﴿سنة الابتلاء﴾
] ไทย – Thai – تايلاندي [
ซุฟอัม อุษมาน
ผู้ตรวจทาน : ทีมงานภาษาไทยเว็บอิสลามเฮ้าส์
2010 -
1432
﴿سنة الابتلاء﴾
«
باللغة التايلاندية »
صافي عثمان
مراجعة: فريق اللغة التايلاندية
بموقع دار الإسلام
2010 -
1432
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
กฎเกณฑ์ว่าด้วยบททดสอบในชีวิตมนุษย์
มีกฎเกณฑ์บางประการที่มนุษย์มิอาจหลีกหนีได้พ้น
เป็นกฎที่เกี่ยวกับการเกิดแก่เจ็บตาย และสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับโดยดุษฎีก็คือ
มนุษย์มิได้กำเนิดมาด้วยความประสงค์ของตัวเขาเอง
เราต่างปรากฏอยู่ในโลกนี้ด้วยกำหนดของพระองค์ผู้สร้าง โดยปราศจากคำร้องขอใดๆ
จากเราตั้งแต่ต้น
เหตุใดพระองค์ผู้ทรงปรีชาญาณจึงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายในเอกภพ
และยังได้สร้างสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ขึ้นมาอีกด้วย?
แล้วทำไมเราต้องมีชีวิต? คำถามเหล่านี้เกินกว่าความสามารถที่มนุษย์จะตอบเองได้
เพราะเราเป็นเพียงแค่ผู้ถูกสร้าง
การตระเวนหาคำตอบโดยอาศัยมันสมองของมนุษย์เพียงประการเดียวจึงย่อมก่อให้เกิดความสับสน
ฟุ้งซ่าน และหลงทาง
นับเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงที่พระองค์ผู้สร้างไม่ทรงปล่อยให้เราเคว้งคว้างท่ามกลางความสับสนทางความคิดเพื่อจะหาคำตอบเกี่ยวกับเหตุผลของการมีชีวิต
ในพระดำรัสของพระองค์มีคำตอบอย่างชัดเจนว่า
เราเกิดมาเพื่อเป็นบ่าวของพระองค์ที่ต้องน้อมรับศรัทธาและปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์สั่งใช้
ความว่า “และข้าไม่ได้สร้างหมู่ญินและมนุษย์
เว้นแต่เพื่อให้พวกเขาอิบาดะฮฺ(เป็นผู้ที่มอบการเคารพภักดี)ต่อข้า” (อัซ-ซาริยาต : 56)
สถานะแห่ง “อุบูดิยะฮฺ” หรือการเป็นบ่าวที่ยอมมอบตนต่อพระผู้อภิบาลอย่างสุดซึ้ง
เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติสูงส่งที่สุดในมาตรวัดของอัลลอฮฺ
หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าการเป็นบ่าวก็คือความต่ำต้อยและไร้เกียรติ
การตีความดังกล่าวอาจจะถูกต้องเฉพาะเมื่อใช้ระหว่างมนุษย์ด้วยกันแต่ไม่ใช่กับพระผู้เป็นเจ้า
การเป็นบ่าวของอัลลอฮฺไม่ได้มีความหมายเดียวกันกับการเป็นบ่าวรับใช้มนุษย์
เพราะมันไม่ใช่การถูกกดขี่ใช้งานเช่นที่เราใช้อธิบายและให้คุณลักษณะทาสในความหมายของเรา
การเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ
คือการได้ตำแหน่งผู้ที่พระองค์โปรดปรานมากที่สุดในหมู่สรรพสิ่งทั้งมวล
เมื่อเป็นผู้ที่ถูกโปรดปรานของพระองค์แล้ว
ความจำเริญอันดีงามทั้งหลายในชีวิตก็จะปรากฏให้เห็นในตัวเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
ดังนั้นตำแหน่งการเป็นบ่าวของพระองค์จึงไม่ใช่ว่าจะสามารถได้มาง่ายๆ
นอกจากเหตุผลที่มนุษย์ถูกสร้างให้ทำหน้าที่บ่าวของอัลลอฮฺโดยภาพรวมแล้ว
ในระดับที่ชัดเจนสำหรับเหตุผลอีกประการของการมีชีวิตก็คือ
การทดสอบพวกเขาว่าใครที่ตั้งใจจริงกว่ากันในการที่จะเป็นบ่าวที่ดีของพระองค์
ความว่า “พระองค์คือผู้ที่สร้างความตายและชีวิต เพื่อทดสอบพวกเจ้า
