วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กฏเกณฑ์ทางหลักนิติศาสตร์อิสลามคำว่า "เฎาะรูเราะฮ" Asan Madadam

กฏเกณฑ์ทางหลักนิติศาสตร์อิสลามคำว่า "เฎาะรูเราะฮ"

มีกฏนิติศาสตร์อิสลามหรือ อุศูลุลฟิกฮว่า

الضَّرُورَاتُ تُبِيحُ المَحْظُورَاتِ

การอยู่ในภาวะความจำเป็นนั้นทำให้สิ่งต้องห้ามเป็นที่อนุมัติได้

الضرورة: ما لا بد للإنسان من بقائه.

คำว่า"เฎาะรูเราะฮ"หมายถึง สิ่งที่การดำรงอยู่ของมันจำเป็นสำหรับมนุษย์

المحظورات: الحرام المنهي عن فعله.

คำว่าอัลมะหซูรอต คือ สิ่งต้องห้าม ที่ถูกห้ามปฏิบัติมัน

معنى القاعدة: العذر يجوز الشيء الممنوع

ความหมายของกฏเกณฑ์นี้คือ การมีอุปสรรคจำเป็น อนุญาตสิ่งที่ถูกห้าม

ความหมายในทางวิชาการคำว่า "เฎาะรูเราะฮ"คือ
1.อัรรอซีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า

هي خوف الضرر أو الهلاك على النفس أو بعض الأعضاء بترك الأكل

คือ การกลัว อันตรายหรือความเสียหายแก่ตัวเอง หรือบางส่วนของ อวัยวะ ด้วยการละทิ้งการกิน(สิ่งนั้น)

الجصاص، أحكام القرآن: 1/ 195
2.อัซซัรกอนีย์ (ร.ฮ)กล่าวว่า

هي خوف الهلاك على النفس علمًا أو ظنًّا

คือการกลัวจะเกิดความเสียหายแก่ชีชีวิต โดยรู้ หรือ ค่อนข้างจะมั่นใจ

الزرقاني، شرح مختصر خليل: 3/ 8

3.อิหม่ามสะยูฏีย(ร.ฮ)กล่าวว่า

الضرورة بلوغه حدًّا إن لم يتناول الممنوع هلك أو قارب، وهذا يبيح تناول الحرام

คือความจำเป็นที่ถึงขั้นที่ว่า หากไม่รับสิ่งที่ต้องห้าม จะเสียชีวิต หรือ ใกล้เคียง และกรณีนี้ อนุญาตรับประทานสิ่งที่ต้องห้ามได้

السيوطي، الأشباه والنظائر، ص 61.
4.อิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ)กล่าวว่า

الضرورة: التي يحصل بعدمها حصول موت أو مرض أو العجز عن الواجبات

คือความจำเป็นที่ด้วยเหตุที่ไม่มีมัน จะมีผลให้ได้รับ ความตายหรือ เจ็บป่วยหรือ ไม่สามารถที่จะปฏิบัติบรรดาสิ่งที่เป็นวาญิบต่างๆได้
ابن تيمية، مجموع الفتاوى: 31/ 226.

.............

จากนิยามทางวิชาการที่กล่าวข้างต้น คำว่า "เฎาะรูเราะฮ "คือการอยู่ในภาวะจำเป็นอย่างยิ่งยวด ที่อันตรายต่อชีิวิต หรือความเสียหายต่ออวัยวะ หรือเกิดการเจ็บป่วย หรือทุพพลภาพจนไม่สามรถประกอบ/ประฏิบัติสิ่งที่เป็นวาญิบต่างๆได้

คือจำเป็นและอยู่ในภาวะคับขันจริง ๆ ไม่ใช่แค่คาดเดาหรือมโนไปเอง

เพราะฉะนั้น ขอให้พิจารณา ในกรณีโควิด ถ้าคิดว่าอันตรายจริง ก็ใช้กฏเฎาะรูเราะฮกักตัวที่บ้าน แต่ถ้ามั่นใจว่าปลอดภัย ก็ต้องไปละหมาดที่มัสยิดตามปกติเหมือนในยามปกติ ทำไมจึงต้องละทิ้งข้อผ่อนปรน แล้วไปใช้ข้อผ่อนปรนที่ทำให้เปลี่ยนสิ่งที่เป็นสุนนะฮนบี คิดกันนะครับ ขอมาอัฟถ้าไม่ถูกใจ

อะสัน หมัดอะดั้ม
27/5/63

ในภาพอาจจะมี พื้นหญ้า, สถานที่กลางแจ้ง และธรรมชาติ

อุปสรรคที่อนุญาตให้ละทิ้งละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดได้ Asan Madadam

อุปสรรคที่อนุญาตให้ละทิ้งละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดได้

الحمد لله والصلاة والسلام على رسول الله وعلى آله وصحبه أما بعد:

มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ และขอความเมตตาและความสันติสุขจงประสบแด่รซูลุลลอฮ ,แก่วงศ์วานของท่านและบรรดาสาวกของท่าน ,หลังจากนั้น

فإذا كان الرجل المسلم الحر المقيم (وهذا الذي تجب عليه صلاة الجمعة) له عذر معتبر شرعاً، فإنه يجوز له التخلف عن صلاة الجمعة ما دام متصفاً بذلك العذر، ومن الأعذار المعتبرة شرعاً المرض والتمريض لشخص يحتاج إلى ملازمة الممرض، وكذلك الخوف المحقق على النفس، أو ضياع المال أو تلفه، أو نحو ذلك.

