วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ข้อควรปฏิบัติเพื่อลดความขัดแย้งในเรื่องศาสนา

ข้อควรปฏิบัติเพื่อลดความขัดแย้งในเรื่องศาสนา






สิ่งที่พึงรู้ :

1- สิ่งที่ไม่มีข้อบกพร่องเลยนั้นมีอยู่ 3 อย่างคือ อัลกุรอาน สุนนะฮฺที่ถูกต้อง และอิจญฺมาอฺ (ความเห็นเป็นเอกฉันท์ของอุละมาอฺ) ที่ชัดเจนไม่เป็นที่กังขา นอกเหนือจากนี้ไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดที่จะปราศจากข้อผิดพลาด

2- การปฏิเสธสิ่งที่เป็น “มะอฺลูม มินัดดีน บิฎเฎาะรูเราะฮฺ” (สิ่งที่มีหุก่มชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย) เช่น การศรัทธาต่ออัลลอฮฺ การศรัทธาต่อมลาอิกะฮฺ และหลักศรัทธาอื่นๆ) นั้นถือเป็นกุฟรฺ

3- การคิลาฟ (มีทัศนะที่ต่างกัน) ในส่วนที่เป็นปัญหาอิจญฺติฮาดิยะฮฺ (ปัญหาที่ไม่มีหลักฐาน หรือมีแต่ไม่ชัดเจน หรือสามารถเข้าใจได้หลายมุมมอง) นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้

4- ในส่วนของปัญหาคิลาฟ จำเป็นที่เราจะต้องยึดตามสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้อง แต่ทั้งนี้ ก็ต้องให้เกียรติทัศนะอื่น ตราบใดที่วางอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานและความเข้าใจที่ถูกต้อง

มารยาทที่พึงมีในการเสวนาหรือโต้แย้ง :

1- ตรวจสอบคำพูดให้แน่ใจ: เมื่อได้ข่าวว่าใครคนใดคนหนึ่งพูดอะไร ควรที่จะตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเขาคนนั้นพูดจริงหรือเปล่า? และต้องทำความเข้าใจคำพูดหรือทัศนะของเขาให้ถ่องแท้ อย่าด่วนสรุป เพราะอาจจะมีความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารกระจายข่าว หรืออาจมีผู้ไม่หวังดีให้ข่าวในทางที่ไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคนๆนั้นเป็นผู้รู้

2- กำหนดประเด็นขัดแย้งให้ชัดเจน: หลายต่อหลายครั้งที่สองฝ่ายโต้เถียงกัน ตอบโต้กันไปมา โดยที่ไม่รู้แน่ชัดว่ากำลังขัดแย้งกันในประเด็นใด? ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกำหนดประเด็นขัดแย้งให้ชัดเจนก่อน บางครั้งคนสองฝ่ายอาจโต้เถียงกันในประเด็นที่ในความเป็นจริงแล้วทั้งคู่เห็นตรงกัน และหลายๆกรณีก็อาจจะไม่ได้ขัดแย้งจริงๆ แต่เป็นเพียงการใช้ถ้อยคำหรือศัพท์ที่ไม่ถูกที่ ซึ่งหากเปลี่ยนไปใช้คำอื่นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็จะหมดไป

3- อย่ามองเจตนาฝ่ายตรงข้ามในแง่ร้าย: ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะขัดแย้งกับเราเพียงใดเราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปมองเจตนาเขาในทางที่ไม่ดี ตราบใดที่เขาเป็นมุสลิม ศรัทธาในอัลกุรอานและสุนนะฮฺ และไม่ออกจากแนวทางอิจญฺมาอฺอุมมะฮฺ ต้องคิดต่อเขาในแง่ดีไว้ก่อน ต้องคิดว่าเขารักอัลลอฮฺ และเราะสูลของพระองค์ และเริ่มสนทนากับเขาบนพื้นฐานนี้โดยที่เรามีความยุติธรรมต่อเขา

ด้วยวิธีการเช่นนี้ จะทำให้เราสามารถนำเขาไปสู่หนทางที่ถูกต้องได้หากว่าความถูกต้องนั้นอยู่กับฝ่ายเรา แต่ถ้าเรามองเขาในแง่ร้ายตั้งแต่ต้น มองว่าเขามีเจตนาไม่ดี การสนทนาของเราก็จะเป็นไปในอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือต้องการเปิดโปงเขา ทำให้เขาเสียหน้า หรือเปิดเผยสิ่งที่เราคิดว่าเขาซ่อนเร้นไว้ข้างใน ซึ่งฝ่ายตรงข้ามเองก็อาจจะมองเราด้วยความรู้สึกนี้เช่นเดียวกัน สุดท้ายการสนทนาก็จะลุกเป็นไฟ แทนที่จะนำพาไปสู่ความถูกต้อง ก็จะกลายเป็นเพียงความต้องการเอาชนะ และเปิดโปงฝ่ายตรงข้าม