ว่าผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่จะปฏิบัติดีกว่ากัน และพระองค์ทรงเป็นผู้เปี่ยมด้วยเดชานุภาพและทรงอภัยยิ่ง” (อัล-มุลก์ : 2)
ความว่า “และพระองค์คือผู้ที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและพื้นพิภพในหกวัน
และอัรช์(บัลลังก์)ของพระองค์นั้นอยู่เหนือน้ำ(เหนือชั้นฟ้าทั้งเจ็ด) ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทดสอบพวกเจ้า
ว่าผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่ปฏิบัติดีกว่ากัน” (ฮูด : 7)
คำว่า “ผู้ใดที่ปฏิบัติดีกว่ากัน” มีการอธิบายจากเหล่าอุละมาอ์ตัฟสีรว่า ความหมายก็คือใครที่บริสุทธิ์ใจมากที่สุดและทำได้ถูกต้องมากที่สุด
อัล-ฟุฎัยล์ บิน อิยาฎ กล่าวว่า “แท้จริงแล้ว การปฏิบัติอามัลนั้นถ้าหากทำด้วยความบริสุทธิ์ใจแต่ไม่ถูกต้อง
ก็ย่อมไม่ถูกตอบรับ” (ดู ตัฟสีร อัส-สะอฺดีย์ สูเราะฮฺ ฮูด
อายะฮฺ 7)
ด้วยเหตุนี้
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบว่าชีวิตโลกนั้นมีอุปสรรคมากมายที่เป็นบททดสอบ
นับตั้งแต่เรื่องที่ใหญ่ที่สุดอย่างเรื่องความศรัทธา ความเชื่อ
และการน้อมรับคำสั่งขององค์อภิบาล
ไปจนถึงเรื่องทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตในแต่ละวัน
ล้วนมีบททดสอบให้เราเผชิญทั้งสิ้น
ในเรื่องเกี่ยวกับการศรัทธา อัลลอฮฺได้ทรงอธิบายว่า
เป็นเรื่องง่ายที่พระองค์จะทำให้มวลมนุษย์มีศาสนาเดียวกันโดยไม่แตกต่างทางความเชื่อ
แต่ที่ไม่เป็นเช่นนั้นก็เพราะนี่คือการทดสอบ
มนุษย์ต้องผ่านบททดสอบท่ามกลางความขัดแย้งนี้ด้วยการเลือกเองว่าจะเชื่อและศรัทธาแบบไหน
จะถูกต้องตามเจตนารมณ์ของอัลลอฮฺหรือไม่? พระองค์ตรัสว่า
ความว่า “และเราได้ประทานคัมภีร์อัลกุรอานลงมาแก่เจ้า(มุหัมมัด)ด้วยสัจธรรมที่มารับรองความถูกต้องและครอบคลุมคำสอนของคัมภีร์ก่อนหน้ามัน
ดังนั้น จงสั่งใช้บัญญัติต่างๆ ระหว่างพวกเขาด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺประทานลงมา
และอย่าได้ตามอารมณ์ของพวกเขาเหล่านั้นจนต้องหันเหจากสัจธรรมที่ลงมายังเจ้า ทุกๆ
ประชาชาติในหมู่พวกเจ้าเราได้กำหนดบัญญัติและวิถีทางไว้เฉพาะแล้ว และหากแม้นอัลลอฮฺทรงประสงค์
แน่แท้พระองค์ย่อมทำให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติเดียวกัน(ใช้บัญญัติและแนวทางอันเดียวกัน)
แต่ทว่า
(ที่ไม่เป็นเช่นนั้น)เพื่อพระองค์จะทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่ทรงมอบให้กับพวกเจ้า ดังนั้น
จงแข่งขันมุ่งสู่ความดีงามทั้งหลายเถิด
ยังอัลลอฮฺนั้นคือที่คืนกลับของพวกเจ้าทั้งหมดทั้งมวล
แล้วพระองค์ก็จะทรงบอกให้พวกเจ้ารู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าเคยขัดแย้งกันมา” (อัล-มาอิดะฮฺ : 48)
การทดสอบของบรรดาผู้ศรัทธา
ส่วนการทดสอบในกรอบของบรรดาผู้ที่น้อมรับการศรัทธาแล้วนั้น
พระองค์ได้ตรัสว่า
ความว่า “หรือมนุษย์คิดว่าพวกเขาถูกปล่อยให้กล่าวว่า ‘เราได้ศรัทธาแล้ว’
โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกทดสอบใดๆ ขอสาบานว่า
แท้จริงเราได้ทดสอบบรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขา ดังนั้น