คนมุสลิมที่เป็นอิสระชนและอยู่กับบ้าน (และผู้นี้การละหมาด
ญุมอัต(วันศุกร์)จำเป็นเหนือเขา) เมื่อเขามีอุปสรรคที่ได้รับพิจารณาในทางศาสนา ก็อนุญาตให้เขาละทิ้งละหมาดวันศุกร์ได้ ตราบใดที่เขาเป็นผู้ทีมีคุณสมบัติด้วยอุปสรรคดังกล่าว
และส่วนหนึ่งจากบรรดาอุปสรรคที่ได้รับการพิจารณาในทางศาสนบัญญัติ คือ การเจ็บป่วย,การพยาบาล สำหรับบุคคลใด ที่จำเป็นต่อบุรุษพยาบาล(ดูแล) และเช่นเดียวกันนั้น การกลัวที่ได้รับการยืนยันว่าเกิดอันตรายต่อชีวิต หรือ การสูญเสียทรัพย์สิน หรือการเกิดความเสียหาย หรือในทำนองนั้น

ISLAMWEB.NET
العذر المبيح للتخلف عن صلاة الجمعة متى يجوز عدم الذهاب إلى صلاة الجمعة أما بعد فإذا كان الرجل المسلم الحر المقيم وهذا الذي تجب عليه صلاة الجمعة له عذر معتبر شرعا فإن....

การจัดแถวให้ตรงในทัศนะของอิบนุตัยมียะฮ คือว่าญิบจะต้องจัดแถวให้ตรง Asan Madadam

การจัดแถวให้ตรงในทัศนะของอิบนุตัยมียะฮ คือว่าญิบจะต้องจัดแถวให้ตรง

อิบนุอัลอุษัยมีน(ร.ฮ)กล่าวว่า

ولهذا كان القولُ الرَّاجحُ في هذه المسألة: وجوب تسوية الصَّفِّ، وأنَّ الجماعة إذا لم يسوُّوا الصَّفَّ فهم آثمون، وهذا هو ظاهر كلام شيخ الإِسلام ابن تيمية رحمه الله . لكن إذا خالفوا فلم يسوُّوا الصَّفَّ فهل تبطل صلاتهم؛ لأنهم تركوا أمراً واجباً؟

และเพราะเหตุนี้ปรากฏว่า ทัศนะที่มีน้ำหนักในประเด็นนี้ คือ วาญิบ(จำเป็น)จะต้องจัดแถวให้ตรง และแท้จริงการละหมาดญะมาอะฮ เมื่อพวกเขา ไม่จัดแถวให้ตรง พวกเขาคือผู้ที่ทำบาป และนี้คือที่ปรากฏชัดเจนของคำพูดชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ (ร.ฮ) แต่เมื่อพวกเขาขัดแย้ง โดยพวกเขา ไม่ชัดแถวให้ตรง การละหมาดของพวกเขาเป็นโมฆะไหม? เพราะพวกเขาทิ้งสิ่งที่เป็นวาญิบ

الجواب: فيه احتمالٌ، قد يُقال: إنها تبطل؛ لأنهم تركوا الواجب. ولكن احتمال عدم البطلان مع الإِثم أقوى؛ لأن التسويةَ واجبةٌ للصلاةِ لا واجبة فيها، يعني أنها خارج عن هيئتها، والواجبُ للصَّلاةِ يأثمُ الإِنسانُ بتَرْكِه، ولا تبطلُ الصَّلاةُ به، كالأذان مثلاً، فإنه واجبٌ للصَّلاةِ، ولا تبطل الصَّلاةُ بتَرْكِه" انتهى من الشرح

คำตอบ
ในมัน คือความเป็นไปได้ บางที่ จะถูกกล่าวว่า แท้จริงมันเป็นโมฆะ เพราะแท้จริงพวกเขาทิ้งสิ่งที่เป็นวาญิบ และ แต่เป็นไปได้ว่า ไม่เป็นโมฆะ พร้อมกับมีบาป เป็นทัศนะที่แข็งแรงกว่า เพราะการจัดแถวให้ตรงเป็นวาญิบสำหรับละหมาด ไม่ใช่วาญิบในละหมาด หมายถึง มันอยู่นอกวิธีละหมาด และวาญิบสำหรับละหมาด ผู้คนจะมีบาป ด้วยการละทิ้งมัน และการละหมาดนั้นจะไม่เป็นโมฆะ ด้วยมัน เช่น การอาซาน เป็นต้น เพราะมันเป็นวาญิบสำหรับละหมาด และการละหมาดจะไม่เป็นโมฆะ ด้วยการทิ้งมัน - อัรชันหอัลมุมมตะอ 3/10

สรุป
1.ในทัศนะที่มีน้ำหนัก การจัดแถวให้ตรงเป็นวาญิบ และเป็นทัศนะของอิบนุตัยมียะฮ
2. การไม่จัดแถวให้ตรงการละหมาดไมเป็นโมฆะ การละหมาดที่จัดแถวไม่ตรงนั้นเป็นบาป
3. การละหมาดญะมาอะฮที่จัดแถวไม่ตรง ไม่ทำให้ละหมาดเป็นโมฆะ เพราะการจัดแถวเป็นวาญิบสำหรับละหมาดไม่ใช่เป็นวาญิบในละหมาด

การจัดแถวให้ทรงเป็นวาญิบ เป็นทัศนะที่มีน้ำหนัก การละหมาดญะมาอะฮที่จัดแถวไม่ตรงนั้นเป็นบาป

อะสัน หมัดอะดั้ม
27/5/63

ในภาพอาจจะมี ข้อความ

Moonzir Manteemoh 25 พฤษภาคม · #ใครก็ได้ช่วยผมที!


#ใครก็ได้ช่วยผมที!

