วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2562

บิ๊กแบงในอัลกุรอ่าน!? #ตอนที่ 1

บิ๊กแบงในอัลกุรอ่าน!? #ตอนที่ 1 


1บิ๊กแบงในอัลกุรอ่าน!? #ตอนที่ 1
สาร์นตักเตือนไปยัง นักตอบโต้มุสลิม ที่เอาสมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายอัลกุรอ่าน
เรียบเรียงโดยดร.อบูอิย้าด อัมจ้าด รอฟิก 

เส้นคั่น1
أَوَلَمْ يَرَ الَّذِينَ كَفَرُوا أَنَّ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ كَانَتَا رَتْقًا فَفَتَقْنَاهُمَا وَجَعَلْنَا مِنَ الْمَاءِ كُلَّ شَيْءٍ حَيٍّ
(الأنبياء:30)
ความว่า: “และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้รวมติดเป็นอันเดียวกัน แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ”

สรุป

ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา บรรดานักโต้มุสลิมได้เดินตามเเนวทางของนักโต้คริสเตียน ที่ใช้คำภีร์ใบเบิ้ลเพื่อพิสูจน์สมมุติฐาน แบบจำลอง และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงนำมาเป็นพื้นฐานการเเปลความหมายในบางอายะฮฺของอัลกุรอ่าน ด้วยเจตนาเพื่อพิสูจน์การมีอยู่ของพระเจ้า

บรรดานักตอบโต้ที่บิดเบือนอย่างเลยเถิด อย่างในกรณีของ ซากิร ไนค์ จากการกล่าวเท็จของเขา คือนำเอาบางคำของอายะฮฺกรุอ่านมาสื่อความหมายตามที่ต้องการ ซึ่งวิธีการนี้ (มีต้นตอจากนักคิดสมัยใหม่ เช่น ญะมาลุดดิน อัล-อัฟฆอนีย์ และมูฮัมมัด อับดุฮฺ) และเป็นวิธีการของพวกเอทิสต์ในการตอบโต้มุสลิมที่อ้างวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์อิสลาม เช่นกัน

ในทางกลับกัน การตอบโต้เหล่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องของจักรวาลวิทยา ที่เป็นแค่การคาดเดา การอนุมาน เเละการตั้งสมมุติฐาน และตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้จริง ซึ่งสมมติฐานเหล่านี้ล้วนเเล้วได้รับการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือให้อยู่ในฐานะของ “ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์” ด้วยการใช้ประโยคทำนองที่ว่า “ตอนนี้เราค้นพบเเล้วว่า …” หรือประโยคว่า “ตอนนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า…” และคล้ายกับวิธีการของเอทิสต์ เมื่อพวกเขานำมาตอบโต้คำกล่าวอ้างของนักโต้มุสลิม ซึ่งความเชื่อของพวกเขา ก็ไม่ได้อยู่บนฐานของวิทยาศาสตร์เชิงประจักษ์แต่อย่างใด เป็นเเค่เพียงทฤษฏี และแนวคิดที่สร้างขึ้นจากความเหลือเชื่อเกินจริง และไม่ได้รับการโต้เเย้ง ไม่ได้รับการทดสอบสมมติฐานใดๆ เช่นกัน

เอกสารนี้จะชี้ให้เห็น ถึงความผิดพลาดของนักโต้มุสลิม และชี้ให้เห็นถึงอันตรายในแนวทางของพวกเขา ขณะเดียวกันได้ดึงพรมที่พวกเอทิสต์ซ่อนอยู่ รวมถึงศาสนาวิทยาศาสตร์ของพวกเขา ที่พวกเขาได้ยืนยันระดับความเชื่อมันดังกล่าวเอาใว้ และไม่อนุญาตให้คาดเดาในเรื่องความมั่นใจของพวกเขา[1]