อัลลอฮฺย่อมที่จะรู้(จำแนกให้เห็น)ว่าผู้ใดที่สัจจริงและผู้ใดที่โกหก” (อัล-อันกะบูต : 2-3)
ความว่า “พวกเจ้าคิดหรือว่าจะได้เข้าสวรรค์ ทั้งที่ๆ
ยังไม่มีการ(ทดสอบ)ประสบแก่พวกเจ้าเหมือนที่บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเจ้า(ประสบมาก่อน)
ความอดอยากและโรคภัยได้ประสบแก่พวกเขา
และพวกเขายังถูกข่มขู่ให้หวาดกลัว(ด้วยประการต่างๆ นานา) กระทั่งรอซูลและบรรดาผู้ศรัทธาต่างกล่าวว่า
‘เมื่อใดเล่าที่อัลลอฮฺจะช่วยเหลือ?’ พึงทราบเถิดว่า
แท้จริงความช่วยเหลือของอัลลอฮฺนั้นอยู่แค่เอื้อม(สำหรับผู้ที่สามารถผ่านบททดสอบได้)” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 214)
ความว่า “หรือพวกเจ้าคิดว่าจะได้เข้าสวรรค์ ทั้งๆ
ที่อัลลอฮฺยังไม่ได้รู้(หมายถึงยังไม่มีปรากฏให้เห็น)ว่าผู้ใดที่ต่อสู้และอดทนในหมู่พวกเจ้า” (อาล อิมรอน : 142)
ความว่า “และเรา(อัลลอฮฺ)จะทดสอบพวกเจ้า กระทั่งเราได้รู้เห็นบรรดาผู้ที่ต่อสู้และอดทนในหมู่พวกเจ้า
และกระทั่งเราได้ทดสอบเรื่องราวต่างๆ ของพวกเจ้า” (มุหัมมัด :
31)
อายะฮฺทั้งหมดข้างต้นระบุอย่างชัดแจ้งว่า
การทดสอบเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดไว้แล้วโดยพระผู้อภิบาล
และเป็นสิ่งที่ผู้ศรัทธามิอาจหลีกหนีมันได้พ้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการจำแนกและแบ่งชั้นความศรัทธา
และรับผลตอบแทนตามระดับดีกรีอีมานของแต่ละคน
การทดสอบในชีวิตของผู้ศรัทธานั้นมีหลายระดับและหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามสถานะและสภาพของผู้ศรัทธานั้นๆ
โดยทั่วไปผู้ศรัทธาทุกคนมักจะต้องเจอกับบททดสอบเกี่ยวกับชีวิตโลกเช่นที่อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า “ทุกชีวิตย่อมต้องลิ้มรสความตาย
และเราจะทดสอบพวกเจ้าด้วยสิ่งที่เลวร้ายและด้วยสิ่งที่ดีเพื่อเป็นฟิตนะฮฺ(การทดสอบ)
และยังเราพวกเจ้าทั้งหลายจะกลับคืน” (อัล-อันบิยาอ์ :
35)
จากอายะฮฺข้างบน
ทำให้เราทราบว่าการทดสอบไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปของสิ่งที่เลวร้ายหรือความยากลำบากเสมอไป
ความสะดวกสบายก็เป็นบททดสอบได้เช่นกัน
เช่นที่เคยเกิดขึ้นกับชนเผ่าอิสรออีลแล้วในอดีต ดังที่อัลลอฮฺได้กล่าวถึงว่า
ความว่า “และเราได้ทดสอบพวกเขาด้วยสิ่งที่ดี(ความสะดวกสบาย)และความเลวร้าย(ความยากลำบาก)
เผื่อว่าพวกเขาจะกลับตน” (อัล-อะอฺรอฟ : 168)
บางทีสิ่งที่สวยสดงดงามดูเหมือนไม่มีพิษภัยใดๆ
ก็เป็นบททดสอบเช่นกัน ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
ได้กล่าวถึงความเขียวสดและชีวิตอันร่มรื่นในโลกนี้ความว่า
“แท้จริงโลกดุนยานี้ช่างหอมหวานและเขียวสด(เป็นบททดสอบที่น่ายั่วยวนและให้หลงใหล)
และแท้จริงอัลลอฮฺได้กำหนดให้พวกท่านอาศัยอยู่ในโลกนี้
เพื่อพระองค์จะได้เห็นว่าพวกท่านจะปฏิบัติอย่างไร
ดังนั้นจงพึงระวัง(ความสวยงามของ)โลกและพึงระวังบรรดาสตรี เพราะแท้จริงฟิตนะฮฺแรกที่เกิดขึ้นกับเผ่าอีสรออีลนั้น
มาจากสตรี” (บันทึกโดย มุสลิม : 2742)
แม้แต่ทรัพย์สมบัติ ลูกหลาน ภรรยา ความมั่งมี
และความรู้ของมนุษย์ก็เป็นบททดสอบความศรัทธาของพวกเขา
ทั้งปวงนี้เป็นบททดสอบระดับตื้นๆ ทั่วๆ
