คำว่า"มุชับบิฮะฮ"ตามทัศนะของปราชญ์อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ
คำว่า มุชับบิฮะฮ(المشبهة) คือ ผู้ที่เปรียบอัลลอฮว่าเหมือนหรือคล้ายคลึงกับบรรดาสิ่งถูกสร้าง
คำว่า ตัชบีฮ"(التشبيه ْ)คือ การเปรียบอัลลอฮว่าเหมือนหรือคล้ายคลึงกับบรรดาสิ่งถูกสร้าง
ส่วนการยืนยันคุณลักษณะของอัลลอฮตามความหมายในทางภาษาของถ้อยคำที่มีมาตามตัวบท ไม่ใช่เป็นการเปรียบอัลลอฮกับบรรดาสิ่งถูกสร้าง(มัคลูค) อย่างที่พวกแนวคิดปัญญานิยมมโนและเอาปัญญาตัดสินคนอื่นว่า "เป็นพวกมุชับบิฮะ"
อบูอิสหาก อิบรอฮีม บิน ชากิลัน อัลหัมบะลีย์ (ฮ.ศ 369) ได้กล่าวกับ อบีสุลัยมาน อัดดะมัชกีย์ ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ตาม อิบนุกุลลาบ (หัวหน้ามุอฺตะซิละฮ) ในการโต้วาที ระหว่างทั้งสอง เมื่อ อบูสุลัยมานกล่าวกับเขาว่า
"أنتم المشبهة
พวกท่านคือ พวกมุชับบิฮะฮ
อิบนุชากิลัน กล่าวตอบว่า
حاشا لله، المُشبِّه الذي يقول: وجهٌ كوجهِي، ويَدٌ كَيَدِي، فأما نحن فنقول: له وجهه، كما أثبت لنفسه وجهًا، وله يدٌ، كما أثبتَ لنفسه يَداً، {لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ} [الشورى : 11] ومن قال هذا فقد سَلِم
“เป็นไปไม่ได้” อัลมุชับบะฮะฮคือ ผู้ที่กล่าวว่า “ใบหน้า เหมือนใบหน้าของฉัน สำหรับเรานั้น เรากล่าวว่า พระองค์ทรงมีพระพักต์ของพระองค์ ดังที่พระองค์ ได้รับรอง/ยืนยัน คำว่าใบหน้า แก่พระองค์เอง และ พระองค์ทรงมีพระหัตถ์ ดังที่พระองค์ทรงรับรอง/ยืนยันคำว่ามือ แก่ตัวของพระองค์เอง (ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์นั้น คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น) และผู้ใดกล่าวแบบนี้ แน่นอนเขาปลอดภัย – เฏาะบะกอตอัลหะนาบะละฮ ของ อิบนุอบียะฮลา 3/239
......................
จากหลักฐานที่กล่าวมาข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ผู้กล่าวหาและตัดสินพี่น้องมุสลิมที่แปลความหมายอายาตสิฟาต ว่าวะฮบีย์คือ พวกมุญัสสิมะอ ไม่ได้ศึกษาอะกีดะฮสะลัฟ แต่ใช้อคติ และความคิดเห็นของพวกตรรกนิยมมาเป็นหุกุมศาสนาตัดสินคนที่เห็นต่างอย่างอยุติธรรม
ข้างต้น หวังว่าคงชัดเจนว่า การรับรองความหมายที่ปรากฏตามตัวบท โดยไม่ได้ไปเปรียบเทียบ และไม่ได้เชื่อไปว่า เหมือนหรือคล้ายคลึงกับมัคลูคนั้น “ไม่ใช่มุชับบะฮะฮ” ตามที่ถูกกล่าวหาโดย อะชาอีเราะฮยุคหลัง
ดังนั้น เมื่อไม่ใช่เป็นการตัชบีฮ แล้วจะเป็นพวก มุชับบิฮะฮ และมุญัสสิมะฮ หรือพวกให้รูปร่างแก่อัลลอฮได้อย่างไร
อะสัน หมัดอะดั้ม
2/2/63
“เป็นไปไม่ได้” อัลมุชับบะฮะฮคือ ผู้ที่กล่าวว่า “ใบหน้า เหมือนใบหน้าของฉัน สำหรับเรานั้น เรากล่าวว่า พระองค์ทรงมีพระพักต์ของพระองค์ ดังที่พระองค์ ได้รับรอง/ยืนยัน คำว่าใบหน้า แก่พระองค์เอง และ พระองค์ทรงมีพระหัตถ์ ดังที่พระองค์ทรงรับรอง/ยืนยันคำว่ามือ แก่ตัวของพระองค์เอง (ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์นั้น คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น) และผู้ใดกล่าวแบบนี้ แน่นอนเขาปลอดภัย – เฏาะบะกอตอัลหะนาบะละฮ ของ อิบนุอบียะฮลา 3/239
......................
จากหลักฐานที่กล่าวมาข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ผู้กล่าวหาและตัดสินพี่น้องมุสลิมที่แปลความหมายอายาตสิฟาต ว่าวะฮบีย์คือ พวกมุญัสสิมะอ ไม่ได้ศึกษาอะกีดะฮสะลัฟ แต่ใช้อคติ และความคิดเห็นของพวกตรรกนิยมมาเป็นหุกุมศาสนาตัดสินคนที่เห็นต่างอย่างอยุติธรรม
ข้างต้น หวังว่าคงชัดเจนว่า การรับรองความหมายที่ปรากฏตามตัวบท โดยไม่ได้ไปเปรียบเทียบ และไม่ได้เชื่อไปว่า เหมือนหรือคล้ายคลึงกับมัคลูคนั้น “ไม่ใช่มุชับบะฮะฮ” ตามที่ถูกกล่าวหาโดย อะชาอีเราะฮยุคหลัง
ดังนั้น เมื่อไม่ใช่เป็นการตัชบีฮ แล้วจะเป็นพวก มุชับบิฮะฮ และมุญัสสิมะฮ หรือพวกให้รูปร่างแก่อัลลอฮได้อย่างไร
อะสัน หมัดอะดั้ม
2/2/63
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น