[ 1- “นักจักรวาลวิทยาสามารถพูดอะไรก็ได้ที่โผล่ขึ้นมาในสมอง คิดรูปเเบบไร้สาระ ขึ้นมาเพื่ออธิบาย เรื่องของเวลา ที่สร้างบนฐานของตัวเลขที่ซับซ้อน เหมือนกับเรื่อง “ประวัติความเป็นมาของเวลา” ที่อธิบายโดยสตีเฟ่น ฮอกกิ้ง หรือ “การสร้างเครื่อง contraptions” ที่น่าอัปลัษณ์มาเพื่ออธิบาย “ทฤษฏีการพองโตของจักรวาล” (cosmic inflation) หรือ “ทฤษฏีหลายจักรวาล(universes multiplying)” ที่เกิดจากการสังเกต หลุมขาว(white holes),หลุมดำ(black holes), รูหนอน(worm holes) (เป็นที่รู้จักกันว่า ทางเชื่อมต่อ หรือ สะพานไอน์สไตน์-โรเซน) และ “ภาวะเอกฐานที่ไร้ขอบฟ้าเหตุการณ์ห่อ หุ้ม” (a naked singularity) ทฤษฏี ทั้งหมดเหล่านี้ ไม่ได้เเก้ใข หรือติติงใดๆ นอกจากในบางจุดเล็กๆ น้อยๆ นักฟิสิกส์ได้อธิบายไปอย่างไม่จบสิ้น เพราะสามารถทำได้” เดวิด เบอร์ลินสกี้ “Was There a Big Bang? Commentary” หน้า 28-38 กุมภาพันธ์ 1998 ]

บทนำ

การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พระเจ้าเเห่งสากลโลก ขออัลลอฮฺทรงประทานความจำเริญแต่ท่านนบี ซอลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม (และนบีอีซา นบีมูซา นบีอิบรอฮิม และนบีนุฮฺ ) เเด่ครอบครัวของท่าน และมิตรสหายของท่าน ในขั้นสูงสุดเเละประทานความปลอดภัยเเก่ท่านเหล่านันทั้งหมด

เนื่องจากความพยายามของนักโต้มุสลิมจำนวนมาก ที่อ้างว่า อัลกุรอ่าน พาดพิงหรืออ้างถึงเกี่ยวกับความใกล้เคียงกับ “วิทยาศาสตร์เทียม Psudo-science” (การทำให้ ปรัชญา ที่ดูเลื่อนลอยกลายเป็นศาสตร์ขึ้นมาโดยผ่าน วิธีทางวิทยาศาสตร์) หรือที่เรียกว่า “ปรัชญาการกำเนิดจักรวาล ตามแบบจำลองบิ๊กแบง The Bigbang Model” [2]

[ 2- ในส่วนเนื้อหานอกเหนือจากบทความนี้ เรามาทำความเข้าใจใหม่ในเรื่อง ศาสนาบิ๊กแบงจอมปลอมนี้ที่อ้างว่าเป็นวิทยาศาสตร์ที่อาศัยการรับรู้ทางกายภาพ พื้นฐานจากความรู้สึกทั่วไป และตรรกะจากภาพลวงตา และพาดพิงเพื่อให้เป็นหลักฐานสนับสนุน จินตนาการทางคณิตศาสตร์ ที่อยู่ในเพียงเเต่ในความคิด ให้ออกมาสู่ข้างนอก ให้ปรากฏออกมาเป็นข้อเท็จจริงให้ได้ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่า ยังมีข้อขัดเเย้งมากมายเกี่ยวกับบิ๊กแบง ที่มาจากนักวิทยาศาสตร์เอทิสต์หลายคนๆ ซึ่งพวกเขาอ้างว่า จักรวาลนิรันด์ และพวกเขาต่างเสนอรูปแบบของตัวเองมาประชัน เเสดงให้เห็นว่า ปัญหานี้ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ในหมู่พวกเขา

ยิ่งกว่านั้น เพียงเเค่ แบบจำลองบิ๊กแบง ที่เสนอเรืองจุดเริ่มต้นของจักรวาล ดูเหมือนจะเป็นประโยชน์ให้กับนักโต้เเย้งมุสลิม ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะถูกต้อง

