20760: เธอสับสนว่ากลุ่มและพวกไหนที่พูดความจริง(ในเรื่องศาสนา)
ฉันรู้ว่าท่านได้อธิบายข้อเท็จจริงไปแล้วถึงวิธีการหาญามาอะห์ที่แท้จริง ที่เป็นกลุ่มหนึ่งซึ่งตามฮาดิษและซุนนะห์,โดยที่พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง.
ฉันอยู่กับอะห์ลุลฮาดิษ(สาลาฟีซาอุดี)จนกระทั่งฉันได้รับ(ความรู้)มากมายในมัซฮับฮานาฟีและและชัยคฺฟัยซอลด้วย.พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์มากต่อสะลัฟและแน่นอนเป็นการวิจารณ์ฮาดิษ,ซึ่งฉันไม่สามารถเพิกเฉยอย่างแท้จริง. ดังนั้นฉันเอาการโต้เถียงกลับไปยังสะลัฟและพวกเขาอ้างถึงฮาดิษด้วย,และพวกเขาโน้มน้าวใจด้วยเช่นกัน,ดังนั้นฉันปฏิเสธพวกเขาไม่ลง.
ฉันไม่สามารถทิ้งสะลัฟเพราะพวกเขาเป็นญามาอะห์เดียวเท่านั้นที่ถูกต้องในเมืองเล็กๆที่ไม่สำคัญที่ซึ่งไม่มีองค์กรอื่นๆอยู่ในปัจจุบัน,นอกจากสุสาน?
ชำเลืองดูผู้รายล้อมสุสาน.
และถ้าฉันทำตามพวกเขามันจะทำให้ฉันหลงออกไปจากแนวทางสะลัฟ เพราะมัซฮับฮานาฟีกล่าวว่าเราต้องตามอีมามคนเดียว?
ช่วยสรุปการแก้ปัญหาที่ดีสุดด้วย? ทำไมกลุ่มใหญ่ๆเหล่านี้ ทุกครั้งที่อ้างฮาดิษ แล้วกล่าวว่ามันซอเฮียะ แต่พวกมันขัดแย้งกับฮาดิษอื่นๆ? ดังนั้นอะไรคือสิ่งที่ควรทำ?????
ตอบ
มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์.
เราได้กล่าวถึงหลายคำตอบของเราว่าเป็นมาตรฐานที่ชาวมุสลิมสามารถตัดสินกลุ่มนิกายและพรรคการเมืองที่ไปขัดแย้งกับอิสลาม เราจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่:
เกี่ยวกับความแตกต่างในหมู่มุสลิมที่คุณเห็นในปัจจุบันนี้.อัลลอฮ์ไม่ได้ปล่อยทิ้งให้ประชาชนสับสนและไม่สามารถแยกความจริงจากความเท็จ,แต่อัลลอฮ์ได้สร้างสัญญาณโดยที่ความจริงและผู้ที่จริงใจอาจเป็นที่รู้จัก,และพระองค์ได้สร้างพยานหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนสำหรับวิถีทางที่ถูกต้อง,จากสิ่งนั้น ไม่มีใครออกนอกลู่นอกทางยกเว้นเขาถูกตัดสินโทษ.
เมื่อท่านนบีมุฮัมมัด ﷺ ได้พูดถึงการแตกแยกของอุมมัตนี้ เป็น 73 จำพวก,ท่านได้กล่าวว่าพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในนรกนอกจากพวกหนึ่ง,พวกที่ทำตามวิถีทางเช่นเดียวกับท่านและบรรดาซอฮาบัตของท่าน.
นี่เป็นมาตรฐาน,ดังนั้นเราไม่มีทางเลือกอื่นยกเว้นทำตามก้าวเดินของซอฮาบัต(ขออัลลอฮ์พอพระทัยพวกเขาทั้งหมด).
ไม่เพียงพอที่คนหนึ่งจะอ้างถึงฮาดิษหนึ่งและกล่าวว่ามันเป็นฮาดิษซอเฮียะ,แล้วก็ใช้มันเป็นหลักฐานเพื่อสนับสนุนมัซฮับของเขาหรือสาระสำคัญของมุมมองของเขาตามความเข้าใจของเขาเองที่มีต่อฮาดิษนั้น;
แต่มากกว่าที่เขาควรกระทำคือต้องค้นคว้าว่าบรรดาซอฮาบัตเข้าใจในฮาดิษนี้ในลักษณะนี้หรือไม่.