😵 เกิดดราม่าอะไรกันขึ้นในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กผม งง ไปหมดแล้ว! มึนมากๆ ถูกถามเรื่องนี้ตั้งแต่ค่ำวานยันตอนนี้ที่พิมพ์อยู่ (00 : 03) น.

😨 สรุปคือคนแก้บวชเย็นวันเสาร์โดยไม่มีเหตุอันควรทำบาปใหญ่ไปแล้วหรือ? ทั้งๆ ที่รับข่าวการเห็นเดือนจากต่างประเทศ ไม่ได้เหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย!

😰 สรุปคือข่าวการเห็นเดือนจากประกาศอย่างเป็นทางการขององค์กรดูจันทร์เสี้ยว ในทวีปเอฟริกา ไม่น่าเชื่อถือ ที่น่าเชื่อคือพาดหัวข่าวบนทวิสเตอร์ของศูนย์ดาราศาตร์นานาชาติ งั้นเหรอ? แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ? คือไร?

😵 สรุปออกอีดที่ผ่านมาประเทศซาอุดี้อารเบียเขาเอาผลการดูดวงจันทร์ หรือ เอาผลการคำนวณทางดาราศาสตร์เป็นเกณฑ์ในการเข้าบวชออกบวช มันยังไง? ผมเริ่มสับสนล่ะ? เขาเปลี่ยนแนวแล้วใช่ไหม? คือไม่เข้าใจจริงๆ ใครช่วยบอกหน่อย! มันเป็นแบบนั้นใช่ไหม?

😟 สรุปแล้วที่เราเคยบอกว่าเดือนในก็ได้ เดือนนอกก็ดี แบบนี้เรายังใช้มาตรฐานเดิมนี้อยู่ไหม? หรือเราติดตามผลการดูดวงจันทร์จากโพสต์บนทวิสเตอร์ของศูนย์ดาราศาสตร์นานากันแล้วหรือ? เมื่อไหร่? ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย?

😱 สรุปว่าถ้าการไม่รับข่าวที่น่าสงสัย ไม่ผิดและไม่บาป แล้วการรับข่าวที่น่าเชื่อถือและยืนยันได้คือ? ผิด? บาป? หรือยังไง? ผมปวดกะบาลละเนี่ย!

😫 เอาไง? เอาไง? สังคมซุนนะห์เราเนี่ย? เฮ้ย! งงอ่ะ! หรือจะตามซาอุดี้อย่างเดียว? หลักการคือ? ประเทศอื่นช่าง (.?.) มัน เอางี้ใช่ไหมครับ? ถ้าเอาแบบนี้เราตามผู้นำดีกว่าไหม? เราจะได้ไม่ทะเลาะกันในบ้านในเมือง?

🥴 สรุปคือเดือนอาหรับเมื่อก่อนมี 29 หรือ 30 วัน แต่พอมาปีนี้ 29 วันบวชขาด 30 บวชครบ ผมไม่รู้เขาเปลี่ยนจำนวนวันกันเมื่อไหร่?ให้เป็น 30 กับ 31 วัน ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่มีใครบอกผมเลย? มีแต่คนบอกว่าเมิงบวช 29 วันเมิงบวชขาดต้องกอฎอใช้ 1 วัน เฮ้ย!!แล้วทำไมไม่มีใครบอกผมเลย! ว่าเขาเปลี่ยนกันแบบนี้แล้ว!

😵 สรุปว่าเมื่อวานนี้ที่พวกเราส่งข้อความหากันเต็มหน้าโซเชี่ยล ผิดพลาดขออภัย ผิดใจขอมอัฟ อะไรที่ทำให้ไม่สบายใจในอดีตขอมอัฟ ขอมอัฟทั้งซอเฮรและบาเต็ล ตะก็อบบะลั้ลลอฮ์ มินนา วะมินกุม กุลลุอามิน วะอันตุม บิค็อยริน อีดมุบาร็อก ทั้งหมดนี้คือไร? หลังจากวันนี้ซัดกันต่อ อีดหน้าว่ากันใหม่หรือไง? แบบนั้นใช่ไหม? งง!

😩 สรุปคือผมว่าผมมีจุดยืนในเรื่องเข้าเดือนออกเดือนที่เป็นกลางๆ ที่สุดแล้วนะ โดยเฉพาะกับเรื่องเดือนในก็ได้ เดือนนอกก็ดี ขอแค่ยอมรับกันให้ได้ ขอแค่อย่าด่ากัน! เพราะนักวิชาการเขาอะลุ่มอะล่วย กันมานานมากแล้ว แต่พอมาวันนี้ไหนเป็นแบบนี้ คือ งง! จริงๆ เรามาถึงจุดนี้กันได้ไง?

👉 หมายเหตุ : คอมเม้นได้เต็มที่ ระบายได้สูบ แต่อย่าเอาไปวิพากษ์ที่อื่นนอกจากเพจนี้เท่าขอสงวนลิขสิทธิ์เฉพาะพื้นที่นี้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้แค๊ปหน้าจอหรือคัดข้อความใดๆโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเพจก่อน และขอความกรุณาอย่าสถุลมากเกินไป ห้ามใช้คำหยาบคาย มีอารยธรรมกันด้วยนะครับ ยินดีรับฟังทุกความเห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ ใครไม่เชื่อบล็อกอย่างเดียวนะครับ

