วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

“อาลี อัลฮะบะบี่” กับ คณะกรรมการถาวรเพื่อการวิจัยและตอบปัญหาศาสนาฯ (ตอนที่ 1) Ishak Phongmanee

“อาลี อัลฮะบะบี่” กับ คณะกรรมการถาวรเพื่อการวิจัยและตอบปัญหาศาสนาฯ (ตอนที่ 1)
1-เพื่อมิให้บทความยืดยาวจนเกินไป ผมขอใช้วิธีสรุปส่วนที่มิใช่คำฟัตวาตรงๆ ดังนี้ คือมีคำถามๆ ไปยังคณะกรรมการถาวรฯ เกี่ยวกับหนังสือสองเล่มของอาลี อัลฮะละบี่ ว่าผิดถูกอย่างไร
2-หนังสือทั้งสองเล่มนั้น เรียกร้องไปสู่ความเชื่อที่ผิดๆ หรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดแบบ “อิรญาอ์” (ซึ่งจะได้อธิบายในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป)
3-ในหนังสือทั้งสองเล่มนั้น มีการอ้างอิงถึงชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะห์และฮาฟิซอิบนุกะษีรรวมถึงปราชญ์ท่านอื่นๆ ด้วย
4-หนังสือทั้งสองเล่มของอาลี อัลฮะบี่ที่กล่าวถึงนั้น คือ “อัตตะซี้ร มิน ฟิตนะติล ตักฟีร” และ “ซอยฮะห์นะซี้ร”
5-หลังจากที่ได้มีการศึกษาเนื้อหาของหนังสือทั้งสองเล่มของเขา (อาลี อัลฮะละบี่) แล้ว นักวิชาการของ “ลุจนะห์ฯ” จึงมีฟัตวาสรุปไว้ดังนี้
#คำแปล
1-ผู้เขียน เขียนหนังสือขึ้นบนพื้นฐานความเชื่อแบบ “มุรญิอะห์” ที่เป็นบิดอะห์และเหลียวไหล บรรดาผู้ที่จำกัดคำว่า “กุฟร์-การปฏิเสธศรัทธา” ไว้แค่การดื้อดึงปฏิเสธ การไม่เชื่อ และใจที่ไม่ยอมรับ ตามที่ปรากฏในหน้า 6 ฟุตโน้ตที่ 2 และในหน้าที่ 22 ค้านกับสิ่งที่ชาวซุนนะห์วัลญะมาอะห์ยึดถือ คือคำว่า “กุฟร์” นั้นเกิดได้ทั้งทางความเชื่อมั่น (ทางใจ) คำพูด การกระทำ และการสงสัย
2-ผู้เขียน บิดเบือนการอ้างอิงถึงอิบนุกะษีร ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือ (อัลบิดายะห์ วัลนิฮายะห์ เล่ม 13 หน้า 118 โดยอ้าง) ว่า อิบนุกะษีรกล่าวว่า “ เจียงยิสข่านอ้างว่า “อัลยาสิก” (Yassa-กฏหมายที่ตราขึ้นในยุคเขา) นั้นมาจากอัลลอฮ์ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเป็นการเฟร” และเมื่อมีการย้อนกลับไปค้นดูตามที่เขา(อาลี อัลลฮะละบี่) กล่าวอ้าง ก็ไม่พบข้อความที่เขากล่าวอ้างถึงอิบนุกะษีร ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ แต่อย่างใด
3-ผู้เขียน กล่าวเท็จต่อชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะห์ ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ ตะอาลา ไว้ในหน้า 17-18 โดยอ้างว่า “หุก่ม(ศาสนา) ที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปจะไม่เป็น “กุฟร์” ยกเว้นจะต้องจะเกิดจากความรู้ (และเข้าใจ เกิดจาก) ความเชื่อ และ (ถือว่า) ฮะล้าล (เป็นที่อนุมัติ นั่นละถึงจะเป็น “กุฟร์”)” นี่คือการกล่าวเท็จดิบๆ ต่อชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะห์ ร่อฮิมะฮุลลอฮุ ตะอาลา เพราะท่านคือผู้เผยแพร่แนวทางซะลัฟและแนวทางของอะลิซซุนนะห์วัลญะมาอะห์ ดังที่ผ่านมาแล้ว แต่นี้มันคือแนวทางของพวกมุรญิอะห์เท่านั้นเอง (คือที่นายอาลี อัลฮะละบี่กล่าวอ้างถึงชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะห์”