นี่เป็นบรรทัดฐานที่แบ่งแยกผู้ที่ทำตามด้วยความจริงจากกลุ่มอื่นๆ.สิ่งนี้หมายถึงการอ้างถึงคำอธิบายของอิสลามกลับไปยังบรรพชนยุคสะลัฟ,บรรดาซอฮาบัตและผู้ทำตามพวกเขาที่อยู่กับความจริง,เพราะพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ดีที่สุดและมีความรู้มากที่สุดของอุมมัตนี้, ตามที่ท่านนบีมุฮัมมัด ﷺได้กล่าว.
คนที่ตรวจสอบกลุ่มที่ได้เบียงเบนออกไปนอกเส้นทางจากทางเดินที่เที่ยงตรงจะเห็นว่าพวกเขาสับสนกับประชาชนโดยการอ้างถึงโองการหรือฮาดิษหนึ่งแต่ออกนอกบริบท, เพื่อให้ผู้คนคิดว่าพวกเขากำลังทำตามกุรอานและซุนนะห์,แต่พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่านี่เป็นวิถีทางที่เหล่าซอฮาบัตเข้าใจตัวบทเหล่านี้.
เหล่าผู้ที่เฉไฉบรรดาคุณลักษณะของอัลลอฮ์,เหล่าผู้ที่เคารพสักการะสุสานและเดินวนเวียนตอวาฟรอบสุสาน,เหล่าผู้ที่เต้นรำในซีเกร์,เหล่าผู้ที่ปฏิเสธความประสงค์และการกำหนดของพระเจ้า(อัลกอดัร),เหล่าผู้ที่กล่าวว่ากุรอานเป็นมัคลุค(ถูกสร้าง),และความเชื่อและแนวทางที่เบี่ยงเบนอื่นๆ,ไม่มีใครของพวกเขากล่าวว่าความเชื่อของพวกเขาเป็นเหมือนความเชื่อของซอฮาบัต.ถึงแม้ว่าพวกเขาอ้างว่าพวกเขามีโองการหรือฮาดิษที่สนับสนุพวกเขาก็ตาม,พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคำอธิบายของพวกเขาเป็นเช่นเดียวกันกับคำอธิบายของเหล่าผู้ที่เป็นสักขีพยานกับโองการต่างๆและได้ยินท่านรอซูลุลลอฮﷺ์,คือ ซอฮาบัต.
นี่คือมาตรฐานที่สำคัญและแม่นยำโดยเครื่องมือนั้นที่บุคคลคนหนึ่งสามารถรู้ว่าสิ่งที่เขาได้ยินหรืออ่านเกี่ยวกับความเชื่อและแนวทางจากผู้เสนอแนะว่าแนวทางที่แท้จริงคือความจริงหรือความเท็จ
ถ้าคุณได้ติดตามในสิ่งที่นักวิชาการสาลาฟีบอกคุณเกี่ยวกับเตาฮีด,ฟิกฮ์และฮาดิษ,นี่คือการติดตามอยู่บนความจริงของอิสลาม,ที่อัลลอฮ์ประสงค์ให้มีสำหรับทุกคน.
ไซตอนอาจจะมาและบอกคุณและกระซิบมาที่คุณว่านี่คือตักลีด(ลอกเลียนแบบอย่างคนตาบอด)และไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น; นั่นเป็นก้าวแรกสู่การเบียงเบนจากทางเดินที่ถูกต้อง.อัลลอฮ์ได้กำชับมุสลิมระดับสามัญชนให้ถามผู้รู้และทำตามมุมมองและฟัตวาของพวกเขา.
คุณรู้ว่าความใกล้ที่สุดของพวกเขาต่อทางเดินที่ถูกต้องและความจริงคือเหล่าผู้ที่ทำตามแนวทางของบรรดาซอฮาบัตในความเข้าใจกุรอานและซุนนะห์ของพวกเขา; พวกเขาเป็นผู้ทำตามบนวิถีทางของชาวสะลัฟฟุซซอและห์.
ชาวมุสลิมผู้มีมาตราวัดบางอย่างของความรู้เกี่ยวกับอิสลามสามารถค้นพบตัวเองว่าสิ่งที่เขาได้ยินหรือได้อ่านถูกต้องหรือไม่,โดยการศึกษาและเปรียบเทียบมันด้วยกับสิ่งซึ่งถูกพิสูจน์จากสะลัฟฟุซซอและห์.
ไม่มีเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่ขัดแย้งกับวิถีทางแห่งสะลัฟไม่ควรมีสิทธ์ในบางกรณี,
แต่ไม่มีวิธีไหนหรือมัซฮับใดที่สามารถทำให้มันมีความถูกต้องนอกจากวิถีทางของสะลัฟหรือคนยุคแรก(300 ปี)ของอุมมัตนี้,บรรดาซอฮาบัตและตาบิอีนและผู้ที่ตามพวกเขาบนความจริง.
