ชีวประวัติ “ท่านมัสรูก บินอัลอัจดะอฺ” เราะหิมะฮุลลอฮ
โดย ชัยคฺ อะหฺมัด ฟะรีด หะฟิเซาะฮุลลอฮ
แปลและเรียบเรียงโดย Zunnur
นี่คือชีวประวัติของอุละมาอ์ท่านแรกจากชุดชีวประวัติเพื่อการศึกษา ชีวประวัติของบรรดาอุละมาอ์อะฮฺลุสสุนนะฮฺ 60 ท่าน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการอบรมเยาวชนผู้ฟื้นฟูอิสลาม ดังที่บรรดาอุละมาอ์ผู้มีชื่อเสียงและบรรดาอิมามผู้มีเกียรติได้รับการอบรมมา ทั้งในเรื่องความสมถะ(ซุฮดฺ) ความสำรวมตน(วะเราะอฺ) ความพอเพียง(กะฟาฟ) ความขยันในทำการอิบาดะฮฺ และความรู้สึกกลัวต่ออัลลอฮ(ค็อชยะฮฺ) จนกระทั่งพวกเขาได้ร่วมยืนอยู่บนเส้นทางที่มีเกียรติ ครอบครองตำแหน่งแห่งคุณธรรม และรักที่จะส่งมอบความดีงาม
อาลิมท่านแรกนี้คือตาบิอีนคนสำคัญท่านหนึ่ง ท่านคืออิมามนักปฏิบัติ นามว่า มัสรูก บิน อัลอัจดะอฺ อัลหะมะดานีย์ ท่านมีโอกาสเรียนรู้จากบรรดาอุละมาอ์ในหมู่เศาะหาบะฮฺหลายท่าน เช่น ท่านอับดุลลอฮ บินมัสอูด , ท่านอลี และท่านหญิงอาอิชะฮฺ ท่านคือคนที่มีความสมถะ สำรวมตน และขยันทำอิบาดะฮฺ ขออัลลอฮทรงเมตตาท่าน ท่านคือแบบอย่างที่ดีงาม เราจึงเริ่มต้นชุดชีวประวัติที่มีความจำเริญนี้ด้วยชีวประวัติของท่าน ขออัลลอฮทรงตอบรับความจงรักภักดีของเราทุกคน และรวมพวกเราให้ได้อยู่ร่วมกับบรรดาอุละมาอ์ที่มีเกียรติ ณ ตำแหน่งที่สูงส่งยิ่ง ขอการสถาพร ความศานติ และความจำเริญจงมีแด่ผู้ที่ถูกส่งมาในฐานะเป็นความเมตตาแก่สากลโลก และแด่ครอบครัวของท่าน ตลอดจนบรรดาเศาะหาบะฮฺที่ใบหน้าและมือที่สว่างไสวของพวกเขา มวลการสรรเสริญทั้งหลายเป็นของอัลลอฮ พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล
ชื่อและการเกิดของท่านมัสรูก
ชื่อของท่าน :
ชื่อของท่านคือ มัสรูก บินอัลอัจดะอฺ อัลหะมะดานีย์ อัลวาดิอีย์ , อบูอาอิชะฮฺ อัลกูฟีย์ สายตระกูลแบบครบถ้วนของท่านคือ มัสรูก บินอัลอัจดะอฺ บินมาลิก บินอุมัยยะฮฺ บินอับดุลลอฮ บินมุรรฺ บินสัลมาน(บางรายงานบอกว่า สะละมาน) บินมะอฺมัร บินอัลหาริษ บินสะอดฺ บินอับดุลลอฮ บินวาดิอะฮฺ [1]
อัลหาฟิซ อบูบักรฺ อัลเคาะฏีบ กล่าวว่า “เมื่อก่อน ท่านเคยถูกลักพาตัวขโมยไปสมัยยังเป็นเด็ก ต่อมาก็ถูกพบเจอและถูกตั้งชื่อว่า มัสรูก(คนที่ถูกขโมยไป) และอัลอัจดะอฺ บิดาของท่านก็ได้เข้าอิสลาม” [2]
การเกิดของท่าน :
ไม่มีอุละมาอ์คนใดที่ได้เขียนชีวประวัติของท่านทำการยืนยันเกี่ยวกับวันเกิดของท่าน พวกเขาเพียงยืนยันว่า ท่านเสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺที่ 62 หรือ 63 เท่านั้น
ฮารูน บินหาติม พูดจากอัลฟัฎลฺ บินอัมรฺ ว่า “เขาเสียชีวิตในช่วงอายุ 63 ปี”
ดังนั้น ท่านจึงเกิดในปีฮิจเราะฮฺที่ 1 หรือ 1 ปีก่อนปีฮิจเราะฮฺ วัลลอฮุอะอฺลัม