ไปที่ผู้ศรัทธาโดยรวมมักจะต้องประสบและถูกทดสอบโดยพระองค์อัลลอฮฺ
ทดสอบศรัทธาระดับลึก
การทดสอบผู้ศรัทธาในระดับลึกส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการต่อสู้และเผชิญหน้าระหว่างผู้ที่เชิดชูสัจธรรมของอัลลอฮฺกับบรรดาผู้ต่อต้าน
เป็นการเผชิญหน้าที่อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียและเป็นการทดสอบความเข้มแข็งของศรัทธาที่เข้มข้นมากขึ้นไปอีก
อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
ความว่า “แน่แท้ พวกเจ้าจะต้องถูกทดสอบในเรื่องทรัพย์สินและชีวิตของพวกเจ้า
และพวกเจ้าจะได้ฟังจากบรรดาชาวคัมภีร์ก่อนหน้าพวกเจ้าและจากเหล่า” ผู้ตั้งภาคีซึ่งการกล่าวร้ายอันมากมาย
และหากพวกเจ้าอดทนและยำเกรง แน่แท้ว่านั่นย่อมต้องเป็นสิ่งที่ดียิ่งแก่พวกเจ้า (อาล อิมรอน : 186)
การทดสอบในรูปแบบนี้ปรากฏให้เห็นตั้งแต่สมัยบรรดาศาสนทูตทั้งหลาย
และเห็นชัดเจนมากขึ้นไปอีกในยุคสมัยของท่านนบี มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ
วะสัลลัม จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีให้เห็นอย่างไม่หยุดไม่หย่อน
นับเป็นสัจธรรมที่ชัดเจนยิ่งของมหาคัมภีร์อัลกุรอาน
มีตัวอย่างในอดีตมากมายที่ระบุถึงการทดสอบบรรดาผู้ศรัทธา
บรรดานบีของอัลลอฮฺล้วนเป็นผู้ผ่านการทดสอบทั้งสิ้น อาทิ นบีนูห์ ถูกทดสอบด้วยการฝ่าฝืนของครอบครัวท่านเอง
ทั้งลูกเมียของท่านไม่ยอมศรัทธาและเชื่อฟังท่าน
เก้าร้อยห้าสิบปีที่ท่านเชิญชวนมวลมนุษย์สู่ศาสนาของพระเจ้ากลับมีผู้ที่ศรัทธาเพียงไม่กี่คน
นบีอิบรอฮีมก็ถูกทดสอบด้วยการโยนลงเข้ากองไฟ
และแม้แต่บิดาของท่านเองก็ไม่ยอมศรัทธาต่อการเชิญชวนของท่าน
เรื่องราวของนบีมูซากับฟิรเอาน์อีกเล่าก็ล้วนเป็นที่รู้กันว่าท่านต้องอดทนมากแค่ไหนในการนำชนเผ่าอิสรออีลอพยพออกจากดินแอนอียิปต์ข้ามน้ำข้ามทะเลทราย
สุดท้ายพวกอิสรออีลเสียเองที่ฝ่าฝืนต่อคำสั่งท่าน
แม้แต่ผู้ศรัทธาที่ไม่ใช่นบีอย่างอาสิยะฮฺภรรยาของฟิรเอาน์ที่ถูกสามีของนางทรมานเมื่อรู้ว่านางศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
เรื่องราวของอัศหาบุลอุคดูด(คูที่สุมด้วยกองไฟ) และเด็กหนุ่มผู้ศรัทธาที่โดนประหาร
แม้กระทั่งเรื่องราวของเศาะหาบะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
ที่ถูกเล่าขานกันมามากมายหลายกรณี เช่น เรื่องของครอบครัวยาสิร เรื่องของบิลาล
เรื่องของมุศอับ บิน อุมัยร์ เรื่องค็อบบาบ บิน อัล-อะร็อต และคนอื่นๆ อีกมาก
อุละมาอ์ในอดีตเช่น อิมามอบู หะนีฟะฮฺ อิมามมาลิก อิมามอัช-ชาฟิอีย์
อิมามอะห์มัด อิมามอัล-บุคอรีย์ ฯลฯ
และอีกมากต่อมากล้วนมีเรื่องที่เล่าขานกันถึงบททดสอบที่หนักหน่วงทั้งสิ้น
ผู้สืบทอดสารแห่งพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเผยแพร่แก่มนุษยชาติจะยังคงถูกทดสอบและเผชิญหน้ากับความท้าทายเช่นนี้ตลอดไปจนกว่าจะถึงวันที่โลกดับสูญ
เพราะพวกเขาเป็นผู้สืบสานอุดมการณ์ของเหล่าศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ
จึงมิอาจหลีกพ้นจากสัจธรรมข้อนี้ได้ ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