ทุกสิ่งที่ถูกอ้างโดยนักวิชาการสะลัฟเป็นมุมมองของบรรดาซอฮาบัตและสะอีด อิบนุ อัลมุสัยยิบ,อัลซุฮฺรี,มุจาฮีด,อะตา มาลิก,ฮามมัด อิบนุ ไซดฺ,ฮามมาด อิบนุ ซาลมะห์,อัลชาฟีอี,อะห์มัด,อัลบุคอรี,มุสลิม,อาบู ดาวูด,และนักวิชาการอื่นๆที่โดดเด่น.
คุณจะพบว่าชาวบิดอะห์อ้างถึงสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามันสนับสนุนความเห็นของพวกเขา,และเพิกเฉยต่อสิ่งที่พิสูจน์ชัดเจนว่าพวกเขาผิดพลาด. คุณจะพบในตำราของพวกเขาที่ไปขัดแย้งกับซุนนะห์,และละทิ้งซุนนะห์เนื่องจากมันไปขัดแย้งกับตำราของพวกเขา,บิดเบือนสิ่งที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในกุรอาน, อธิบายเป็นดออีฟซึ่งถูกกล่าวไว้อย่างชัดเจนในซุนนะห์เพราะมันไปขัดแย้งกับความคิดเห็นและความประสงค์และความต้องการของพวกเขา เป็นต้น. ด้วยเหตุนี้พวกเขาถูกเรียกว่า อะห์ลุลอะห์วา(พวกทำตามอำเภอใจและความต้องการ).
เกี่ยวกับอะห์ลุลซุนนะห์, พวกเขาเป็นรูปธรรมมากกว่า,พวกเขามองไปที่ซุนนะห์โดยไม่มีอคติหรือความลำเอียง,และพวกเขาให้กับซุนนะห์ - ถ้ามันซอเฮียะ - ให้ลำดับความสำคัญเหนือกว่าทุกสิ่ง.
พวกเขาไม่มีการตามอำเภอใจและความต้องการที่จะทำให้พวกเขาปฏิเสธฮาดิษหนึ่งหรือบิดเบือนโองการหนึ่งเพื่อประโยชน์ของพวกเขา
ในความเป็นจริงไม่มีความขัดแย้งกันระหว่างตัวบทจากโองการ, แต่อาจปรากฎว่ามีความขัดแย้งในบางกรณี. ทุกสาขาของความรู้มีนักวิชาการเฉพาะทาง, ดังนั้นในสาขาฮาดิษ มีนักวิชาการผู้ที่สามารถอธิบายว่าฮาดิษไหนซอเฮียะ ฮาดิษไหนไม่ถูกต้อง, และสามารถอธิบายสิ่งที่หมายถึงและขจัดความสับสน,และประนีประนอมระหว่างรายงานที่ดูเหมือนว่าขัดแย้งกัน.
สรุป:
ดีที่สุดของคำสอนคือคำสอนของมุฮัมมัดﷺ,และประชาชนที่มีความรู้ของคำสอนนี้มากที่สุดคือนักวิชาการฮาดิษ,คือ สะลัฟฟุซซอและห์, เหล่าผู้ที่ติดตามพวกเขาจะปลอดภัยและเหล่าผู้ขัดแย้งกับพวกเขาจะถูกตัดสินโทษ.
ดังนั้นคุณต้องยึดมั่นบนวิถีทางนี้และขอจากอัลลอฮ์เพื่อพระองค์ชี้นำทางและความมั่นคง.
ส่วนเรื่องจากผู้ถามที่กล่าวว่า อะห์ลุลฮาดิษเป็น"สาลาฟีซาอุดี",ข้อ จำกัด นี้ไม่ถูกต้อง.
อะห์ลุลฮาดิษไม่ได้จำกัดประเทศใดประเทศหนึ่งที่เจาะจงหรือประชาชนที่แน่นอน, แต่อะห์ลุลฮาดิษรวมทุกคนที่ปฏิบัติตามซุนนะห์ของท่านนบีมุฮัมมัดﷺ และเข้าใจมันอย่างถูกต้องตามความเข้าใจของซอฮาบัต(ขออัลลอฮ์พอพระทัยพวกเขาทั้งหมด)และเหล่าผู้ที่ติดตามพวกเขาบนความจริง.
และอัลลอฮ์เป็นผู้นำทางที่ดีที่สุด.
เขียนโดย Shaykh Muhammad Saalih al-Munajjid
แปลโดย Firdaus Msd
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น