ในทางกลับกัน การอ้างถึง วิวัฒนาการของ “จักรวาล” ตามแบบจำลองบิ๊กแบง เป็นโอกาสที่จะนำไปสู่การยอมรับ วิวัฒนาการทาง “ธรณีวิทยา” เเละ “ทฤษฏีวิวัฒนาการ” ของ ดาวินส์ อีกด้วย

แบบจำลอง บิ๊กแบง ซึ่งประกอบขึ้นด้วยคำอธิบายต่างๆ เช่น Lambda Cold Dark Matter, Relativistic Friedman- LeMaitre, McGaugh, Einstein-deSitter relativistic, LeMaitre, Eddington-LeMaitre and Zero-Kelvin นั้นกำหนดขึ้นบนความไม่ชัดเจน เเละมีตัวแปรหลายอย่าง ที่มีการปรับเปลี่ยนได้ ยังมีสิ่งที่ตรวจพบไม่ได้ ไม่ว่าพลังงาน และกำลัง ซึ่งมีการแปรผันได้ เปลี่ยนเปลงได้ตามต้องการ เเละมีการเเก้ใขเพิ่มเติมได้ในหลายจุด เช่น ในเรื่องการขยาย และความเร่ง เป็นต้น

แบบจำลองบิ๊กแบง ไม่ได้ถูกกำหนด และนำเสนอ ในแบบเดียวกับ วิทยาศาสตร์ที่สามารถ พิสูจน์สมมติฐานได้ ตามที่ถูกกำหนดใว้

นี่เป็นสาเหตุว่าทำไม มันเป็นเพียงเเค่ แบบจำลองหนึ่ง และไม่ได้ ยกระดับไปสู่ทฤษฏี

แบบจำลองบิ๊กแบง ไม่มีทางที่จะกลายเป็น ทฤษฏี หนึ่งได้ เพราะมันยังขึ้นอยู่กับสมมติฐานมากมายที่ยังไม่ได้พิสูจน์ รวมถึงสูตรต่าง ๆ ที่นำมาคาดคะเนก็ยังไม่นิ่ง

[ 3- การพิสูจน์จุดเริ่มต้นของจักรวาล ไม่ใช่เงื่อนไขสำหรับการพิสูจน์การมีอยู่ของผู้สร้าง เนื่องจากตรงข้ามกับคำกล่าวอ้างของ “อะฮฺลุลกาลาม” ที่มีเเนวทางการพิสูจน์การมีอยู่ของผู้สร้างอยู่หลายแนวทาง ไม่ใช่เเค่เเนวทางเดียว

ชัยคุลิสลาม อิบนุตัยมิยะฮฺ ได้กล่าวใว้ในตอนที่ท่านได้ตอบโต้อะฮฺลุลกาลาม (นักปรัชญาทางศาสนาที่นำอิลมุนกะลามมาใช้ตอบโต้ในเรื่องดาราศาสตร์) ว่า :

“… พวกเขาใช้ขอบเขตการยืนยันในเรื่องผู้สร้าง ด้วยความรู้เกี่ยวกับต้นกำเนิดของจักรวาล,และพวกเขาใช้ขอบเขตการยืนยันในเรื่องต้นกำเนิดของจักรวาล เพื่อยืนยันการกำเนิดของเทหวัตถุ เเต่การยืนยันในเรื่องผู้สร้างนั้น มีเเนวทางมากมายนับไม่ถ้วน และทั้งหมดนั้นมีความชัดเจน และชัดเจนกว่าวิธีการยืนยันในเรื่องต้นกำเนิดของจักรวาลเสียอีก