#จบตอนที่หนึ่ง (โปรดติตามตอนต่อๆ ไปครับ) หมายเหตุเล็กน้อยๆ
1-หากน้องๆ หนูๆ จะตอบโต้ ผมรับแค่ติติงเรื่องคำแปลของผม เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเนื้อหาเชิญตอบโต้คณะกรรมถาวรเพื่อการวิจัยและตอบปัญหาของประเทศซาอุดิอาราเบียนะครับ
2-คำตอบโต้ใดๆ อย่าเขียนเป็นภาษาไทยนะครับ เพราะคณะกรรมการฯ เขาอ่านภาษาไทยไม่ออก ให้เขียนเป็นภาษาอาหรับ โดยจะโพสต์เลยหรือจะส่งตรงไปยังเขาเลยก็ได้
3-อีกทางเหลือกหนึ่งคือ จะแปลคำตอบโต้ของนายอาลี อัลฮะละบี่ ที่มีต่อคำฟัตวาของคณะกรรมถาวรฯ แล้วนำเสนอผ่านทางการโพสต์ก็ได้นะครับ ผมไม่ขัดข้องแต่อย่างใด และผมเชื่อว่าท่านผู้ติดตามอ่าน เขาก็อยากจะศึกษาเช่นกัน
نص فتوى "اللجنة الدائمة للإفتاء" وإليك نصها كما في البيان التالي :
الحمد لله وحده والصلاة والسلام على من لا نبي بعده . . وبعد :
فإن اللجنة الدائمة للبحوث العلمية والإفتاء اطلعت على ما ورد إلى سماحة المفتي العام من بعض الناصحين من استفتاآت مقيدة بالأمانة العامة لهيئة كبار العلماء برقم : ( 2928 ) ، ( 2929 ) بتاريخ : 13 / 5 / 1421 هـ. ورقم ( 2929 ) وتاريخ 13 / 5 / 1421 هـ. بشأن كتابي ( التحذير من فتنة التكفير ) ، ( صيحة نذير ) لجامعهما / علي حسن الحلبي ، وأنهما يدعوان إلى مذهب الإرجاء ، من أن العمل ليس شرط صحة في الإيمان . وينسب ذلك إلى أهل السنّة والجماعة ، ويبني هذين الكتابين على نقول لشيخ الإسلام ابن تيمية والحافظ بن كثير وغيرهما رحم الله الجميع .
ورغبة الناصحين بيان ما في هذين الكتابين ليعرف القراء الحق من الباطل . . الخ . .
وبعد دراسة اللجنة للكتابين المذكورين ، والإطلاع عليهما تبين للجنة أن كتاب :
(التحذير من فتنة التكفير ) جمع / علي حسن الحلبي فيما أضافه إلى كلام العلماء في مقدمته وحواشيه يحتوي على ما يأتي:
1- بناه مؤلفه على مذهب المرجئة البدعي الباطل ، الذين يحصرون الكفر بكفر الجحود والتكذيب والاستحلال القلبي ، كما في ص / 6 حاشية /2 وص/22 ، وهذا خلاف ما عليه أهل السنة والجماعة: من أن الكفر يكون بالاعتقاد وبالقول وبالفعل وبالشك.
2- تحريفه في النقل عن ابن كثير - رحمه الله تعالى - في: ( البداية والنهاية: 13 / 118 ) حيث ذكر في حاشيته ص / 15 نقلاً عن ابن كثير: ( أن جنكيز خان ادعى في الياسق أنه من عند الله وأن هذا هو سبب كفرهم ) ،وعند الـرجوع إلى الـموضع المذكور لم يوجد فيه ما نسبه إلى ابـن كثير - رحمه الله تعالى - .
3- تقوله على شيخ الإسلام ابن تيمية - رحمه الله تعالى - في ص / 17 - 18 إذ نسب إليه جامع الكتاب المذكور: أن الحكم المبدل لا يكون عند شيخ الإسلام كفراً إلا إذا كان عن معرفة واعتقاد واستحلال. وهذا محض تقول على شيخ الإسلام ابن تيمية - رحمه الله تعالى - فهو ناشر مذهب السلف أهل السنّة والجماعة ومذهبهم ، كما تقدم وهذا إنما هو مذهب المرجئة

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น