วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

13480 : คุณธรรมของเดือนรอมฎอน

13480 : คุณธรรมของเดือนรอมฎอน
คำถาม
อะไรคือรอมฎอน ?.
ตอบ
มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์.
รอมฎอนเป็นหนึ่งของสิบสองเดือนอาหรับ.มันเป็นเดือนหนึ่งที่ถูกเคารพในศาสนาอิสลาม.และมันมีความแตกต่างจากเดือนอื่นๆโดยจำนวนของลักษณะพิเศษและคุณธรรม,รวมทั้งต่อไปนี้:
1 – อัลลอฮ์ได้กำหนดให้มีการถือศีลอดในเดือนนี้ เป็นเสาที่สี่ของอิสลาม,ดังที่พระองค์ตรัส:
"شَهْرُ رَمَضَانَ الَّذِي أُنْزِلَ فِيهِ الْقُرْآنُ هُدىً لِلنَّاسِ وَبَيِّنَاتٍ مِنَ الْهُدَى وَالْفُرْقَانِ فَمَنْ شَهِدَ مِنْكُمُ الشَّهْرَ فَلْيَصُمْه..." ( 185 ) 
"เดือนรอมฏอนนั้น เป็นเดือนที่อัลกรุ-อานได้ถูกประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ดังนั้นผู้ใดในหมูพวกเจ้าเข้าอยู่ในเดือนนั้นแล้ว ก็จงถือศีลอดในเดือนนั้น ..."

[อัล-บะเกาะเราะฮ 2:185]
وثبت في الصحيحين البخاري ( 8 ) ، ومسلم ( 16 ) من حديث ابن عمر أن النبي صلى الله عليه وسلم قال : " بني الإسلام على خمس شهادة أن لا إله إلا الله , وأن محمدا عبد الله ورسوله , وإقام الصلاة , وإيتاء الزكاة ، وصوم رمضان , وحج البيت " .
และมันถูกรายงานในอัล-ซอฮีฮัยน์ 
(อัล-บุคอรี, 8;มุสลิม, 16) จากฮาดิษของอิบนุ อุมาร์ ว่าท่านนบี (ﷺ) ได้กล่าว:"อิสลามถูกสร้างบนห้า(เสา):การยืนยันโดยการสาบานตัวว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดยกเว้นอัลลอฮ์ และมุฮัมมัดนั้นคือศาสนฑูตของอัลลอฮ์; ทำการละหมาด; จ่ายซากาต; ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน; และทำฮัจญ์ ณ บ้าน (กะบะห์)."

2 – อัลลอฮ์ได้ลง(เปิดเผย)กุรอานในเดือนนี้,ตามที่พระองค์ตรัสในโองการที่ถูกกล่าวข้างต้น:
"เดือนรอมฏอนนั้น เป็นเดือนที่อัลกรุ-อานได้ถูกประทานลงมาในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์ และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับข้อแนะนำนั้น และเกี่ยวกับสิ่งที่จำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ ..."

[อัล-บะเกาะเราะฮ 2:185]
และอัลลอฮ์ตรัส:
إِنَّا أَنزَلْنَاهُ فِي لَيْلَةِ الْقَدْرِ ( 1 ) 
"แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมาในคืนอัลก็อดรฺ(ประกาศิต,กำหนดกฎเกณฑ์)."

[อัล-ก็อดรฺ 97:1]
3 – อัลลอฮ์ได้สร้างให้มีลัยลาตุลก๊อดร์ในเดือนนี้,ซึ่งดีกว่า 1,000 เดือน,ตามที่อัลลอฮ์ตรัส:
إِنَّا أَنزَلْنَاهُ فِي لَيْلَةِ الْقَدْرِ ( 1 ) 
แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมาในคืนอัลก็อดรฺ

وَمَا أَدْرَاكَ مَا لَيْلَةُ الْقَدْرِ ( 2 ) 
และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้ว่าคืนอัลก็อดรฺนั้นคืออะไร