4- ต้องมีความอิคลาศบริสุทธิ์ใจ: จงให้เจตนาและจุดมุ่งหมายของการสนทนานั้น คือการค้นหาสัจธรรมความถูกต้อง อันจะนำมาซึ่งริฎอองค์อัลลอฮฺตะอาลา ชี้แจงความคลุมเครือของปัญหาที่อาจทำให้มุสลิมขัดแย้งกันกันได้ และการรวมพี่น้องมุสลิมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากเรามีเจตนาเช่นนี้เราก็จะได้รับผลบุญจากการสนทนานั้น

5- เข้าสู่การสนทนาโดยที่มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ ที่จะน้อมรับต่อความถูกต้องแม้ว่าจะอยู่กับฝ่ายตรงข้ามก็ตาม

6- อย่ามั่นใจหรือยึดติดกับทัศนะของตนเองมากเกินไป: ถึงแม้ว่าเราจะมั่นใจในทัศนะของตนเองมากเพียงใดก็ควรคิดเผื่อไว้บ้างว่าความถูกต้องอาจจะอยู่กับฝ่ายตรงข้ามก็ได้ ด้วยความรู้สึกเช่นนี้จะทำให้เราสามารถยอมรับความจริงได้ง่ายขึ้น หากความถูกต้องนั้นอยู่กับฝ่ายตรงข้าม

7- การยอมรับความถูกต้องจากฝ่ายตรงข้ามถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องและน่าชื่นชม: และการไม่ยอมรับหรือปฏิเสธความถูกต้องนั้นถือเป็นการหยิ่งยโสโอหัง ซึ่งเป็นบาปใหญ่อย่างหนึ่ง ดังปรากฎในตัวบทฮะดีษ ความว่า:

“ความหยิ่งยโสนั้น คือการปฏิเสธความถูกต้อง และดูถูกผู้อื่น” บันทึกโดย มุสลิม

8- ฟังให้ดีให้เข้าใจก่อนตอบหรือโต้แย้ง

9- ให้เวลาที่เพียงพอแก่ฝ่ายตรงข้ามในการตอบ เพราะนั่นคือความยุติธรรม

10- อย่าตัดบท หรือพูดแทรก ควรรอให้อีกฝ่ายพูดจบก่อนจึงค่อยพูด

11- หากเห็นว่าประเด็นที่กำลังสนทนาอยู่นั้นต้องใช้เวลาในการค้นหาคำตอบ ก็ควรขอเวลาเพื่อกลับไปทบทวน

12- อย่าโต้เถียงแบบข้างๆคูๆ สักแต่ว่าได้เถียงและยืนยันทัศนะของตัวเอง

13- กำหนดนิยามของศัพท์ที่เราใช้ตามความเข้าใจของเรา และเข้าใจนิยามของฝ่ายตรงข้ามให้ตรงตามที่เขาเข้าใจ: บ่อยครั้งที่เกิดการโต้แย้งกันเพราะการใช้ศัพท์ที่เข้าใจไม่ตรงกัน เราเข้าใจอย่างหนึ่ง แต่อีกฝ่ายเข้าใจอีกอย่างหนึ่ง ตัวอย่างศัพท์ที่อาจจะเข้าใจต่างกันได้ ก็เช่น คำว่าสุนนะฮฺ แนวทางสะลัฟ หรือ บิดอะฮฺ เป็นต้น

14- ควรเลื่อนการสนทนาออกไป ถ้าเห็นว่าการดำเนินการสนทนาต่อไปนั้นจะทำให้เกิดความขัดแย้งถึงขั้นแตกหัก

15- การคงไว้ซึ่งความรัก และสัมพันธภาพอันดีแม้ว่าจะมีทัศนะที่แตกต่างกัน (ในเรื่องที่สามารถจะมีทัศนะที่แตกต่างกันได้) ย่อมดีกว่าการขัดแย้งและบาดหมางกัน

วัลลอฮุ อะอฺลัม

وصلى الله على نبينا محمد والحمد لله رب العالمين

(ถอดความอย่างย่อจากหนังสือ “อัลเกาะวาอิด อัซซะฮะบิยะฮฺ ฟี อะดะบิล คิลาฟ ” เขียนโดย เชค อับดุลเราะหฺมาน อับดุลคอลิก สามารถอ่านต้นฉบับภาษาอาหรับได้ที่ www.salafi.net
)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น