#ใครก็ได้ช่วยบอกผมที!
💔💔💔💔💔

(ด้วยพระนามของอัลลอฮ์)
🙋‍♂️ ใครก็ได้ช่วยตอบผมที? #EP : 2 (ตอนจบ)
🤝 เราทุกคนชอบแสวงหาสัจธรรมกันใช่หรือไม่?
🤝 เราไม่มีความรู้เรื่องดาราศาสตร์ แล้วเราจะเข้าใจหลักการได้อย่างไร?
เราไม่มีความรู้และไม่ได้เล่นทวิสเตอร์ เราจะรู้ข่าวสารจากมันได้อย่างไร?
👉 ก็ตามที่ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
إِنَّا أُمَّةٌ أُمِّيَّةٌ لَا نَكْتُبُ وَلَا نَحْسُبُ؛ الشَّهْرُ هَكَذَا وَهَكَذَا، يَعْنِي مَرَّةً تِسْعَةً وَعِشْرِينَ وَمَرَّةً ثَلَاثِينَ
ความว่า “พวกเราเป็นประชาชาติที่อ่านไม่ออก เขียนไม่เป็น เราไม่เขียน เราไม่คำนวน เดือนนั้นมีอย่างนี้,อย่างนี้ หมายถึงบางครั้งก็ 29 วันและบางครั้งก็ 30 วัน” มุตตะฟะกุนอลัยฮิ (สำนวนคำรายงานจากศอเฮียะห์บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 1780)
🙈 ภาพจากทวิสเตอร์เจ้าปัญหาจะหมดปัญหาทันทีเมื่อเรามีหัวใจที่น้อมรับหลักการศาสนาของอัลลอฮ์ ตะอาลา เพราะนักดาราศาสตร์เขาก็ไม่พยายามปกปิดข้อมูลดาราศาสตร์ ซึ่งนักดาราศาสตร์มีทั้งที่บอกว่าเห็นดวงจันทร์และไม่เห็นดวงจันทร์ แต่ทำไมพวกเราจึงสรุปว่าดาราศาสตร์ฟันธงลงเสาเข็มว่าไม่เห็นดวงในปลายเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา?
🙉 ซึ่งในขณะที่นักดาราศาสตร์หลายท่านคำนวณและกล่าวไว้ดังนี้
1.ดร.ซอและห์ อัลอุญัยรี่ กล่าวว่า วันอีดคือ วันอาทิตย์






2.ดร.อาดิ้ล อัสสะอฺดูน กล่าวว่า วันอีดคือ วันอาทิตย์
3.ดร.คอลิด อัซซุอาก กล่าวว่า วันอีดคือ วันอาทิตย์
4.คอลิด อัลคุฎ้อยรฺ กล่าวว่า วันอีดคือ วันเสาร์
🙊 การที่เอามาลงและตอกย้ำกันแบบนี้เผื่อว่าครั้งต่อไปขอให้คนประเทศไทยมีแค่เดือนนอกกับเดือนในพอแล้วครับ อย่าเอาดาราศาสตร์มารณรงค์กันอีกเลย แค่เดือนนอกเดือนในเราก็ไม่ไหวจะเถียงกันแล้วนะครับ เราเถียงกันมาหลายสิบปีจนเราเกือบจะยอมรับและเข้าใจกันได้แล้ว แต่พอมีดาราศาสตร์มา เดี๋ยวก็มีนับค่ำ เดี๋ยวก็มีเอาเดือนซาอุดี้อย่างเดียว หรือเอาเดือนอีหร่านอย่างเดียว เหนื่อยไหม๊? ถามจริงๆจากใจ
#อัลลอฮุ้ลมุสตะอาน
#ร็อบบ่านา ลาตุซิฆ กุลูบ่านา บะอฺด้า อิซฮ่าดัยต้านา ว่าฮับล่านา มิลล่าดุนก้า เราะฮฺมะฮฺ อินน่าก้า อันตั้ลวะฮฺฮ้าบ (ซูเราะฮฺ ตอฮา : 114)
#ผู้อภิบาลของพวกเราได้โปรดอย่าทำให้หัวใจของพวกเราหันเหออกจากความจริงภายหลังจากที่ท่านได้นำทางเราแล้วและได้โปรดให้ความเมตตาของท่านแก่พวกเราแน่นอนพระองค์ท่านคือผู้ที่ทรงประทานให้อย่างมากมาย
💞 หมายเหตุ : เครดิตข้อมูลทั้งหมดไม่ใช่ของผมเป็นของเพื่อนรักของผมคนนึงที่ส่งมาให้ดู เพราะผมไม่ได้เล่นทวิสเตอร์ เล่นไม่เป็น แต่เขาปารถนาอยากให้เรา"ชาวซุนนะห์ในประเทศไทย" กลับไปยึดหลักการเดิมของศาสนา ที่พวกเรายึดกันมาตั้งแต่ในอดีต จนถึงปัจจุบัน ยันอนาคตข้างหน้า อินชาอัลลอฮ์ ดุอาอฺให้เขาและครอบครัวของพวกเขาด้วยครับ



วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

อัลลอฮทรงรักที่จะให้ข้อผ่อนปรนของพระองค์ได้รับการปฏิบัติ



อัลลอฮทรงรักที่จะให้ข้อผ่อนปรนของพระองค์ได้รับการปฏิบัติ

คำว่า "ข้อผ่อนปรน ภาษาอาหรับเรียกว่า "รุคเศาะฮ( رُخصة )หมายถึง

التسهيل والتيسير


แปลว่า "ทำให้ง่าย และทำให้สะดวก -อัลมิศบาหฺอัลมุนีร 1/223

ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

إن الله يحب أن تؤتى رخصه كما يكره أن تؤتى معصيته

แท้จริงอัลลอฮรักต่อการที่ข้อผ่อนปรนของพระองค์ถูกปฏิบัติ ดังเช่นที่ทรงรังเกียจต่อการที่สิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนต่อประองค์ถูกปฏิบัติ – รายงานโดย อะหมัด หะดิษหมายเลข 5866 และอิบนุหิบบาน หะดิษหมายเลข 2742 ท่านเช็คอัลบานีย์ระบุไว้ในหนังสือ อัลอิรวาอ์อุลเฆาะลีร เล่ม 3 หน้า 9 หะดิษหมายเลข 564 ว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ

อิหม่ามอัชเชากานีย์กล่าวว่า

"وفيه أنَّ الله يحب إتيان ما شرعَه من الرُّخَص ، وفي تشبيه تلك المحبة بكراهته لإتيان المعصية : دليلٌ على أنَّ في تَرْكِ إتيانِ الرُّخصة ، ترك طاعة ، كالترك للطاعة الحاصل بإتيان المعصية

ในหะดิษ แสดงบอกว่า แท้จริงอัลลอฮทรงรัก การปฏิบัติสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติมันจากการผ่อนปรน และในการเปรียบการรักดังกล่าวนั้นด้วย การที่พระองค์ทรงรังเกียจ ต่อการปฏิบัติสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืน แสดงบอกว่า แท้จริงในการละทิ้งการปฏิบัติตามข้อผ่อนปรนนั้น คือการละทิ้งการภักดี (ต่ออัลลอฮ) เช่นเดียวกับการละทิ้งการภักดี ที่เกิดขึ้นด้วยสาเหตุการปฏิบัติสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืน - นัยลุลเอาฏอร 3/244

..............

สรุป
1.อัลลอฮทรงรักที่จะให้ข้อผ่อนปรานของพระองค์ได้รับการปฏิบัติ ซึ่งเรียกว่า อัรรุคเศาะฮอัรชัรอียะฮ

2. เหมือนกับที่อัลลอฮทรงรังเกียจการที่สิงที่เป็นการฝ่าฝืนต่อพระองค์ถูกปฏิบัติ

2. การปฏิบัติในสิ่งที่ศาสนาผ่อนปรน ถือเป็นการภักดี(เชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ) และแสดงว่า การละทิ้งข้อผ่อนปรนของศาสนานั้นคือการละทิ้งการฏออะฮ(การภักดีต่ออัลลอฮ)

มันแปลก ไม่เคยพบเคยเห็น ในขณะที่เราส่งเสริมให้ปฏิบัติตามข้อผ่อนปรนในเรื่องศาสนา แต่มีคนค้านจนสุดลิ่ม หาสารพัดฟัตวามาค้าน แถมดูถูกเหยียดหยามฝ่ายที่สนับสนุนให้พี่น้องปฏิบัติตามข้อผ่อนปรนของศาสนา มันเพื่ออะไรกัน หรือเพื่อแค่เอาชนะ ไม่ไหวถ้าเอาวิธีการเล่นการเมืองน้ำเน่ามาใช้กับเรื่องศาสนา ศาสนาจะว่าอย่างไรก็ช่างขอเอาชนะไว้ก่อน

อะสัน หมัดอะดั้ม
12/5/63




ถามผู้รู้ไม่ใช่ถามหาตรรกแต่ถามหาหลักฐาน

ถามผู้รู้ไม่ใช่ถามหาตรรกแต่ถามหาหลักฐาน
คงไม่มีใครหรอก ไม่ผ่านผู้รู้ ไม่ผ่านครู ไม่ผ่านตำราอุลามาอฺ พูดไปยัดข้อหากันไปไม่รู้จักจบ เรื่องไม่เอาอุลามาอฺ ไม่ผ่านอุลามาอฺ
อายะฮที่ว่า
فَاسْأَلُوا أَهْلَ الذِّكْرِ إِن كُنتُمْ لَا تَعْلَمُونَ
" ดังนั้น พวกเจ้าจงถามบรรดาผู้รู้ หากพวกเจ้าไม่รู้" (อันนะหฺลู / ๔๓)
อายะฮข้างต้น ไม่ได้สอนให้ตักลิดตามความเห็น และตรรกอุลามาอฺ โดยปราศจากหลักฐาน แต่เป็นการสอนให้ถามข้อเท็จจริง หรือหลักฐานจากอุลามาอฺ หรือบรรดาผู้รู้
อิหม่ามเชากานีย์(ร.ฮ) อธิบายว่า
وَقَدِ اسْتُدِلَّ بِالْآيَةِ عَلَى أَنَّ التَّقْلِيدَ جَائِزٌ وَهُوَ خَطَأٌ ، وَلَوْ سَلِمَ لَكَانَ الْمَعْنَى سُؤَالَهُمْ عَنِ النُّصُوصِ مِنَ الْكِتَابِ وَالسُّنَّةِ ، لَا عَنِ الرَّأْيِ الْبَحْتِ ، وَلَيْسَ التَّقْلِيدُ إِلَّا قَبُولَ قَوْلِ الْغَيْرِ دُونَ حُجَّتِهِ . ِ .
แท้จริง ด้วยอายะฮนี้ ได้ถูกอ้างเป็นหลักฐาน ว่า การตักลิดนั้น คือ เป็นการอนุญาต และมันคือ ความผิดพลาด และถ้าจะให้มันปลอดภัย ความหมายก็คือ การถามพวกเขา(หมายถึงบรรดาผู้รู้) เกี่ยวกับหลักฐาน จากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ไม่ใช่ถาม เกี่ยวกับความเห็น ล้วนๆ และการตักลิด ไม่ใช่อื่นใด นอกจากการรับเอาคำพูดผู้อื่นโดยปราศจากหลักฐานของมัน ดูตัฟสีร ฟัตหุลเกาะดีร เล่ม 5 หน้า 929
.......
เพราะฉะนั้น อายะฮข้างต้น สอนให้ถามข้อเท็จจริงและหลักฐานจากผู้รู้ (อุลามาอ) ไม่ใช่ถามความเห็นผู้รู้ แล้วตามอย่างหูหนวกตาบอด
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
12/5/63