لَيْلَةُ الْقَدْرِ خَيْرٌ مِّنْ أَلْفِ شَهْرٍ ( 3 ) 
คืนอัลก็อดรฺนั้นดียิ่งกว่าหนึ่งพันเดือน(การอีบาดัตต่ออัลลอฮ์ในคืนนั้นดีกว่าอีบาดัตหนึ่งพันเดือน หรือ 83 ปี และ 4 เดือน)

تَنَزَّلُ الْمَلَائِكَةُ وَالرُّوحُ فِيهَا بِإِذْنِ رَبِّهِم مِّن كُلِّ أَمْرٍ ( 4 ) 
บรรดามะลาอิกะฮฺและอัลรูฮฺ (ญิบริล) จะลงมาในคืนนั้น โดยอนุมัติแห่งพระเจ้าของพวกเขาเนื่องจากกิจการ-ทุกสิ่ง

سَلَامٌ هِيَ حَتَّىٰ مَطْلَعِ الْفَجْرِ ( 5 ) 
คืนนั้นมีความศานติจนกระทั่งรุ่งอรุณ

[อัล-ก็อดรฺ 97:1-5]
إِنَّا أَنزَلْنَاهُ فِي لَيْلَةٍ مُّبَارَكَةٍ ۚ إِنَّا كُنَّا مُنذِرِينَ ( 3 ) 
"แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมาในคืนอันจำเริญ แท้จริงเราเป็นผู้ตักเตือน"

[อัด-ดุคอน 44:3]
อัลลอฮ์ได้ประทานพรในเดือนรอมฎอนกับลัยลาตุลก๊อดร์. อธิบายสถานะที่ยิ่งใหญ่ของคืนที่มีบารอกัตนี้,ซูเราะฮ์ อัล-ก๊อดร์ ถูกเปิดเผย,และมีหลายฮาดิษที่พูดถึงมันด้วย,เช่น 
حَدِيثُ أَبِي هُرَيْرَةَ - رضي الله عنه - قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم : " أَتَاكُمْ رَمَضَانُ شَهْرٌ مُبَارَكٌ فَرَضَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ عَلَيْكُمْ صِيَامَهُ , تُفْتَحُ فِيهِ أَبْوَابُ السَّمَاءِ , وَتُغْلَقُ فِيهِ أَبْوَابُ الْجَحِيمِ , وَتُغَلُّ فِيهِ مَرَدَةُ الشَّيَاطِينِ , لِلَّهِ فِيهِ لَيْلَةٌ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ,مَنْ حُرِمَ خَيْرَهَا فَقَدْ حُرِمَ " رواه النسائي ( 2106 ) وأحمد (8769) صححه الألباني في صحيح الترغيب ( 999 ) .

ฮาดิษของ อาบู ฮูรอยเราะห์(รอดียัลลอฮูอันฮู)ผู้ที่ได้กล่าว:รอซูลุลลอฮ์ (ﷺ)ได้กล่าว:"ได้มีมายังพวกท่านรอมฎอน,เดือนที่มีบารอกัตซึ่งอัลลอฮ์ได้กำชับพวกท่านให้ถือศีลอด,ในช่วงเวลาที่ประตูของฟ้าสวรรค์ถูกเปิดและประตูของนรกถูกปิด,และมารร้ายที่กระด้างกระเดื่องถูกล่ามโซ่.ในมันมีคืนหนึ่งซึ่งดีกว่าหนึ่งพันเดือน,และใครก็ตามที่ถูกกีดกันจากความดีงามของมันก็จะถูกกีดกันอย่างแท้จริง."
รายงานโดย อัล-นาสาอี, 2106; อะหมัด, 8769. ถูกจัดประเภทเป็นซอเฮียะ โดย อัล-อัลบานี ในซอเฮียะ อัล-ตัรฆีบ, 999. 
และ