ดังนั้น สรุปได้ว่าเเนวทางในการยืนยันเรื่องผู้สร้างนั้นมีหลายทาง

เเละทั้งหมดกระจ่างชัดกว่าเเนวทางนี้(แนวทางที่อะฮฺลุลกาลามใช้) ทั้งหมดเป็นหลักฐานชี้ขาดและไม่สามารถยกเลิกได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ในเรื่องต้นกำเนิดของจักรวาล ที่ได้มาจากความรู้ในเรื่องต้นกำเนิดของเทหวัตถุ(องค์ประกอบของจักรวาล ) เพื่อยืนยันเรื่องผู้สร้าง

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่ต้องใช้ความรู้ในเรื่องจุดกำเนิดของจักรวาลที่จะอธิบายถึงจุดเริ่มเเรกของสรรพสิ่ง” (ฮูดูท อัล-อะอฺลัมม หน้าที่ 54) ]

“เเม้ว่าสิ่งที่เอทิสต์เสนอมาหลายเรื่องจะปฏิเสธในแนวทางการยอมรับความเชื่อที่มาจากการคาดเดา ซึ่งขัดเเย้งกับสิ่งที่อัลกุรอ่านได้ให้ข้อมูลในเรื่องผู้สร้างชั้นฟ้าและโลกใว้ และตรงกันข้ามกลับเป็นสิ่งที่จะทำให้นักตอบโต้มุสลิมเข้าไปอยู่ในเเเนวทางเดียวกันกับญะมียะฮฺในอดีต ซึ่งเป็นพวกที่ริเริ่มการบิดเบือนอัลกุรอ่าน ด้วยชุดความคิดทางปรัชญาจากศาสตร์ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น [4]

[ 4- พื้นฐานเเนวคิดของพวก “ญะฮฺมีย์” นั้นนำมาจากพวกยิวในยุคกรีกโบราณ , พวกคริสเตียนและพวกศอบิอะห์ มีพื้นฐานของความเชื่อที่ว่า จักรวาลนี้เริ่มต้นขึ้นมาด้วยกับคำกล่าวอ้างที่ว่า เทหวัตถุต่างๆ นั้น มีลักษณะการเกิดที่มาจากความบังเอิญเป็นส่วนสำคัญ ไม่เคยมีอะไรเกิดก่อนมัน เเละไม่มีอะไรจะเกิดหลังจากมันอีก ตัวเทหฺวัตถุต่างๆ มีความเป็นดั้งเดิมมาเเต่ต้นเเล้ว

ด้วยเหตุนี้ จักรวาลนั้นจะต้องเกิดมาจากองค์ประกอบของเทหฺวัตถุต่างๆ และจะต้องมีความเป็นดั้งเดิมจากอดีตที่ผ่านมา ในบางจุดด้วย เพราะห่วงโซ่นิรันดร์ของเหตุการณ์ต่างๆ คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเเปลงตามไป ในทางกลับกัน จุดกำเนิดของมัน จะต้องไม่ปรากฏ ในคุณสมบัติต่างๆ ที่พบในเทหฺวัตถุต่างๆ ทั้งหมด

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้พวกเขาเริ่มที่จะปฏิเสธพระนามเเละคุณลักษณะของอัลลอฮฺ เพราะถ้าหากยอมรับในสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นการทำให้หลักฐานของพวกเขาเป็นโมฆะ ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มบิดเบือนอายะฮฺกุรอ่าน ที่กล่าวถึงพระนามของอัลลอฮฺ และคุณลักษณะต่างๆ ของพระองค์ รวมถึงการกระทำของพระองค์ที่เเสดงถึงการมีรูปร่าง เพื่อทำให้พวกเขาไม่ตกไปอยู่ในจุดที่ขัดเเย้งในตัวเองกับเรื่องนี้

ในลักษณะที่คล้ายกันจากบรรดาผู้ที่ยืนยันความถูกต้องของ โครงสร้างเเบบจำลองบิกแบง จะเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องบังคับให้ทุกอายะฮฺของอัลกุรอ่านที่พูดถึง “การสร้าง” จะต้องทำให้หันมาปรับเข้ากับแบบจำลองนี้ให้ได้ มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปฏิเสธในบางอายะฮฺที่ไปขัดกับมัน โดยปริยาย และจำเป็นที่จะต้องบิดเบือนบางอายะฮฺกุรอ่านหลังจากที่มันจัดแจ้งอยู่เเล้ว