คำชื่นชมยกย่องของบรรดาอุละมาอ์ต่อท่านมัสรูก
จากมาลิก บินมิฆวาล กล่าวว่า ฉันได้ยินอบูอัสสะฟัร พูดไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งว่า “ไม่มีหญิงชาวหะมะดานีย์คนใดที่เคยให้กำเนิดคนอย่าง(ที่แม่ของมัสรูกได้ให้กำเนิด)มัสรูก” [3]
จากอามิร อัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่ามีใครที่ขยันขันแข็งในการศึกษาเรียนรู้ในทั่วทุกมุมโลกมากไปกว่ามัสรูก”
จากมันศูร บินอิบรอฮีม กล่าวว่า “บรรดาลูกศิษย์ของอับดุลลอฮ(บินมัสอูด)ที่อ่านความรู้และสอนสุนนะฮฺแก่ผู้คนนั้นได้แก่ อัลกอมะฮฺ , อัลอัสวัด , อุบัยดะฮฺ , มัสรูก , อัลหาริษ บินก็อยสฺ และอัมรฺ บินชุเราะหฺบิล” [4]
อัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “เมื่อครั้นที่อับดุลลอฮ บินซิยาด มาถึงกูฟะฮฺ เขาถามว่า ‘ใครคือคนที่มีเกียรติที่สุด?’ ชาวกูฟะฮฺบอกกับเขาว่า ‘มัสรูก’” [5]
อิบนุ อัลมะดีนีย์ กล่าวว่า “ฉันไม่ให้ความสำคัญกับใครที่เคยละหมาดตามหลังท่านอบูบักรบอกไปกว่ามัสรูก” [6]
อิมามอะหฺมัด บินหัมบัล กล่าวว่า “อิบนุอุยัยนะฮฺพูดว่า ‘มัสรูกยังคงมีชีวิตอยู่หลังจากอัลกอมะฮฺเสียชีวิต และไม่มีใครที่ประเสริฐไปกว่าเขา’” [7]
จากอิบนุ อับญัร จากอัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “มัสรูกรอบรู้เกี่ยวกับคำฟัตวามากกว่าชุร็อยฮฺ และชุร็อยฮฺมักจะขอความเห็นจากมัสรูกเสมอ” [8]
ยะหฺยา บินมะอีน กล่าวว่า “มัสรูกคือคนที่น่าเชื่อถือ(ษิเกาะฮฺ) ไม่จำเป็นต้องถามเกี่ยวกับคนเช่นนี้อีกแล้ว”
อุษมาน บินสะอีด เคยถามยะหฺยาเกี่ยวกับมัสรูกและอุรวะฮฺเกี่ยวกับ(รายงานของทั้งสอง)จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ และเขาก็ไม่ถูกขอให้เลือก(หมายถึง ทั้งสองคือคนที่เชื่อถือได้-ษิเกาะฮฺ) [9]
อิบนุ สะอดฺ กล่าวว่า “เขาคือนักรายงานที่น่าเชื่อถือ และเขามีหะดีษที่ดี” [10]
อัลอิจลีย์ กล่าวว่า “เขาคือตาบิอีนที่เชื่อถือได้ คือลูกศิษย์คนหนึ่งของอับดุลลอฮที่อ่าน(ความรู้แก่ผู้คน)และให้คำฟัตวาเสมอ เขาคือคนขยันทำการละหมาด จนกระทั่งฝ่าเท้าบวม” [11]
อบูนุอัยมฺ กล่าวว่า “ในบรรดาคนที่รอบรู้เกี่ยวกับพระเจ้าของพวกเขา หลงใหลอยู่ในการรักพระองค์ รำลึกถึงบาปของตนเอง เป็นที่รู้จักในเรื่องวิชาความรู้ ได้รับความเชื่อถือในเรื่องความรับผิดชอบและรักษาสัญญา และขยันขันแข็งในการทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮนั้น เขาคือบิดของอาอิชะฮฺ ชื่อว่ามัสรูก”[12]
จากมุญาฮิด จากอัชชะอฺบีย์ จากมัสรูก ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เคยกล่าวว่า “โอ้มัสรูก เธอคือลูกคนหนึ่งของฉัน และเธอคือคนที่ฉันรักมากที่สุดในหมู่พวกเขา เธอมีความรู้เกี่ยวกับหะดีษอัลมุคดัจญ์(เคาะวาริจญ์คนหนึ่งที่มีแขนพิการ)ไหม?” [13]