وَحَدِيثُ أَبِي هُرَيْرَةَ - رضي الله عنه - قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم : " مَنْ قَامَ لَيْلَةَ الْقَدْرِ إيمَانًا وَاحْتِسَابًا غُفِرَ لَهُ مَا تَقَدَّمَ مِنْ ذَنْبِهِ " " رواه البخاري (1910) ومسلم ( 760 ) .
อบู ฮูรอยเราะห์(รอดียัลลอฮูอันฮู)ได้กล่าวท่านนบี (ﷺ) ได้กล่าว:"ใครก็ตามใช้เวลา ลัยลาตุลก๊อดร์ในละหมาดด้วยอิหม่าน(ความศรัธทา)และในความหวังของผลรางวัล,จะได้รับการอภัยโทษในความผิดก่อนหน้านี้ของเขา."รายงานโดย อัล-บุคอรี, 1910; มุสลิม, 760.

4 อัลลอฮ์ได้กำหนดรอมฎอนให้มีการถือศีลอดและใช้เวลากลางคืนของมันในละหมาดออกมาจากความศรัธทาในอิหม่านและในความหวังของรางวัลให้เป็นเครื่องมือของการขออภัยโทษจากบาป,
كما ثبت في الصحيحين البخاري ( 2014 ) ، ومسلم ( 760 ) من حديث أبي هريرة أن النبي صلى الله عليه وسلم قال : " من صام رمضان إيمانا واحتسابا غفر له ما تقدم من ذنبه " . و فيهما البخاري ( 2008 ) ومسلم ( 174 ) أيضا عنه قال : قال صلى الله عليه وسلم : " ومن قام رمضان إيمانا واحتسابا غفر له ما تقدم من ذنبه " .

ตามที่ถูกพิสูจน์ในอัล-ซอฮีฮัยน์
(อัล-บุคอรี, 2014; มุสลิม, 760)จากฮาดิษของอาบู ฮูรอยเราะห์ตามที่ท่านนบี (ﷺ)ได้กล่าว:ใครก็ตามถือศีลอดรอมฎอนออกมาจากความศรัธทาในอิหม่านและหวังในรางวัล,บาปในอดีตของเขาจะถูกยกโทษ."และอัล-บุคอรี (2008) และมุสลิม (174) รายงานด้วยจากอาบู ฮูรอยเราะห์ ว่าท่านนบี (ﷺ) ได้กล่าว:ใครก็ตามใช้เวลายามกลางคืนของเดือนรอมฎอนในละหมาดออกมาจากความศรัธทาในอิหม่านและในความหวังของรางวัล,บาปในอดีตของเขาจะได้รับการอภัยโทษ."

ชาวมุสลิมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่ามันเป็นซุนนะฮ์ในการละหมาดกิยามในเวลากลางคืนในเดือนรอมฎอน. อัลนาวาวี ได้กล่าวว่า สิ่งที่หมายถึงโดยการละหมาดกิยามในรอมฎอนคือละหมาดตาราเวียะห์,และอื่นๆ,คนหนึ่งได้รับการบรรลุผลสิ่งที่หมายถึงโดยกิยามโดยการละหมาดตาราเวียะห์.
5 – ในเดือนนี้,อัลลอฮ์เปิดประตูสวรรค์และปิดประตูนรก,และล่ามโซ่มารร้าย,
كما ثبت في الصحيحين البخاري ( 1898 ) ، ومسلم ( 1079 ) من حديث أبي هريرة أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال : " إذا جاء رمضان فتحت أبواب الجنة , وغلقت أبواب النار , وصُفِّدت الشياطين " .
ดังที่ถูกระบุในอัล-ซอฮีฮัยน์ (อัล-บุคอรี, 1898; มุสลิม, 1079), จากฮาดิษของอาบู ฮูรอยเราะห์ ผู้ที่ได้กล่าวว่ารอซูลุลลอฮ์ (ﷺ) ได้กล่าว:"เมื่อรอมฎอนมา,ประตูสวรรค์ถูกเปิดและประตูนรกถูกปิด,และมารร้ายถูกล่ามโซ่."

