"คำถามที่มุสลิมทุกคนต้องรู้คำตอบ"
ชัยคฺ ดร.มุฮัมหมัด สะอีด ร็อสลาน หะฟิซอฮุลลอฮฺ
• เงื่อนไขของ"ลาอิลาฮ่าอิ้ลลั้ลลอฮฺ" •
ท่านชัยคฺ บินบาซ رحمه الله ได้กล่าวถึงเงื่อนไขของ"ลาอิลาฮ่าอิ้ลลั้ลลอฮฺ" ว่า :
ประการที่หนึ่ง : รู้ความหมายของมันซึ่งเป็นความรู้ที่มันปฏิเสธซึ่งความโง่เขลา และได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าความหมายของ"ลาอิลาฮ่าอิ้ลลั้ลลอฮฺ"นั้นคือ "ไม่มีผู้ที่ถูกเคารพสักการะอย่างแท้จริงนอกจากอัลลอฮฺ" ฉะนั้นสิ่งที่ถูกเคารพสักการะทั้งหมดที่มนุษย์เคารพสักการะมันนอกเหนือจากอัลลอฮฺซุบฮานะฮูเป็นสิ่งเท็จจอมปลอม
ประการที่สอง : ความมั่นใจที่มันปฏิเสธซึ่งความสงสัย จำเป็นสำหรับผู้ที่กล่าวมันนั้น จะต้องมีความมั่นใจว่าอัลลอฮฺซุบฮานะฮูนั้นคือผู้ที่ถูกเคารพสักการะอย่างแท้จริง
ประการที่สาม : การบริสุทธิ์จากชิริก กล่าวคือ บ่าวนั้นจะต้องให้ความบริสุทธิ์แด่พระเจ้าของเขาซึ่งก็คืออัลลอฮฺในการประกอบอิบาดะฮฺทั้งหมด ฉะนั้นหากเขานำสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากอิบาดะฮฺทั้งหลายไปมอบให้กับสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ ไม่ว่าจะเป็นนบีหรือวะลีหรือมลาอิกะฮฺหรือรูปปั้นหรือญินหรือสิ่งอื่นๆนั้น แน่นอนเขาได้ทำชิริกต่ออัลลอฮฺ และเขาก็ได้ทำให้เงื่อนไขประการนี้เสียหายเป็นโมฆะ ซึ่งมันก็คือเงื่อนไขแห่งการบริสุทธิ์จากชิริก
ประการที่สี่ : ความสัจจริง กล่าวคือเขาจะต้องกล่าวมันอย่างสัจจริง ปากตรงกับใจ ฉะนั้นหากเขากล่าวมันด้วยลิ้นเพียงอย่างเดียวโดยที่หัวใจของเขาก็ไม่ได้ศรัทธาต่อความหมายของมัน มันก็จะไม่ยังประโยชน์อันใดต่อเขา และเขาก็จะเป็นกาฟิรเหมือนกับพวกมุนาฟิกทั้งหมด
ประการที่ห้า : ความรัก กล่าวคือเขาจะต้องรักอัลลอฮฺﷻ ฉะนั้นหากเขากล่าวมันโดยที่เขาไม่ได้รักอัลลอฮฺ เขาก็เป็นกาฟิรมิได้เข้าอยู่ในอิสลามดังเช่นพวกมุนาฟิก และส่วนหนึ่งจากหลักฐานในเรื่องดังกล่าวนี้คือดำรัสของอัลลอฮฺตะอาลาที่ว่า :
{قُلْ إِنْ كُنْتُمْ تُحِبُّونَ اللَّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللَّهُ}
ความว่า : จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮฺก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮฺก็จะทรงรักพวกท่าน (อาละอิมรอน:31)
และดำรัสของพระองค์ซุบฮานะฮูที่ว่า :
{وَمِنَ النَّاسِ مَنْ يَتَّخِذُ مِنْ دُونِ اللَّهِ أَنْدَادًا يُحِبُّونَهُمْ كَحُبِّ اللَّهِ وَالَّذِينَ آمَنُوا أَشَدُّ حُبًّا لِلَّهِ}
ความว่า : และในหมู่มนุษย์นั้น มีผู้ที่ยึดถือบรรดาภาคีอื่นจากอัลลอฮฺ ซึ่งพวกเขารักภาคีเหล่านั้นเช่นเดียวกับที่รักอัลลอฮฺ แต่ผู้บรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นผู้ที่รักอัลลอฮฺมากยิ่งกว่า (อัลบะเกาะเราะฮฺ:165)
และอายะฮฺต่างๆที่อยู่ในความหมายเดียวกันนี้นั้นมีมากมาย