เขาห้ามไม่ให้เอาไอ้ดำเมืองไทยไปเทียบกับอุลามาอฺซาอุ

เขาห้ามไม่ให้เอาไอ้ดำเมืองไทยไปเทียบกับอุลามาอฺซาอุ
ได้ฉายา "ไอ้ดำเมืองไทย" สุดยอดเลย รู้สึกขำๆ มีคนห้ามชาวบ้านไม่ให้เอา "ไอ้ดำเมืองไทย" ไปเทียบกับอุลามาอซาอุ" เพราะไอ้ดำเมืองไทยคัดค้านการไปยื่นละหมาดระยะห่างในแถวที่มัสยิด ในภาวะโรคระบาด เพราะไอ้ดำเมืองไทย เห็นว่า "ข้อผ่อนปรนทางศาสนา(รุคเศาะฮชัรอีย์) ยังมีชองให้ปฏิบัติอยู่
เนื้องด้วย "ไอ้ดำเมืองไทย"มีทัศนะตรงกับ ครูบาอาจาย์ที่เขากำลังจะทำลายล้างแค้น เข้าพอดี บวกกับมีทัศนะไม่ตรงกับฟัตวาชัยค์ซาอุบางท่านที่เขาเอามาเพื่อดิสเครดิตอาจารย์ที่เขาจ้องที่จะทำลาย เนื่องจากอาจารย์คนนี้ไปขัดแย้งกับทัศนะ ของอาจารย์ที่เขาตะอัศศุบ ผมเลยพลอยติดรางแห ไปด้วย ถูกกล่าวหาว่า "ปกป้องลูกพี่ ถูกฉายาว่า "ดำเมืองไทย" ฮะฮา สุดยอด อดีตเคยถูกฉายา จากพวกสายตรรกว่า "ไอ้สันขวาน" ตอนนี้ ได้รับเกียรติจากพวกที่อ้างตามสะลัฟว่า "ไอ้ดำเมืองไทย"....สุดยอดกระเทียมดองจริงๆ
อะสัน หมัดอะดั้ม
13/5/63

ยุคนี้ถ้าเจอหะดิษ ก็จะมีคนถามว่า"ผ่านอุลามาอฺหรือยัง?

ยุคนี้ถ้าเจอหะดิษ ก็จะมีคนถามว่า"ผ่านอุลามาอฺหรือยัง?
รู้สึกว่า คนไม่อยู่ในระดับอุลามาอฺ อยู่ยากแล้วตอนนี้ โดยเฉพาะโต๊ะครูไทย เพราะจะสอนอะไร ก็จะมีคนมาคอยแย้งว่า "ผ่านอุลามาอฺหรือยัง"
ในขณะที่สะลัฟ สอนว่า ให้ยึดหะดิษ และทิ้งทัศนะที่ขัดแย้งกับหะดิษ เช่น
อิหม่ามชาฟิอี (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
أجمع المسلمون على أنَّ مَن استبان له سُنَّةٌ عن رسول الله صلى الله عليه وسلم لم يحل له أنْ يَدَعها لقول أحد
บรรดามุสลิมต่างก็มีมติเอกฉันท์ว่า ผู้ใดที่สุนนะฮจากรซูลุลลอฮ ศอลฯ ได้ปรากฏชัดเจนแก่เขาแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้เขาละทิ้งมัน(สุนนะฮ) เพื่อไปเอาคำพูดของคนหนึ่งคนใด -สิฟัตเศาะลาติลนบี หน้า 50
................
สะลัฟ ให้ยึดหะดิษให้ทิ้งทัศนะ แต่แปลก ในปัจจุบัน เมื่อเจอหะดิษ เขาให้รอทัศนะก่อนว่า มีความเห็นว่าอย่างไร
คนที่ห้ามเรื่องการยืนระยะห่างในแถวถูกประนามว่า "ออกตัวแรง ไม่ดูฟัตวาอุลามาอฺเสียก่อน เลยถูกกระหน่ำยับเยิน
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/5/63