6 – ทุกคืนอัลลอฮ์มีประชาชนผู้ที่พระองค์ไถ่ถอนจากไฟนรก.
روى الإمام أحمد (5/256) من حديث أبي أُمامة أن النبي صلى الله عليه وسلم قال : " لله عند كل فطر عتقاء " . قال المنذري : إسناده لا بأس به . وصححه الألباني في "صحيح الترغيب" (987) .
อิหม่ามอะหมัด (5/256)ได้รายงานจากฮาดิษของอาบู อุมามะห์ ว่าท่านนบี (ﷺ)ได้กล่าว:"ในทุกครั้งของการแก้ศีลอด,อัลลอฮ์มีประชาชนผู้ที่พระองค์ไถ่ถอน."อัล-มุนษีรี ได้กล่าว: ไม่มีสิ่งใดบกพร่องกับอิสนัดของมัน; และมันถูกจัดประเภทเป็นซอเฮียะ โดย อัล-อัลบานี ใน ซอเฮียะ อัล-ตัรฆีบ, 987.

وروى البزار (كشف_ 962) من حديث أبي سعيد قال : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : " إن لله تبارك وتعالى عتقاء في كل يوم وليلة _ يعني في رمضان _ , وإن لكل مسلم في كل يوم وليلة دعوة مستجابة " .
อัล-บัซซาร์(คัชฟ์ 962)ได้รายงานว่าอาบู สะอีด ได้กล่าว: ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ﷺ) ได้กล่าว:"อัลลอฮ์มีประชาชนผู้ที่พระองค์ไถ่ถอนทุกวันและคืน - ในเดือนรอมฎอน - และมุสลิมทุกคนทุกวันและคืนมีการละหมาดที่ถูกตอบรับ.

7 – การถือศีลอดในเดือนรอมฎอนเป็นเครื่องมือของการไถ่ถอนความผิดสำหรับบาปที่ได้กระทำตั้งแต่รอมฎอนก่อนหน้านี้,ตราบเท่าที่คนหนึ่งหลีกห่างจากบาปใหญ่.
كما ثبت في "صحيح مسلم" (233) أن النبي صلى الله عليه وسلم قال : " الصلوات الخمس , والجمعة إلى الجمعة , ورمضان إلى رمضان , مكفرات ما بينهن إذا اجتنبت الكبائر " .
มันถูกพิสูจน์ในซอเฮียะ มุสลิม (233) ว่าท่านนบี (ﷺ)ได้กล่าว:"ละหมาดห้าเวลา,จากญุมอะห์หนึ่งไปอีก(ญุมอะห์)ที่อยู่ถัดไปและจากรอมฎอนหนึ่งไปอีก(รอมฎอนหนึ่ง)ที่อยู่ถัดไปเป็นการไถ่ถอนจากความผิดสำหรับ(บาปที่ได้กระทำ)ในระหว่าง(นั้น),ตราบใดที่พวกท่านหลีกห่างจากบาปใหญ่."


8 – การถือศีลอดในเดือนรอมฎอนมีค่าเท่ากับการถือศีลอดสิบเดือน,
كما يدل على ذلك ما ثبت في "صحيح مسلم" (1164) من حديث أبي أيوب الأنصاري قال : " من صام رمضان , ثم أتبعه ستا من شوال كان كصيام الدهر " . 
ตามที่ถูกบ่งชี้โดยฮาดิษในซอเฮียะมุสลิม (1164) 
รายงานจากอาบู อัยยูบ อัล-อันศอรี:"ใครก็ตามถือศีลอดรอมฎอนแล้วตามมันด้วยหกวันของเชาววาล,มันจะเป็นเสมือนถือศีลอดตลอดชีวิต."
وروى أحمد ( 21906 ) أن النبي صلى الله عليه وسلم قال : ( من صام رمضان فشهر بعشرة أشهر ، وصيام ستة أيام بعد الفطر فذلك تمام السنة 
อะหมัด (21906) รายงานว่าท่านนบี (ﷺ)ได้กล่าว:"ใครก็ตามถือศีลอดรอมฎอน,เดือนหนึ่งเป็นเหมือนสิบเดือน,และถือศีลอดหกวันหลังจากอัล-ฟิตร์ จะ(เหมือนถือศีลอด)ครบปี(ในปีนั้น)."