ประการที่หก : การนอบน้อมปฏิบัติตามสิ่งที่คำกล่าวนี้บ่งชี้ถึง กล่าวคือ เขาจะต้องอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺองค์เดียวและนอบน้อมปฏิบัติตามและศรัทธาต่อบทบัญญัติของพระองค์ และเชื่อมั่นว่าบทบัญญัตินั้นเป็นสัจธรรมความจริง ฉะนั้นหากเขากล่าวมันโดยที่ไม่ได้อิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺองค์เดียว ไม่ได้นอบน้อมปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ แต่ทว่าเขาดื้อดึงและแสดงอาการยิ่งยโสต่อบทบัญญัติดังกล่าว เขาก็ไม่ใช่มุสลิม เสมือนดั่งอิบลีสและบรรดาผู้ที่เหมือนกับมัน
ประการที่เจ็ด : การยอมรับในสิ่งที่คำกล่าวนี้บ่งชี้ถึง กล่าวคือ เขาจะต้องยอมรับสิ่งที่คำกล่าวนี้บ่งชี้ถึง คือการทำให้อิบาดะฮฺนั้นบริสุทธิ์แด่อัลลอฮฺองค์เดียวและละทิ้งการอิบาดะฮฺต่อสิ่งอื่น และการที่เขาจะต้องยึดมั่นและพอใจในสิ่งดังกล่าว
ประการที่แปด : การปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกอิบาดะฮฺอื่นจากอัลลอฮฺ กล่าวคือ เขาจะต้องประกาศความบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับการอิบาดะฮฺต่อสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ และเขาจะต้องเชื่อมั่นว่ามันเป็นสิ่งเท็จจอมปลอม ดังที่อัลลอฮฺซุบฮานะฮูได้ตรัสว่า :
{فَمَنْ يَكْفُرْ بِالطَّاغُوتِ وَيُؤْمِنْ بِاللَّهِ فَقَدِ اسْتَمْسَكَ بِالْعُرْوَةِ الْوُثْقَى لا انْفِصَامَ لَهَا وَاللَّهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ}
ความว่า : ดังนั้นผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัฏฏอฆูต(สิ่งที่ถูกอิบาดะฮฺนอกเหนือจากอัลลอฮฺ และพอใจที่ถูกอิบาดะฮฺ) และศรัทธาต่ออัลลอฮฺ แน่นอนเขาได้ยึดห่วงอันมั่งคงไว้แล้ว โดยที่จะไม่มีการขาดใดๆเกิดขึ้นกับมัน และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้ (อัลบะเกาะเราะฮฺ:256)
[مجموع فتاوى ومقالات متنوعة الجزء السابع]
• ความหมายที่เเท้จริงของ"ลาอิลาฮะอิลั้ลลอฮฺ"
"มุสลิมในวันนี้ ไม่รู้ความหมาย 'ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ ในขณะที่พวกมุชริกีน(สมัยท่านนบี)กลับรู้เป็นอย่างดี !"
(ตอบโต้พวกกุฏบียฺ อิควานียฺ เเละพวกอะฮฺลุลกะลาม ในการให้ความหมาย'ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ)
ชัยคฺ มุฮัมมัด ซะอีด ร็อสลาน หะฟิซอฮุลลอฮฺ กล่าวว่า :
"เเท้จริงการดะอฺวะฮฺของท่านรอซูลุลลอฮฺ ﷺ นั้น ชัดเจนตั้งเเต่วินาทีเเรก เเต่บรรดามุสลิมในวันนี้กลับไม่รู้ถึงข้อเท็จจริงแห่งการดะอฺวะฮฺของท่านรอซูลุลลอฮฺ ﷺ ซึ่งพวกมุชริกีน(สมัยท่านนบี)รู้ถึงสิ่งนี้เป็นอย่างดี
ดูอบูซุฟยานสิ(ขณะที่ยังไม่เข้ารับอิสลาม) ! ตอนที่อยู่ต่อหน้าฮิร็อก(กษัตริย์แห่งโรมัน)
เเละฮิร็อกถามอบูซุฟยานว่า : "มุฮัมมัด เรียกร้องพวกท่านไปสู่สิ่งใด ?"