ความขยันหมั่นเพียรในการอิบาดะฮฺของท่านมัสรูก
จากอิบรอฮีม บินมุหัมมัด บินมุนตะชิร กล่าวว่า “มัสรูกปล่อยผ้าม่านกั้นระหว่างตัวเขากับครอบครัวของเขา แล้วเขาก็มุ่งความสนใจไปที่การละหมาด และปล่อยครอบครัวไว้กับเรื่องดุนยาของพวกเขา” [14]
อนัส บินสิรีน ได้พูดจากภรรยาของท่านมัสรูก ว่า “มัสรูกละหมาดจนกระทั่งฝ่าเท้าทั้งสองบวม บางครั้งฉันนั่งอยู่ข้างหลังเขาพร้อมกับร้องไห้ เพราะเห็นสิ่งที่เขากระทำต่อตัวเขาเอง” [15]
จากฟิฏรฺ บินเคาะลีฟะฮฺ จากอัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “มัสรูก บินอัลอัจดะอฺเคยเป็นลมในวันที่ร้อนจัด ในขณะที่เขาถือศีลอด และท่านหญิงอาอิชะฮฺ ภรรยาของท่านนนบีได้ทำให้เขาเป็นลูกบุญธรรมของท่าน เขาจึงตั้งชื่อลูกสาวของเขา(มัสรูก)ว่าอาอิชะฮฺ เขาไม่เคยปฏิเสธคำขอของลูกสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วลูกสาวก็มาหาเขาพร้อมถามว่า ‘พ่อค่ะ กินเถอะ ดื่มเถอะ’ เขาตอบว่า ‘ลูกอยากได้อะไรจากพ่อหรือ ลูกจ๋า?’ ลูกสาวตอบว่า ‘ความรักความเอ็นดู’ เขาพูดตอบไปว่า ‘โอ้ลูกเอ๋ย แท้จริงพ่อเสาะหาแต่เพียงความรักความเอ็นดูสำหรับตัวพ่อเอง ในวันที่ความนานของวันนั้นเท่ากับ 50,000 ปี(ต่อหนึ่งวันของดุนยา)’” [16]
จากอบูอิสหาก กล่าวว่า “มัสรูกเคยทำฮัจญ์ และเขาผ่านช่วงค่ำคืนในสภาพที่สุญูด(ละหมาดสุนนะฮฺ)เสมอ” [17]
อิบรอฮีม บินมุหัมมัด อัลมุนตะชิร กล่าวว่า “คอลิด บินอับดุลลอฮ อัลอะสีด ผู้ว่าการเมืองบัศเราะฮฺ เคยมอบของขัวญแก่มัสรูกลุงของฉันจำนวน 30,000 (ดิรฮัม) และเขาในขณะนั้นมีความจำเป็นต้องใช้มันอย่างมาก แต่เขากลับไม่รับมัน”
อบูอิสหาก อัสสะบีอีย์ กล่าวว่า “มัสรูกได้จัดการแต่งงานลูกสาวของเขากับอัสสะอิบ บินอัลอักรออ์ ด้วยค่ามะฮัร 10,000 (ดิรฮัม) เขาตัวเขาเอง ด้วยมีประสงค์เพื่อแจกจ่ายให้แก่บรรดามุญาฮิดและคนยากจน” [18]
จากอัลอะอฺมัช บินอะบีอัฎฎุฮา กล่าวว่า “มัสรูกเคยยืนละหมาด เสมือนเป็นคนนักพรต เขาพูดกับครอบครัวของเขาว่า ‘จงนำความต้องการทุกอย่างของพวกท่านมา แล้วบอกแก่ฉันก่อนที่ฉันจะยืนขึ้นทำการละหมาด’” [19]
จากสะอีด บินญุบัยรฺ กล่าวว่า “มัสรูกเคยพบฉันและพูดว่า ‘โอ้สะอีด ไม่มีสิ่งที่ปรารถนาอันใดหลงเหลืออยู่อีก เว้นแต่ความปรารถนาของเราที่จะให้ใบหน้าจมลงไปในผืนดิน(หมายถึง การสุญูดต่ออัลลอฮ)’” [20] [21]
ท่าทีและจุดยืนของท่านมัสรูกครั้นเกิดฟิตนะฮฺความวุ่นวาย