9 – ใครก็ตามละหมาดกิยามในรอมฎอนกับอิหม่ามจนกระทั่งเขาเสร็จ,มันจะถูกบันทึกเพื่อเขาว่าเขาได้ใช้เวลาตลอดทั้งคืนในละหมาด,
لما ثبت عند أبي داود (1370) وغيره من حديث أبي ذر رضي الله عنه قال : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : " إنه من قام مع الإمام حتى ينصرف كتب له قيام ليلة " . وصححه الألباني في "صلاة التراويح" (ص 15)
เพราะคำรายงานที่ถูกบอกเล่าโดยอาบู ดาวูด (1370) และท่านอื่นๆจากฮาดิษของอาบู ซาร์(รอดียัลลอฮูอันฮู)ว่าท่านรอซูลุลลอฮ์ (ﷺ)ได้กล่าว:"ใครก็ตามละหมาดกิยามกับอิหม่ามจนกระทั่งเขาเสร็จ,มันจะถูกบันทึกสำหรับเขาว่าเขาได้ใช้เวลาตลอดทั้งคืนในละหมาด."
ถูกจัดประเภทเป็นซอเฮียะ โดย อัล-อัลบานี ใน ซอลาต อัล-ตารอเวียะห์ หน้า 15

10 – อุมเราะห์ในเดือนรอมฎอนมีค่าเท่ากับไปทำฮัจญ์.
روى البخاري (1782) ومسلم (1256)
عن ابن عباس قال : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم لامرأة من الأنصار : " ما منعك أن تحجي معنا ؟ " قالت : لم يكن لنا إلا ناضحان , فحج أبو ولدها وابنها على ناضح , وترك لنا ناضحا ننضح عليه , قال : " فإذا جاء رمضان فاعتمري , فإن عمرة فيه تعدل حجة " , وفي رواية لمسلم :" حجة معي " . والناضح هو بعير يسقون عليه .
อัล-บุคอรี(1782)และมุสลิม(1256)รายงานว่าอิบนุ อับบาส ได้กล่าว:ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ﷺ)ได้กล่าวกับหญิงคนหนึ่งในท่ามกลางชาวอันศอร์,"อะไรที่รักษาเจ้าจากการทำฮัจญ์กับเรา?"นางได้กล่าว,"เรามีอูฐเพียงสองตัวที่เราใช้สำหรับเอาน้ำ."ดังนั้นสามีของนางและลูกของนางได้ไปทำฮัจญ์บนอูฐตัวเดียว,และเขาได้ทิ้งตัวอื่น(หมายถึงอีกตัว)เพื่อพวกเขาใช้ประโยชน์สำหรับการไปเอาน้ำ."เขาได้กล่าว,"เมื่อรอมฎอนมา,จงไปเพื่ออุมเราะห์,เพราะอุมเราะห์ในเดือนรอมฎอนมีค่าเท่ากับฮัจญ์."ตามรายงานหนึ่งที่ถูกบอกเล่าโดยมุสลิม,"...มีค่าเท่ากับการไปทำฮัจญ์กับฉัน."