อบูซุฟยานตอบว่า : "เขาเรียกร้องเราไปสู่การเคารพภัคดีต่ออัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว ไม่มีภาคีเทียบเคียงพระองค์ พร้อมทั้งละทิ้งสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้เคารพกราบไหว้กัน"
ดูสิ ! พวกกุฟฟารรู้ดีถึงข้อเท็จจริงของศาสนาอิสลาม !!!
เเต่ท่านลองไปถามมุสลิมในปัจจุบันนี้ดูสิ ยกเว้นผู้ที่อัลลอฮฺทรงเมตตาต่อเขา เเละในหมู่พวกเขาก็มีผู้ที่อ้างตนเองว่าเป็นผู้เรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺ(ดาอีย์) แต่พวกเขากลับบ่อนทำลายบนหน้าเเผ่นดินอย่างมหาศาล จงไปถามคนเหล่านี้สิ ไปกล่าวแก่เขาว่า :
"อะไรคือความหมายของ'ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮฺ ?"
ซึ่งศาสนานี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของประโยคนี้ เเละเพราะคำๆนี้แหละ ที่อัลลอฮฺทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย สร้างบรรดาชั้นฟ้าและเเผ่นดินทั้งหลาย ทรงประทานคัมภีร์เเละบรรดารอซูลลงมา เเละเพราะประโยคนี้เช่นเดียวกันที่วันกิยามะฮฺจะเกิดขึ้น เเละเพราะคำๆนี้ที่อัลลอฮฺทรงสร้างสวรรค์เเละนรกขึ้นมา
ไปถามคนเหล่านั้นสิ ! ถามมุสลิมโดยรวมสิ ! ไปกล่าวแก่เขาว่า "อะไรคือความหมายของ'ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ ? "
เเละพวกเขาจะไม่มีทางที่จะรู้ความหมายของมัน ซึ่งบรรดามุชริกกลับรู้ในสิ่งนี้ เพราะพวกมุชริกนั้น ในขณะที่ท่านนบีﷺเรียกร้องพวกเขาไปยัง "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ" พวกเขาจึงกล่าวขึ้นว่า :
أَجَعَلَ ٱلْآلِهَةَ إِلَٰهًا وَٰحِدًا ۖ إِنَّ هَٰذَا لَشَىْءٌ عُجَابٌ
ความว่า : เขาได้ทำให้พระเจ้าหลายองค์เป็นพระเจ้าองค์เดียวกระนั้นหรือ ? แท้จริงนี่เป็นเรื่องประหลาดจริง ๆ (ศ๊อด : 5)
พวกมุชริกีนรู้ดีถึงความหมาย"ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ" นั่นก็คือ :
"ไม่มีสิ่งที่ถูกเคารพภัคดีอย่างเที่ยงเเท้นอกจากอัลลอฮฺ เเละจำเป็นต้องละทิ้งทุกสิ่งที่ถูกเคารพกราบไหว้นอกเหนือจากพระองค์ เเละมันคือการยืนยันการเคารพภัคดีต่ออัลลอฮฺ ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลกเพียงพระองค์เดียว เเละจำเป็นต้องให้การเคารพภัคดีทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังพระองค์ผู้ทรงเกียรติยิ่ง"
เเต่เเล้วพวกมุชริกีนก็ปฏิเสธสิ่งนี้(ต่อท่านนบี) เพราะพวกเขารู้ถึงเป้าหมายของประโยคนี้เป็นอย่างดี เเละปฏิเสธ เเล้วก็กล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า :
أَجَعَلَ ٱلْآ لِهَةَ إِلَٰهًا وَٰحِدًا ۖ إِنَّ هَٰذَا لَشَىْءٌ عُجَابٌ
ความว่า : เขาได้ทำให้พระเจ้าหลายองค์เป็นพระเจ้าองค์เดียวกระนั้นหรือ ? แท้จริงนี่เป็นเรื่องประหลาดจริง ๆ (ศ๊อด : 5)
แต่ในปัจจุบันนี้ ! ถ้าหากท่านไปถามบรรดามุสลิม ให้เขาบอกท่านถึงความหมายของประโยคนี้ บางพวกก็จะบอกว่า :
"ไม่มีผู้ปกครองนอกจากอัลลอฮฺ"
ดังเช่นพวกที่พูดกันในเรื่องของ"ฮากิมียะฮฺ" เเละได้ทำการอรรถาธิบายศาสนาอิสลามไปในทิศทางการเมืองการปกครอง เช่นพวก"กุฏบียีน"(พวกอิควานสุดโต่ง) และบรรดาสมุนบริวารของพวกเขาผู้หลงทางที่ชั่วช้าทั้งหลาย
และบางพวกก็บอกว่า :
"ไม่มีผู้รังสรรค์นอกจากอัลลอฮฺ"
"ไม่มีผู้สร้างนอกจากอัลลอฮฺ"
(เช่นพวกอะฮฺลุลกะลาม จากบรรดาพวกอะชาอิเราะฮฺ ฯลฯ)
ถามว่าในเรื่องนี้มีข้อขัดเเย้งกระนั้นหรือ ?!