จากอัชชะอฺบีย์ กล่าวว่า “หากมีคนพูดกับมัสรูกว่า ‘ท่านล่าช้าในการปกป้องท่านอลีและล่าช้าในการติดตามเข้าร่วมสงครามของเขา’ ท่านจึงตอบไปว่า ‘ฉันขอเตือนพวกท่านต่ออัลลอฮ พวกท่านรู้หรือไม่ ขณะที่ส่วนหนึ่งของพวกท่านเข้าแถวกันเพื่อเผชิญหน้ากับอีกส่วนหนึ่ง และส่วนหนึ่งของพวกเขาหยิบยกอาวุธเพื่อ(ฆาฟัน)อีกส่วนหนึ่ง แล้วส่วนหนึ่งของพวกท่านก็สังหารอีกส่วนหนึ่ง ประตูชั้นฟ้าจึงถูกเปิดออก ในขณะที่พวกท่านมองเห็น หลังจากนั้นมลาอิกะฮฺท่านหนึ่งก็ลงมาจากนั้น จนกระทั่งเมื่อมลาอิกะฮฺท่านนั้นได้อยู่ที่ระหว่างทั้งสองฝ่าย เขาพูดว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَأْكُلُوا أَمْوَالَكُم بَيْنَكُم بِالْبَاطِلِ إِلَّا أَن تَكُونَ تِجَارَةً عَن تَرَاضٍ مِّنكُمْ ۚ وَلَا تَقْتُلُوا أَنفُسَكُمْ ۚ إِنَّ اللَّهَ كَانَ بِكُمْ رَحِيمًا
โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่ากินทรัพย์ของพวกเจ้าในระหว่างพวกเจ้าโดยมิชอบ นอกจากมันจะเป็นการค้าขายที่เกิดจากความพอใจในหมู่พวกเจ้า และจงอย่าฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตาต่อพวกเจ้าเสมอ (อันนิสาอ์ 4 : 29)
นั่นเป็นสิ่งที่หักห้ามพวกเจ้ามิให้ฆ่าฟันกันหรือไม่?’ พวกเขาตอบว่า “ใช่” เขาพูดต่อไปว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮ แท้จริงอัลลอฮทรงเปิดประตูชั้นฟ้าเพื่อการนั้น และแท้จริงมลาอิกะฮฺที่มีเกียรติท่านหนึ่งได้ลงมาพร้อมนำพามันส่งผ่านมาทางลิ้นของท่านนบีของพวกท่าน แท้จริงอายะฮฺนี้ถูกจารึกอยู่ในมุศหัฟอัลกุรอาน และไม่มีอายะฮฺใดที่ลบล้าง(มันศูค)มันทิ้งไป” [22]
อัซซะฮะบีย์ กล่าวว่า “วากิอฺ กล่าวว่า ‘มัสรูก อัลอัสวัด อัรเราะบีอฺ บินคุษัยมฺ และอบูอับดิรเราะหฺมาน อัสสุละมีย์ ไม่ได้ติดตามร่วมรบกับท่านอลี มีบางคนรายงานว่า ‘มัสรูกมีโอกาสเข้าร่วมในสงครามศิฟฟีน แล้วเขาก็ได้ให้คำตักเตือน แต่มิได้ร่วมรบด้วย’ บางคนมีความเห็นว่า ‘เขาเข่าร่วมรบกับท่านอลีในสงครามฮารูรียะฮฺ(สู้กับพวกเคาะวาริจญ์)ด้วย และขอการอภัยโทษต่ออัลลอฮ เนื่องจากมิได้ติดตามร่วมรบกับท่านอลี’ และมีบางคนรายงานว่า ‘กุบูรของท่านอยู่ที่อัสสัลสะละฮฺ ที่เมืองวาสิฏ’’” [23]
ความสำรวมตนและสมถะของท่านมัสรูก
จากอิบรอฮีม บินมุหัมมัด บินอัลมุนตะชิร จากบิดาของเขา จากท่านมัสรูก ว่าท่านไม่รับค่าตอบแทนสำหรับตำแหน่งการเป็นผู้พิพากษา เนื่องจากการตีความ(ตัฟสีร)ของท่านต่ออายะฮฺนี้
إِنَّ اللَّهَ اشْتَرَىٰ مِنَ الْمُؤْمِنِينَ أَنفُسَهُمْ وَأَمْوَالَهُم بِأَنَّ لَهُمُ الْجَنَّةَ
แท้จริงอัลลอฮนั้นได้ทรงซื้อแล้วจากบรรดาผู้ศรัทธา ซึ่งชีวิตของพวกเขาและทรัพย์สมบัติของพวกเขา โดยพวกเขาจะได้รับสวนสวรรค์เป็นการตอบแทน (อัตเตาบะฮฺ 9 : 111) [24]
จากอัลอะอฺมัช จากอบูอัฎฎุฮา กล่าวว่า “มัสรูกไปรับหน้าที่ราชการที่อัสสัลสะละฮฺนาน 2 ปี ต่อมาเมื่อเขาเดินทางกลับมา ครอบครัวของเขามองไปยังสัมภาระของเขา พวกเขาเห็นเพียงขวานด้ามหนึ่งเท่านั้น พวกเขาจึงพูดว่า ‘ท่านจากไปนาน 2 ปี แล้วท่านก็กลับมาหาเราด้วยเพียงขวานหนึ่งที่ไม่มีด้ามจับ’ เขาตอบกลับไปว่า ‘อินนาลิลลาฮ เราขอยืมมันมา และเราลืมคืนแก่เจ้าของมัน’” [25]