ความหมายคำว่า อย่าล้ำหน้าอัลลอฮและรอซูล

ความหมายคำว่า อย่าล้ำหน้าอัลลอฮและรอซูล
พระองค์ทรงตรัสว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لا تُقَدِّمُوا بَيْنَ يَدَيِ اللَّهِ وَرَسُولِهِ وَاتَّقُوا اللَّهَ إِنَّ اللَّهَ سَمِيعٌ عَلِيمٌ
โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! พวกเจ้าอย่าได้ล้ำหน้า (ในการกระทำใด ๆ) เมื่ออยู่ต่อหน้าอัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้-อัลหุญะรอต/1
อิบนุกะษีร กล่าวว่า
قَالَ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَلْحَةَ ، عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ : ( لَا تُقَدِّمُوا بَيْنَ يَدَيِ اللَّهِ وَرَسُولِهِ ) : لَا تَقُولُوا خِلَافَ الْكِتَابِ وَالسُّنَّةِ
อาลี บิน อบี ฏอ็ลหะฮ ได้กล่าวว่ารายงานจาก อิบนุอับบาส เกี่ยวกับอายะฮที่ว่า(พวกเจ้าอย่าได้ล้ำหน้า อัลลอฮและร่อซูลของพระองค์) หมายถึง พวกเจ้าอย่าพูดขัดแย้งกับอัลกุรอ่านและอัสสุนะฮ “- ดู ตัฟสีรอิบนุกะษีร เล่ม 7 หน้า 364 อรรถาธิบาย อายะฮที่ 1 ซุเราะฮ อัลหุญรอต
อิบนุกอ็ยยิม (ร.ฮ) กล่าวว่า
أَيْ لَا تَقُولُوا حَتَّى يَقُولَ ، وَلَا تَأْمُرُوا حَتَّى يَأْمُرَ ، وَلَا تُفْتُوا حَتَّى يُفْتِيَ ، وَلَا تَقْطَعُوا أَمْرًا حَتَّى يَكُونَ هُوَ الَّذِي يَحْكُمُ فِيهِ وَيَمْضِيهِ ، رَوَى عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَلْحَةَ عَنْ ابْنِ عَبَّاسٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا : لَا تَقُولُوا خِلَافَ الْكِتَابِ وَالسُّنَّةِ.
หมายถึง พวกท่านอย่าพูด จนกว่า เขา(อัลลอฮหรือรอซูล) พูด ,ท่านอย่างสั่ง จนกว่าเขาสั่ง ,ท่านอย่าฟัตวา จนกว่าเขาฟัตวา (ตัดสินชี้ขาด) และพวกเจ้าอย่า ตัดสินสิ่งใดอย่างเด็ดขาด จนกว่า เขา(อัลลอฮหรือรอซูล)จะชี้ขาด ในมันและตัดสินมัน ,อาลี บิน อบีฏอ็ลหะฮ รายงานจาก อิบนุอับบาส (ร.ฎ) ว่า พวกเจ้าอย่าพูดขัดแย้งกับอัลกุรอ่านและอัสสุนะฮ- เอียะลามอัลมุวักกิอีน 1/51
หมายความว่า อย่ากล่าวเกี่ยวกับสิ่งใด ก่อนทีอัลลอฮหรือรอซูลกล่าวไว้ ,อย่าสั่งสิ่งใด ก่อนที่ อัลลอฮหรือรอซูล สั่ง ,อย่าฟัตวาหรือชี้ขาดเกี่ยวกับประเด็นใดก่อนที่อัลลอฮหรือรอซูล ตัดสินชี้ขาด และอย่ากล่าวตัดสินสิ่งเป็นการเด็ดขาด(แบบฟันธง) ก่อนที่อัลลอฮหรือรอซูล ตัดสิน
??
................
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/5/63


การศึกษาหาความรู้ศาสนา โดยไม่มีหลักฐาน เสมือนคนแบกไม้ฟืนที่มีงูร้ายซ่อนอยู่

การศึกษาหาความรู้ศาสนา โดยไม่มีหลักฐาน เสมือนคนแบกไม้ฟืนที่มีงูร้ายซ่อนอยู่
อิบนุกอ็ยยิม (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وَقَدْ نَهَى الْأَئِمَّةُ الْأَرْبَعَةُ عَنْ تَقْلِيدِهِمْ ، وَذَمُّوا مَنْ أَخَذَ أَقْوَالَهُمْ بِغَيْرِ حُجَّةٍ ; فَقَالَ الشَّافِعِيُّ : مَثَلُ الَّذِي يَطْلُبُ الْعِلْمَ بِلَا حُجَّةٍ كَمَثَلِ حَاطِبِ لَيْلٍ ، يَحْمِلُ حُزْمَةَ حَطَبٍ وَفِيهِ أَفْعَى تَلْدَغُهُ وَهُوَ لَا يَدْرِي ، ذَكَرَهُ الْبَيْهَقِيُّ
และความจริง อิหม่ามทั้งสี่ ได้ห้ามตักลีด(เชื่อตาม)พวกเขา และพวกเขาตำหนิผู้ที่ยึดเอาคำพูดของพวกเขาโดยปราศจากหลักฐาน แล้วท่านอิหม่ามชาฟิอีย์กล่าวว่า" อุปมาผู้ที่ศึกษาหาความรู้ โดยไม่มีหลักฐาน อุปมัยดังเช่น คนหาไม้ฟืนยามค่ำคืน ,เขาแบกมัดของไม้ฟืน และในนั้นมีงูจะกัดเขาอยู่ โดยที่เขาไม่รู้ ,อัลบัยฮะกีย์ได้ระบุเอาไว้
- อะอฺลามุลมุวักกิอีน เล่ม 1 หน้า 139
...........
การศึกษาศาสนา ต้องศึกษาคำสอนของเจ้าของศาสนา โดยการนำของศาสนทูตของเจ้าของศาสนา คือ หมายถึงศึกษาคำสอนของอัลลอฮ ผ่านท่านรอซูล ศ็อลฯ ไม่ใช่ปิดตาตาม ใครว่าอย่างไรฉันก็ว่าอย่างนั้น
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/5/63