ซึ่งในความเป็นจริงเเล้ว พวกมุชริกต่างก็ยอมรับในประเด็นนี้กันอยู่เเล้ว ว่าเเท้จริงผู้ที่สร้างพวกเขา ผู้ที่สร้างบรรดาพระเจ้าของพวกเขาที่พวกเขาทำการเคารพกราบไหว้อื่นจากอัลลอฮฺ นั่นคืออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ซึ่งพวกเขาได้ยืนยันสิ่งเหล่านี้เเด่อัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียวอยู่เเล้ว ในการสร้าง การครอบครอง การบริหารจัดการ การทำให้เป็น เเละทำให้ตาย"
(ส่วนหนึ่งจากใจความสำคัญในคุตบะฮฺอีดิ้ลอัฎฮา ฮิจเราะฮฺศักราช 1436)
เเปลเเละถอดความโดย/อิสลามตามแบบฉบับ
(-ผู้แปล-สรุปว่าความหมายของกะลิมะตุตเตาฮีด "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ" คือ ไม่มีสิ่งที่ถูกเคารพภัคดีโดยเที่ยงเเท้ นอกจากอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว กล่าวคือทุกๆการอิบาดะฮฺ ไม่ว่าจะเป็นการดุอาอฺ การเกรงกลัว การเชือดสัตว์พลี ฯลฯ ต้องเป็นไปเพื่อพระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ฉนั้นการให้ความหมายของพวกกุฏบียฺอิควานผู้หลงผิดที่ว่า 'ไม่มีผู้ปกครองนอกจากอัลลอฮฺ' หรือพวกอะฮฺลุลกะลามที่บอกว่า 'ไม่มีผู้สร้างนอกจากอัลลอฮฺ' ทั้งหมดดังกล่าวนี้ไม่ไช่เป้าหมายการดะอฺวะฮฺของบรรดานบีเเละรอซูลเเต่อย่างใด เพราะเเท้จริงเเล้วบรรดาผู้คนต่างก็ยอมรับในประเด็นนี้กันอยู่เเล้วทั้งสิ้น เเต่ปัญหาคือพวกเขาเหล่านั้นได้ยึดเอาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีเทียบเท่าอัลลอฮฺในการเคารพภักดี บรรดานบีเเละรอซูลจึงต้องมาเรียกร้องพวกเขาไปสู่การทำให้การอิบาดะฮฺทุกๆรูปแบบเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว
เเละถ้าหากว่าความหมายของประโยคนี้เป็นไปอย่างที่พวกหลงผิดเหล่านี้ได้ให้ไว้เเล้วไซร้ เเน่นอนเหลือเกินว่าคนที่ขอดุอาอฺวิงวอนขอต่อต้นไม้ ก้อนหิน หรือกุบูรฺบรรดาวะลียฺคนดีทั้งหลาย รวมทั้งบรรดาผู้ที่ยึดเอาสิ่งเหล่านี้เป็นสื่อกลางระหว่างเขากับอัลลอฮฺ และอื่นๆ ก็จะไม่ถูกนับว่าเป็นชิริก ตราบใดที่หัวใจของเขายังเชื่อมั่นว่าอัลลอฮฺคือผู้สร้าง ผู้ปกครองเพียงพระองค์เดียว ! เเละพวกศูฟียฺ พวกบูชากุบูรทั้งหลาย ก็ยังคงมีความเป็นมุสลิมอยู่ ! เเต่ในความจริงมันไม่ได้เป็นเยี่ยงนี้ เพราะมิฉนั้น ก็เท่ากับว่าบรรดารอซูลมาเรียกร้องในสิ่งที่มนุษย์เชื่อมั่นดีกันอยู่เเล้ว และการดะอฺวะฮฺก็จะไม่ยังประโยชน์อันใดเลย)
โดย เพจ อิสลามตามแบบฉบับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น