เมื่ออัลกุรอ่าน ไม่สอดคล้องกับแนวคิดที่พวกเขาคิดว่า ได้รับการพิสูจน์อย่างมีเหตุผลเเล้ว พวกเขาก็เริ่มที่จะตีความอัลกุรอ่าน เเละนี่ก็เป็นจุดกำเนิดของการ ตะวีล(ตีความ)ในอิสลาม ซึ่งในความเป็นจริงเเล้วก็คือ การตะอฺรีฟ (อธิบายตัวบทนอกเหนือเจตนาที่ถูกต้อง)นั่นเอง

การยอมรับ องค์ประกอบต่างๆ พื้นฐานของปรัชญาบิ๊กแบงจะทำให้เกิดการปฏิเสธเรื่องการสร้างในอัลกุรอ่าน แต่ไม่ใช่เป้ามายหลักของเอกสารฉบับนี้ ในการที่จะมาลงลึกรายละเอียดตอบโต้ แบบจำลองบิ๊กแบงนี้

ซึ่งความเชื่อแบบเดาสุ่มที่ได้รับมาอิทธิพลมาจากวิทยาศาสตร์นั้นมีมานานนับศรรตวรรษเเล้ว และรากเหง้าของมันนั้นต้องย้อนกลับไปยาวไกล

เจตนาหลักของบทความนี้ ก็เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ว่า เป้าประสงค์ของ อัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัล-อัมบิยะฮฺ อายะฮฺที่ 30 นั้น มีความเกี่ยวของกับแบบจำลองนี้หรือไม่

และการกล่าวอ้างในสิ่งที่อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุวะตะอาลา ไม่ได้กล่าวใว้ หรือเจตนาย่างนั้น ถือเป็นความอธรรมที่ยิ่งใหญ่ ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า “การที่พวกเจ้ากล่าวให้ร้าย แก่อัลลอฮฺในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้ (อัล-อะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 33 )

เเละมันมาจากคำเชิญชวนของชัยฏอน ตามที่อัลลอฮฺ ทรงบอกใว้ว่า “ที่จริงมันเพียงเเต่จะใช้พวกเจ้าให้ประกอบสิ่งชั่ว และสิ่งลามกเท่านั้น และจะใช้พวกเจ้ากล่าวความเท็จให้แก่อัลลอฮฺ ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้” (อัล-บาเกาะเราะฮฺ อายะฮฺที่ 169)

และเป็นสิ่งที่ต้องห้ามดังที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า “และอย่าติดตามสิ่งที่พวกเจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น แท้จริงหู และตา และหัวใจ ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน” (ซูเราะฮฺ อัลอิสรออฺ อายะฮฺที่ 36) ]

ในบทความสั้นๆ นี้ เราจะหยิบยก ตัวอย่าง คำพูดของนักโต้มุสลิม ผู้ที่ได้ตีความอัลกุรอ่าน ตรวจสอบความถูกต้อง และยกตัวอย่างคำกล่าวของผู้รู้ในเเนวทางซุนนะฮฺ ที่กล่าวถึงการ การตีความเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ในอัลกุรอ่าน รวมทั้งบทสรุปสั้นๆ ในเรื่อง ปรัชญา ความเชื่อทางศาสนา และสมมตุฐานที่ประกอบขึ้นเป็นแบบจำลองบิ๊กแบง เเละชี้เเจงความหมายที่ถูกต้องของอัลกุรอ่านในอายะฮฺดังกล่าว ด้วยคำพูดของบรรดานักอรรถาธิบายอัลกุรอ่าน จากยุคต้น ยุคกลาง และนักวิชาการร่วมสมัย ในปัจจุบัน

เขียนโดย อบูอิย้าด อัมจ๊าด รอฟิก
(วันที่ 3 กันยายน 2015)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น