อย่าเป็นบุคคลประเภทที่ห้า

อย่าเป็นบุคคลประเภทที่ห้า
عَنِ الْحَسَنِ، أَنَّ أَبَا الدَّرْدَاءِ قَالَ: كُنْ عَالِمًا أَوْ مُتَعَلِّمًا أَوْ مُحِبًّا أَوْ مُتَّبِعًا , وَلَا تَكُنِ الْخَامِسَ فَتَهْلِكَ. قَالَ: قُلْتُ لِلْحَسَنِ: مَنِ الْخَامِسُ؟ قَالَ: الْمُبْتَدِعُ (المدخل إلى السنن الكبرى للبيهقي (ص: 269)
รายงานจาก หุมัยดิน รายงานจากอัลหะซัน ว่า แท้จริง อบีอัดดัรดาอฺ ได้กล่าวว่า " ท่านจงเป็นผู้มีความรู้ หรือผู้ที่เรียน หรือผู้ทีรัก(ความรู้ )และผู้ปฏิบัติตาม และอย่าเป็นบุคคลที่ห้า แล้วท่านจะหายนะ เขา(หุมัยดฺผู้รายงานจากอัลหะซัน)กล่าวว่า "ฉันได้กล่าว(ถาม)แก่อัลหะซันว่า และบุคคลที่ห้าคืออะไรหรือ? เขา(อัลหะซัน)กล่าวตอบว่า "อัลมุบตะเดียะ (ผู้ที่อุตริบิดอะฮ)- อัลญาเมียะลิชุอบินอีหม่าน ของอัลบัยฮะกีย์ หมายเลข 1581 เล่ม 3 หน้า 229และอัลมัดค็อล อิลา อัสสุนนันอัล กุบรอ หน้า 269
..............
สรุปคือ
จงเป็น 1.ผู้มีความรู้ (ผู้สอน) 2.ผู้เรียน 3. ผู้รักวิชาความรู้ 4.ผู้ปฏิบัติตาม อย่าเป็นบุคคลประเภที 5 คือ ผู้ที่ประดิษฐ์บิดอะฮในศาสนา
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/5/63


ลักษณะที่ไม่มีในผู้ที่ยึดซุนนะฮนบี

ลักษณะที่ไม่มีในผู้ที่ยึดซุนนะฮนบี
ท่านอิบนุมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้เล่าว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า
لَيْسَ المُؤْمِنُ بِالطَّعَّانِ وَلَا اللَّعَّانِ وَلَا الفَاحِشِ وَلَا البَذِيءِ ا
ผู้ศรัทธาไม่ใช่ผู้ที่กล่าวให้ร้าย ไม่ใช่ผู้ที่ชอบสาปแช่ง ไม่ใช่ผู้ที่พูดจาลามก และไม่ใช่ผู้ที่พูดจาหยาบคาย” บันทึกโดยอัตติรมิซียฺ


ตัวอย่างคำพูดของปราชญ์ที่ยึดหลักฐานจากอัลกุรอ่านและสุนนะฮ

ตัวอย่างคำพูดของปราชญ์ที่ยึดหลักฐานจากอัลกุรอ่านและสุนนะฮ
มีผู้อ้างว่า "สนับสนุนให้อ่านสิ่งใดจากอัลกุรอ่าน ที่กุโบร์ และหากว่าอ่านกุรอ่านจนจบเล่มก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี"
ما نصه : قال الشافعي رحمه الله : ويستحب أن يقرأ عنده شئ من القرءان وإن ختموا القرءان عنده كان حسنا
............
เช็คบินบาซตอบกรณีข้ออ้างข้างต้นไว้น่าฟังคือ
هذا ليس عليه دليل، وإن صح عن الشافعي فليس عليه دليل، والصواب أنه لا يستحب، والشافعي رحمه الله من العلماء المعروفين بالسنة ولكن كل يخطئ ويصيب، كل عالم له أخطاء، مثل ما قال مالك رحمه: ما منا إلا راد ومردود عليه، إلا صاحب هذا القبر، يعني النبي - صلى الله عليه وسلم
นี้คือ ไม่ใช่หลักฐานบนมัน และถ้าหากเป็นรายงานเศาะเฮียะจากอัชชาฟิอี ก็ไม่ใช่หลักฐานบนมัน และที่ถูกต้อง แท้จริงมัน(การอ่านอัลกุรอ่านอุทิศผลบุญให้ผู้ตายที่กุบูร) นั้น ไม่ชอบให้กระทำ(หมายถึงไม่ส่งเสริมให้ทำ-ผู้แปล) และอัชชาฟิ(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาอุลามาอฺที่ เป็นรู้กันในการยึดมั่นในอัสสุนนะฮ แต่ ..ทุกคนย่อมมีผิดพลาด และมีถูกต้อง, ผู้มีความรู้ทุกคน ย่อมมีการผิดพลาด ดังเช่น คำพูดของอิหม่ามมาลิก(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดจากพวกเรา เป็นผู้ที่มีผู้รับ(ทัศนะของเขา) และถูกปฏิเสธ บน(ทัศนะ)เขา ยกเว้น เจ้าของหลุมศพนี้ ซึ่งหมายถึง รซูลุลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
http://www.binbaz.org.sa/mat/9958
..............
สรุป
1.มีคนอ้างว่าอิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ)ส่งเสริมให้อ่านอัลกุรอ่านที่กุโบร์ ชัยค์บินบาซ โต้แย้งว่า ต่อให้รายงานถูกต้องว่าอิหม่ามชาฟิอีพูดจริง ก็ไม่ใช่หลักฐาน เพราะที่ถูกต้องคือ ไม่ส่งเสริมให้อ่านอัลกุรอ่านที่กุโบร์
2. ชัยค์บินบาซ บอกว่าอิหม่ามชาฟิอี เป็นที่รู้กันว่า เคร่งครัดในสุนนะฮ แต่คนมีความรู้นั้น ก็มีผิด และมีผิดพลาด
3. ชัยค์บินบาซ อ้างคำพูดอิหม่ามมาลิกว่า "คนอื่นๆนั้นทัศนะของเขา มีคนยอมรับและปฏิเสธ ยกเว้นคำพูดนบี ซึ่งไม่ผิดพลาด
ข้างต้นคือ ข้อคิดสำหรับคนที่คลั่งอุลามาอฺจนเลยเถิด
อะสัน หมัดอะดั้ม
14/5/63