของผู้คน มันค่อยถูกกลืนเเละถูกกลบไปด้วยกับผลงานชุดใหม่ที่พวกเขาขมักเขม้นสร้างมันขึ้นมาโดยการจู่โจมชาวซุนนะฮฺที่มีเพียงน้อยนิดดังที่เป็นที่ทราบกันดีอยู่เเล้ว
มันถึงจุดอิ่มตัวหรือไรกัน ?!
จนท้ายที่สุด...พวกเขาไม่สามารถเดินกับผู้ใดได้เลยในเเวดวงของชาวซุนนะฮฺ
ใช่ ! ผู้ที่ยืนหยัดอยู่บนสัจธรรมมักจะโดดเดี่ยวเเละถูกทอดทิ้ง เเต่มันไม่ใช่เกิดกับชาวซุนนะฮฺด้วยกัน !
ชาวซุนนะฮฺจะไม่ถูกทอดทิ้งเเละจะไม่ถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวจากชาวซุนนะฮฺด้วยกัน
เเต่ทว่าเหตุการณ์เยี่ยงนี้มันเป็นวิสัยที่ต้องเกิดขึ้นระหว่างชาวซุนนะฮฺกับชาวบิดอะฮฺต่างหากเล่า !!
ครั้งเเล้วครั้งเล่าที่ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นถกเถียง
ครั้งเเล้วครั้งเล่าเข้มงวดกวดขันจนชาวซุนนะฮฺเเตกหักกันไปเป็นเสี่ยงๆ มองหน้ากันไม่ติด ขึ้นเวทีเดียวกันไม่ได้
จนท้ายที่สุด...สังคมของชาวซุนนะฮฺที่กำลังจะไปได้ด้วยดีเเละเริ่มจะเเข็งแกร่งขึ้นหลังจากการต่อสู้ของคนรุ่นเเรกเฉียดศตวรรษที่เราต่างก็มีความภาคภูมินั้น มันเริ่มจะอ่อนเเอลงทุกที เนื่องจากสาเหตุแห่งความเเตกเเยกของชาวซุนนะฮฺอันเป็นชนกลุ่มน้อยในยุคสมัยนี้
เเละนี่คือสิ่งที่บรรดานักวิชาการระดับสูงทั้งหลายได้กล่าววลีหนึ่งที่สัจจริงว่า :
"ความเเตกเเยกคือเหตุเเห่งความอ่อนแอเเละพ่ายเเพ้"
ดังที่ท่านอิหม่ามอัสสะอฺดีย์ รอหิมาฮุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า :
"เเละ(อัลลอฮฺ)ได้ทรงตรัสห้ามจากการขัดเเย้งกัน โดยทรงบอกว่ามันเป็นสาเหตุของความล้มเหลวและไม่มีชัยเหนือบรรดาศัตรู :
وَلَا تَنَٰزَعُوا۟ فَتَفْشَلُوا۟ وَتَذْهَبَ رِيحُكُمْ ۖ
ความว่า : และจงอย่าขัดแย้งกัน จะทำให้พวกเจ้าย่อท้อ และทำให้ความเข้มแข็งของพวกเจ้าหมดไป
[อัล-อันฟาล : 46]" (จบคำพูดชัยคฺ)
อ้างอิงจาก :
[ رسالة في الحث على اجتماع كلمة المسلمين: 23-24 ]
เราจึงทราบอย่างชัดเจนเเจ่มเเจ้งเยี่ยงดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันเเล้วว่าแท้ที่จริงเเล้วสังคมมุสลิมโดยเฉพาะเเวดวงของชาวซุนนะฮฺจะมีความเข้มเเข็งเเละมีชัยเหนือศัตรูได้นั้น พวกเขาจะต้องมีความสมานฉันท์ รักใคร่กลมเกลียว สามัคคี เเละให้การตักเตือนต่อกันด้วยดีในระหว่างบรรดาพวกเขา เพราะถ้ามิเช่นนั้นเเล้วมันจะนำพาไปสู่ความพ่ายเเพ้เเละล้มเหลวในกิจการต่างๆ
ซึ่งในประเด็นความอ่อนโยนต่อกันของชาวซุนนะฮฺนั้น ท่านชัยคฺ อัล-อัลลามะฮฺ อับดุลมุหฺซิน บิน หะมัด อัล-อับบาด อัล-บัดรฺ หะฟิซอฮุลลอฮุลลอฮฺ ได้กล่าวเอาไว้อย่างสวยงามเเละตรงกับความเป็นจริงอย่างยิ่ง โดยเราขอปิดท้ายบทความนี้ด้วยกับคำพูดของท่าน -หะฟิซอฮุลลอฮฺ- :