อบูอัฎฎุฮา กล่าวว่า “มัสรูกเคยถูกถามเกี่ยวกลอนบทหนึ่ง เขาตอบว่า ‘ฉันไม่ชอบ เมื่อพวกบทกลอนอยู่ในหนังสือของฉัน’” [26]
จากอิบรอฮีม บินมุหัมมัด บินอิบรอฮีม บินอัลมุนตะชิร กล่าวว่า “ทุกวันศุกร์ มัสรูกจะขี้ล่อและทุกฉันไว้ข้างหลังเขาด้วยเสมอ ต่อมาเขาก็ไปยังสถานที่ทิ้งขยะเก่าที่อัลฮีเราะฮฺ แล้วเขาก็ขึ้นขี่ล่อของเขาอีกครั้งที่นั่น(หลังจากลงมา) พร้อมกล่าวว่า ‘ดุนยาอยู่เบื้องล่างของเรา’” [27]
จากหัมซะฮฺ บินอับดิลลาฮ บินอุตบะฮฺ บินมัสอูด กล่าวว่า “ฉันรับทราบข่าวว่า มัสรูกเคยจับมือหลานชายของเขา แล้วพาเขาขึ้นไปยังสถานที่ทิ้งขยะที่กูฟะฮฺ แล้วพูดว่า ‘พวกเจ้าต้องการให้ฉันแสดงดุนยาให้พวกเจ้าเห็นไหม? นี่แหล่ะดุนยา พวกเขาบริโภคมันแล้วก็หมดไป พวกเขาสวมใส่มันแล้วมันก็ล้าสมัยไป และพวกเขาก็ขับขี่มันแล้วอ่อนแอ พวกเขาหลั่งเลือดเพื่อมัน อนุมัติ(การทำลาย)เกียรติของพวกเขา(กันเอง)เพราะมัน และตัดขาดสายสัมพันธ์กับเครือญาติเนื่องจากมัน’” [28]
จากมุหัมมัด บินอุกบะฮฺ กล่าวว่า “ฉันได้ยินอัลอัศมะอีย์ กล่าวว่า มัสรูกเคยทำการเปรียบเปรยด้วยกลอนบทหนึ่งว่า
وَيَكْفِيْكَ مِمَّا أٌغْلِقَ البَابُ دٌوْنَهُ
وَأُرْخِيَ عَلَيْهِ السِّتْرُ مِلْحٌ وَجَرْدَقُ
وَمَاءُ فُرَاتٍ ثُمَّ تَغْتَدِي
تُعَارِضُ أَصْحَابَ الثَّرِيْدِ المُلَبَّقِ
تَجَشَّأُ إِذَا مَا هُمْ تَجَشَّئُوْا
كَأَنَّما غُذِّيْتَ بِأَلوَانِ الطَّعَامِ المُفَتَّقِ
เพียงพอสำหรับท่านจากอาหารของคนที่ประตูถูกปิดเบื้องหน้าเขา
และม่านหน้าต่างก็ถูกปิดลงสำหรับเขา คือเกลือและขนมปัง
และน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสที่เย็นช่ำเพื่อให้ท่านทานมือเที่ยง
ท่านสามารถชวนผู้คนที่มีเนื้อนุ่มที่ทาด้วยยี่หร่า[29]
แล้วท่านก็ร้องเรอขณะที่พวกเราร้องเรอ
ประหนึ่งท่านได้รับอาหารสดที่มากมายหลากหลาย [30]
ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์ของท่านมัสรูก
ครูบาอาจารย์ของท่าน
อัลมิซซีย์ กล่าวว่า “เขา(มัสรูก)รายงานจากอุบัย บินกะอบฺ , ค็อบบาบ บินอัลอะร็อต , ซัยดฺ บินษาบิต , อับดุลลอฮ บินอุมัร บินอัลค็อฏฏ็อบ , อับดุลลอฮ บินอัมรฺ บินอัลอาศ , อับดุลลอฮ บินมัสอูด , อุบัยดฺ บินอุมัยรฺ อัลลัยษ์ (และเขาคือเพื่อนร่วมงานของมัสรูก) , อุษมาน บินอัฟฟาน , อลี บินอบีฏอลิบ , อุมัร บินอัลค็อฏฏ็อบ , มุอ๊าซ บินญะบัล , มะอฺกิล บินสินาน อัลอัชญะอีย์ , อัลมุฆีเราะฮฺ บินชุอฺบะฮฺ , อบูบักรฺ อัศศิดดี้ก , สุบัยอะฮฺ อัลอัสละมียะฮฺ , ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ภรรยาของท่านนบี โดยเขาเรียกว่าอุมมุรุมาน (มักจะรายงานแบบมุรสัล) และอุมมุสะละมะฮฺ ภรรยาของท่านนบี” [31]