ได้กล่าวอธิบายไว้มีความว่า
“แท้จริงบรรดาผู้ที่ถูกทดสอบหนักหน่วงที่สุดคือบรรดานบี
จากนั้นก็คือผู้ที่ใกล้เคียงกับพวกเขา และผู้ที่ใกล้เคียงรองลงมา
บ่าวทุกคนจะถูกทดสอบตามระดับการยึดมั่นในศาสนา(ความศรัทธา)ของเขา
ถ้าหากเขายึดศาสนาไว้มั่นคงการทดสอบก็จะหนักหน่วง
และถ้าเขายึดศาสนาไว้เพียงเบาบางก็จะถูกทดสอบตามนั้น
การทดสอบจะเกิดขึ้นกับบ่าวอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งมันจะปล่อยให้เขาเดินเหินบนแผ่นดินโดยไม่มีบาปใดๆ
ติดตัวอีก(เนื่องจากถูกลบล้างด้วยการผ่านการทดสอบแล้ว)” (อัต-ติรมิซีย์ : 2398, อัน-นะสาอีย์ :
7481, อิบนุ มาญะฮฺ : 4023)
สิ่งที่น่าจดจำอีกประการหนึ่งก็คือ
ระดับการทดสอบของผู้ศรัทธายังสามารถส่อให้เห็นถึงระดับอีมานของเขา
และเป็นเป็นเครื่องหมายบ่งชี้ว่าอัลลอฮฺทรงรักเขามากกว่าคนอื่น เพราะท่านรอซูล
ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวไว้มี ความว่า
“แท้จริงแล้ว
เมื่ออัลลอฮฺรักชนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด พระองค์ก็จะทรงทดสอบพวกเขา
ใครที่อดทน(พอใจกับการทดสอบ)เขาก็จะได้รับความโปรดปราน
และใครที่ไม่อดทน(ไม่พอใจกับการถูกทดสอบ)เขาก็จะได้รับความไม่พอใจจากพระองค์” (อะห์มัด 5:427-428, อัต-ติรมิซีย์ : 2396, อิบนุ มาญะฮฺ : 4031)
บทสรุป
การทดสอบในชีวิตเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์ที่มนุษย์หลีกหนีไม่พ้น
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าเขาจะศรัทธาหรือไม่
หากแต่ผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺนั้นมีบททดสอบที่หนักหน่วงกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า
และในหมู่พวกเขากันเองก็มีระดับการทดสอบที่แตกต่างตามดีกรีความเข้มข้นของอีมานอีกชั้นหนึ่ง
ทั้งนี้เพื่อเป็นการจำแนกว่าผู้ใดควรได้รับผลตอบแทนมากน้อยแค่ไหน
จะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเผชิญหน้ากับการทดสอบ คือความอดทน
อันเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้มนุษย์ผ่านบททดสอบในชีวิตของเขาได้ อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
ความว่า “และแน่แท้ เราจะทดสอบพวกเจ้า
ด้วยสิ่งบางประการจากความหวาดกลัว(จากการคุกคามของศัตรู) ความหิวโหย
การลดหายของทรัพย์สิน ชีวิต และพืชผล และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทนเถิด
บรรดาผู้ที่เมื่อความทุกข์ยากในการทดสอบใดๆ ประสบกับพวกเขาแล้ว พวกเขาก็จะกล่าวว่า
‘แท้จริงเราเป็นกรรมสิทธิของอัลลอฮฺ
และแท้จริงเราจะกลับคืนไปยังพระองค์’
พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับพรและความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา
และพวกเขาเหล่านั้นคือบรรดาผู้ที่ได้รับทางนำ”
(อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 155-157)
ขออัลลอฮฺประทานความอดทนแก่เราและแก่ประชาชาติอิสลามทั้งผอง
เพื่อฟันฝ่าบททดสอบอันหนักหน่วงของพวกเขาทุกวันนี้และตลอดไป
จนกว่าจะกลับคืนสู่พระองค์ด้วยความสันติสุขเทอญ อามีน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น