11 – มันเป็นซุนนะฮ์ให้รักษาอิติกาฟ(หลบตัวเพื่อจุดประสงค์ในการอิบาดัต)ในเดือนรอมฎอน,เพราะท่านนบี (ﷺ)ได้ทำสิ่งนั้นเสมอ,

كَمَا جَاءَ فِي حَدِيثِ عَائِشَةَ - رضي الله عنها
" أَنَّ النَّبِيَّ صلى الله عليه وسلم كَانَ يَعْتَكِفُ الْعَشْرَ الأَوَاخِرَ مِنْ رَمَضَانَ حَتَّى تَوَفَّاهُ اللَّهُ تَعَالَى , ثُمَّ اعْتَكَفَ أَزْوَاجُهُ مِنْ بَعْدِهِ " رواه البخاري ( 1922 ) ومسلم ( 1172 ) .
ตามที่ถูกรายงานในฮาดิษของอาอีชะห์(รอดียัลลอฮูอันฮา)ว่าท่านนบี (ﷺ)เคยใช้เวลาในช่วงสิบวันสุดท้ายของรอมฎอนในอิติกาฟจนกระทั่งเขาได้จากไป(เสียชีวิต),จากนั้นบรรดาภรรยาของเขาได้รักษาอิติกาฟหลังจากเขา."รายงานโดยอัล-บุคอรี, 1922; มุสลิม, 1172. 

12 – มันเป็นมุสตะฮาบในความหมายของการถูกแนะนำอย่างแข็งแรงในรอมฎอนที่จะศึกษากุรอานร่วมกันและอ่านมันให้มาก.คุณอาจศึกษากุรอานด้วยกันโดยการอ่านมันไปยังคนอื่นและโดยมีอีกคนอ่านมันกับคุณ.พยานหลักฐานที่บ่งบอกว่าสิ่งนี้เป็นมุสตะฮาบคือ
" أَنَّ جِبْرِيلَ كَانَ يَلْقَى النَّبِيَّ صلى الله عليه وسلم فِي كُلِّ لَيْلَةٍ مِنْ رَمَضَانَ فَيُدَارِسُهُ الْقُرْآنَ " رواه البخاري ( 6 ) ومسلم ( 2308 ) .
ความจริงที่ญิบรีลเคยพบท่านนบีทุกคืนในรอมฎอนและเรียนกุรอานกับเขารายงานโดย อัล-บุคอรี, 6; มุสลิม, 2308. 

การอ่านกุรอานเป็นมุสตะฮาบโดยทั่วไป,แต่(มุสตะฮาบ)มากกว่าในรอมฎอน. 

13 – มันเป็นมุสตะฮาบในเดือนรอมฎอนที่จะเสนอให้มีอิฟตาร์แก่เหล่าผู้ที่กำลังถือศีลอด,
لِحَدِيثِ زَيْدِ بْنِ خَالِدٍ الْجُهَنِيِّ رضي الله عنه قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم : " مَنْ فَطَّرَ صَائِمًا كَانَ لَهُ مِثْلُ أَجْرِهِ , غَيْرَ أَنَّهُ لا يَنْقُصُ مِنْ أَجْرِ الصَّائِمِ شَيْئًا " رواه الترمذي (807) وابن ماجه ( 1746 ) وصححه الألباني في صحيح الترمذي (647). راجع سؤال رقم ( 12598 )
เพราะฮาดิษของซัยด์ อิบนุ คอลิด อัล-ญุฮานี(รอดียัลลอฮูอันฮู)ผู้ที่ได้กล่าว:ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ﷺ)ได้กล่าว:"ใครก็ตามให้อิฟตาร์กับคนที่กำลังถือศีลอดจะได้รับรางวัลหนึ่งเหมือนเขา,โดยไม่เอาออกจากรางวัลของคนที่ถือศีลอดแม้แต่เล็กน้อย."รายงานโดยอัล-ตีรมีซี, 807; อิบนุ มาญะห์, 1746; ถูกจัดประเภทเป็นซอเฮียะ โดย อัล-อัลบานี ในซอเฮียะ อัล-ติรมีซี, 647. ดูคำถามหมายเลข: ( 12598 ) 

อัลลอฮ์รู้ดีที่สุด.

Source: Islam Q&A

แปลโดย Firdaus Msd

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น