ลูกศิษย์ของท่าน
อัลมิซซีย์ กล่าวว่า “ผู้ที่รายงานจากเขาได้แก่ อิบรอฮีม อันนะเคาะอีย์ , อนัส บินสิรีน , อัยยูบ บินฮานีย์ , ฮิบัล บินรุฟัยดะฮฺ , อบูวาอิล ชะกีก บินสะละมะฮฺ , อะมีร อัชชะอฺบีย์ , อับดุลลอฮ บินมุรเราะฮฺ อัลคอริกีย์ , อับดุรเราะหฺมาน บินอับดุลลอฮ บินมัสอูด , อุบัย บินนัคละฮฺ , อุมาเราะฮฺ บินอุมัยรฺ , อัลกอสิม บินอัลมุนตะชิร บิน อัลอัจดะอฺ , มุหัมมัด บินนัชรฺ อัลหะมะดานีย์ , อบูอัฎฎุฮา มุสลิม บินศุบัยฮฺ , มะคูล อัชชามีย์ , ยะหฺยา บิน อัลญัซซาร , ยะหฺยา บินวัษษาบ , อบูอัลอะหฺวัศ อัลญุสยะมีย์ อบูอิสหาก อัสสะบีอีย์ , อบูอัชชะอ์ชาอ์ , อัลมุหาริบีย์ และภรรยาของเขาชื่อ กอมิร บินติอัมรฺ” [32]
คำพูดและการกระทำส่วนหนึ่งของท่านมัสรูก
จากมุสลิม จากมัสรูก กล่าวว่า “เพียงพอแล้วสำหรับคนๆหนึ่งที่จะเป็นผู้มีความรู้ด้วยการที่เขาเกรงกลัวอัลลอฮ และเพียงพอแล้วสำหรับคนๆหนึ่งที่จะเป็นคนเขลา เมื่อเขาลำพองใจกับการงานของตัวเอง” [33]
มัสรูกเคยกล่าวอีกว่า “คนๆหนึ่งควรจะมีมัจญ์ลิส(สถานที่)ที่เมื่อเขาอยู่ที่นั่นแล้วเขาก็ระลึกถึงบาปต่างๆ จนกระทั่งเขาขออภัยโทษต่ออัลลอฮ” [34]
จากอบูอัฎฎุฮา เล่าว่า มัสรูกได้ให้ควมช่วยเหลือแก่คนๆหนึ่ง แล้วมีผู้มอบของขวัญเป็นทาสีคนหนึ่งแก่เขา เขาจึงโกรธและพูดว่า “หากฉันรู้ว่าสิ่งนี้มีอยู่ในตัวท่าน ฉันย่อมไม่ยินดีพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนั้น และฉันจะไม่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนั้นตลอดไปอีกแน่นอน เพราะฉันได้ยินท่านอับดุลลอฮ บินมัสอูด กล่าวว่า ‘ใครก็ตามที่ให้ความช่วยเหลือเพื่อคืนสิทธิหรือเพื่อปฏิเสธความอธรรม แล้วเขาก็ได้รับของขวัญและเขารับมัน นั่นคือสุหตฺ(สิ่งต้องห้าม)’ พวกเขาพูดว่า ‘เราไม่มีมองสุหตฺ นอกจากคือการรับ(ของขวัญ)ในเรื่องหุกุ่ม’ เขา(มัสรูก)กล่าวว่า ‘การรับ(ของขวัญ)ในเรื่องหุกุ่มนั้นคือการกุฟรฺอย่างหนึ่ง’” [35]
จากอัชชะอฺบีย์ เล่าว่า มัสรูกกล่าวว่า “แท้จริงการที่ฉันตัดสินเรื่องหนึ่งแล้วฉันก็ทำให้สอดคล้องถูกต้องกับความจริงนั้น คือสิ่งที่ฉันรักมากกว่าเป็นยามเฝ้าระวังศัตรูที่ชายแดนนานหนึ่งปีในหนทางของอัลลอฮเสียอีก” [36]
จากอิบรอฮีม บินมุหัมมัด บินอัลมุนตะชิร จากมัสรูก กล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดที่ดีสำหรับผู้ศรัทธามากกว่าหลุมฝังศพ ซึ่งเขาจะได้รับการปลดปล่อยจากปัญหาความลำบากของดุนยาและปลอดภัยจากการลงโทษของอัลลอฮ” [37]
จากมุสลิมหรือคนอื่นจากเขา จากมัสรูก กล่าวว่า “สภาพที่ดีที่สุดของฉันสำหรับฉันเองแล้วคือ เมื่อคนใช้บอกกับฉันว่า ‘ที่บ้านไม่มีอาหารแม้แต่หนึ่งฆาฟิซ[38] และไม่มีดิรฮัมด้วย’”[39]