"เเท้จริงบรรดาผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในเเวดวงวิชาการศาสนาจากบรรดาอะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺผู้เดินบนเส้นทางที่บรรพชนแห่งอุมมะฮฺนี้เคยดำเนินมาเเล้วนั้น พวกเขามีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในยุคสมัยนี้ที่จะต้องมีความปรองดองเเละการตักเตือนกันในหมู่พวกเขา ยิ่งพวกเขามีจำนวนอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับกลุ่มเเละพรรคต่างๆที่หันเหออกจากเเนวทางที่บรรพชนของอุมมะฮฺเคยดำรงอยู่มาก่อน
เเละก่อนหน้านี้กว่าทศวรรต เเละในช่วงปลายสมัยของชัยคฺทั้งสองผู้สูงส่ง : ชัยคฺของเรา ชัยคฺ อับดุลอะซีซ บิน บาซ เเละชัยคฺ มุฮัมหมัด บิน อุษัยมีน -รอหิมาฮุมัลลอฮฺ- มีกลุ่มเล็กๆจากชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺได้มุ่งทำการเตือนผู้คนให้ระวังบางกลุ่มก้อนที่ค้านกับเเนวทางที่บรรพชนของอุมมะฮฺเคยดำรงอยู่ ซึ่งมันเป็นการงานที่ได้รับการสรรเสริญ
เเต่สิ่งที่น่าเสียใจก็คือ หลังจากการเสียชีวิตของชัยคฺทั้งสอง ผู้คนบางส่วนของกลุ่มๆนี้ก็ได้หันไปบ่อนทำลายพี่น้องของพวกเขาบางส่วนผู้เรียกร้องไปสู่การยึดมั่นต่อสิ่งที่บรรพชนของอุมมะฮฺได้เคยยึดมั่นมาก่อนไม่ว่าจะในประเทศหรือนอกประเทศ
ซึ่งสิทธิของพวกเขา(พี่น้องซุนนะฮฺ)ที่พึงได้รับจากเขาเหล่านั้น คือพวกเขาจะต้องตอบรับการปฏิบัติดีของพวกเขา เเละต้องช่วยเหลือค้ำจุนพวกเขา อีกทั้งจะต้องชี้เเนะพวกเขาในความพลาดพลั้งที่เกิดขึ้นเมื่อเป็นที่เเน่ชัดเเล้วว่าเขาผิดพลาดจริง
เเละอย่าได้ทำให้ตัวของพวกเขาง่วนอยู่กับการตั้งวงพูดคุยด้วยการพาดพิงถึงพวกเขาเเละเตือนให้ระวังพวกเขา เเต่ทว่าให้พวกเขาคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาความรู้ โดยการพิจารณา การสอน เเละการเรียกร้องเชิญชวน
เเละเช่นนี้แหละคือเเนวทางอันเเข็งแกร่งสำหรับสิ่งดีงามเเละการปฏิรูปอันเป็นเเนวทางที่ชัยคฺของเรา ชัยคฺ อับดุลอะซีซ บิน บาซ ผู้เป็นอิหม่ามแห่งอะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺในยุคสมัยนี้ได้ยึดถือปฏิบัติมาก่อน
อีกทั้งผู้ที่คร่ำหวอดอยู่กับวิชาความรู้จากชาวอะฮฺลุซซุนนะฮฺในยุคสมัยนี้มีปริมาณที่น้อยนิด
พวกเขามีความต้องการการเพิ่มพูนไม่ใช่การลดน้อยลง
เเละมีความต้องการความปรองดองต่อกันไม่ใช่การตัดขาดจากกัน
เเละใช้กล่าวสำหรับพวกเขา(ชาวซุนนะฮฺ)ดังที่นักวิชาการนะฮูได้กล่าวกันว่า : สิ่งที่ถูกทำให้เล็กอยู่เเล้ว จะไม่ถูกทำให้เล็กอีก"
(จบคำพูดชัยคฺ อับดุลมุหฺซิน)
ที่มา : (ริฟก็อน อะฮฺลุซซุนนะฮฺฯ : 63-65)
▶ อิสลามตามแบบฉบับ ◀
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น