จากหิลาล บินยิสาฟ กล่าวว่า มัสรูกกล่าวว่า “ใครก็ตามที่ต้องการรู้ความรู้ของคนรุ่นก่อนและคนรุ่นต่อมา เป็นความรู้ดุนยาและอาคิเราะฮฺ ก็จงอ่านสูเราะฮฺอัลวากิอะฮฺเถิด”
อัซซะฮะบีย์ กล่าวว่า “นี่คือคำพูดของท่านมัสรูกในลักษณะของมุบาละเฆาะฮฺ(การพูดให้เกินจริง) เนื่องจากความยิ่งใหญ่ของเนื้อหาสาระของสูเราะฮฺนี้ ในรูปแบบต่างๆของการงานดุนยาและอาคิเราะฮฺ คำพูดของท่านที่ว่า ‘ก็จงอ่านสูเราะฮฺอัลวากิอะฮฺเถิด’ นั้นหมายถึง จงอ่านด้วยความใคร่ครวญ พินิจพิจารณา และน้อมรับไปปฏิบัติ ไม่ใช่เหมือนลาที่แบกตำราเล่มหนา” [40]
ท่านมัสรูกเสียชีวิต
จากชะกีก กล่าวว่า “มัสรูกได้มีโอกาสเป็นผู้ว่าการเมืองอัสสัลสะละฮฺนาน 2 ปี และเขาได้ทำการละหมาด 2 ร็อกอะฮฺ – 2 ร็อกอะฮฺ เพื่อแสวงหา(ผลบุญ)สุนนะฮฺอยู่เสมอ”
จากอัลอะอฺมัช จากชะกีก กล่าวว่า ฉันเคยถามมัสรูกว่า “อะไรหรือที่พาท่านมายังความรู้นี้?” เขาตอบว่า “เพราะฉันไม่ถูก 3 บุคคลถอดทิ้งคือ ซิยาด , ชุร็อยฮฺ และชัยฏอน จนกระทั่งพวกเขานำพาฉันเข้าไปในมัน(ความรู้)” [41]
จากอบูวาอิล เล่าวว่า ครั้นเมื่อมัสรูกใกล้จะเสียชีวิต เขาได้พูดว่า “โอ้อัลลอฮ ฉันไม่ต้องการตายบนสิ่งที่มิได้ถูกทำเป็นแบบอย่างไว้โดยท่านเราะสูลุลลอฮ อบูบักรฺ และอุมัร ขอสาบานต่ออัลลอฮ ฉันมิได้ทิ้งทองคำและเงินแก่มนุษย์คนใด นอกจากที่มีอยู่ที่ดาบของฉันนี้เท่านั้น ดังนั้นจงห่อหุ้มฉันด้วยมันเถิด”[42]
สุฟยาน บินอุยัยนะฮฺ กล่าวว่า “มัสรูกเสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺที่ 63 เขาคือคนที่น่าเชื่อถือ(ษิเกาะฮฺ) และเขามีรายงานหะดีษต่างๆที่ถูกต้อง” [43]
อบูนุอัยมฺ กล่าวว่า “ท่านเสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺที่ 62” แต่สำหรับยะหฺยา บินบุกัยรฺ , อิบนุสะอดฺ และอิบนุนุมัยรฺแล้ว ท่านเสียชีวิตในปีฮิจเราะฮฺที่ 63 [44]
——————————————————————–
[1] ตะฮฺซีบ อัลกะมาล , ญะมาลุดดีน อัลมิซซีย์ , 27/451 , 452
[2] ตารีค บัฆดาด , อัลหาฟิซ อัลเคาะฏีบ อัลบัฆดาดีย์ , 13/232
[3] ตารีค บัฆดาด , อัลหาฟิซ อัลเคาะฏีบ อัลบัฆดาดีย์ , 13/233
[4] ตารีค บัฆดาด , อัลหาฟิซ อัลเคาะฏีบ อัลบัฆดาดีย์ , 13/233
[5] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/66
[6] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/66
[7] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/67
[8] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 6/82
[9] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/67
[10] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 6/84
[11] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/67
[12] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/95
[13] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/67
[14] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 3/96
[15] ตะฮฺซีบ อัลกะมาล . ญะมาลุดดีน อัลมิซซีย์ , 27/234
[16] ตารีค บัฆดาด , อัลหาฟิซ อัลเคาะฏีบ อัลบัฆดาดีย์ , 13/234
[17] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/95
[18] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/66
[19] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/96
[20]สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/66
[21] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 4/67
[22] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 4/67
[23] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/67
[24] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/96
[25] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/66
[26] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/96. หมายถึงว่า ท่านไม่อยากให้มีกลอนอยู่ในหนังสือของท่าน ท่านต้องการรวบรวมแค่เพียงหะดีษและรายงาน โดยไม่ไปปะปันกับบทกอลน คำนะศีหะฮฺ และคำพูดที่มีหิกมะฮฺ และอื่นๆ ดูตารีค ดิมัชกฺ , อิบนุ อะสากิร , 57/431
[27] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/96
[28] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/96 , 97
[29] อัษษาริด อัลมุลับบัก หมายถึง เนื้อที่เคลือบแป้งและทาด้วยน้ำมันยี่หร่า
[30] มุฟัตตัก หมายถึง อาหารที่ทั้งสดและมากมาย
[31] ตะฮฺซีบ อัลกะมาล , ญะมาลุดดีน อัลมิซซีย์ , 27/452 , 253
[32] ตะฮฺซีบ อัลกะมาล , ญะมาลุดดีน อัลมิซซีย์ , 27/453
[33] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บิน สะอดฺ , 6/80
[34] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บิน สะอดฺ , 6/80
[35] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บิน สะอดฺ , 6/82
[36] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บิน สะอดฺ , 6/82
[37] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/97
[38] ประมาณ 496 ลิตร โดยทั่วไปแล้วใช้วัดตวงข้าวสาลี
[39] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/97
[40] สิยัร อะอฺลาม อันนุบะลาอ์ , ชัมสุดดีน อัซซะฮะบีย์ , 4/68
[41] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 6/84
[42] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 6/83
[43] อัฏเฏาะบะก็อต อัลกุบรอ , มุหัมมัด บินสะอดฺ , 6/84
[44] หิลยะฮฺ อัลเอาลิยาอ์ วะเฏาะบะก็อต อัลอัศฟิยาอ์ , อบูนุอัยมฺ , 2/68
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น