ข้อชี้แจงเกี่ยวกับการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ (มุรีด ทิมะเสน)
ท่านนบีเคยอ่านอัล-กุรอานที่กุบูรฺหรือไม่ ?
จากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า
ชายผิวดำหรือหญิงผิวดำคนหนึ่งที่เคยปัดกวาดมัสญิดสิ้นชีวิต
ท่านนบีไม่ทราบเกี่ยวกับการสิ้นชีวิตของเขา
วันหนึ่งท่านนบีนึกถึง(ผู้ปัดกวาดมัสญิด) ผู้นั้น
ท่านจึงเอ่ยถามขึ้นว่า
คนนั้นทำอะไรอยู่ที่ไหน ?
พวกเขาตอบว่า เขาสิ้นชีวิตไปแล้ว
ท่านนบีกล่าวต่อว่า
ทำไมพวกท่านจึงไม่บอกฉัน
พวกเขาจึงกล่าวในทำนองนั้นทำนองนี้
บอกเป็นเรื่องราวที่ถือเป้นเรื่องต่ำต้อย
ท่านจึงบอกว่า
จงพาฉันไปที่หลุมฝังศพของเขา
ท่าน อบู ฮุร็อยเราะฮฺกล่าวต่อว่า
ท่านได้ไปที่หลุมฝังศพของเขา
และท่านนบีได้นมาซ(ญะนาซะฮฺ) ให้แก่เขา
(บันทึกโดย บุคอรีย์ หะดีษที่ 1251 บท ญะนาซะฮฺ)
__
หะดีษข้างต้นเป็นหลักฐานบอกให้รู้ว่าท่านนบี มุหัมมัด เคยอ่าน อัล-กุรอานที่กุบูรฺขณะนมาซญะนาซะฮฺ
เพราะในตักบีรฺแรกขอองการนมาซญะนาซะฮฺมีสุนนะฮฺให้อ่านสูเราะฮฺอัล-ฟาติหะฮฺ ดังที่ท่านอิบนุอับบาส
กล่าวไว้ว่า
"แท้จริง ท่านรสูลุลลอฮฺนมาซและออ่านในนมาซญะนาซะฮฺด้วยสูเราะฮฺฟาติหะฮฺ"
(บันทึกโดยติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 947 บท ญะนาซะฮฺ)
ท่านอับดุลลอฮฺ บุตรของเอาวฺส กล่าวว่า
" ฉันเคยนมาซญะนาซะฮฺร่วมกับท่านอิบนุ อับบาส (ซึ่งในครั้งนั้นท่านอิบนุ อับบาส ) อ่านสูเราะฮฺฟาติหะฮฺ
เขากล่าวว่า ดังกล่าวเป็นสุนนะฮฺ (ของท่านนบีมุหัมมัด)
(บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 1249 บท ญะนาซะฮฺ ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 947 บท ญะนาซะฮฺ
นะสาอีย์ หะดีษ 1961 บท ญะนาซะฮฺ อบู ดาวูด หะดีษที่ 2783 บท ญะนาซะฮฺ)
ส่วนการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺซึ่งนอกเหนือจากที่ปรากฏในการนมาซญะนาซะฮฺ ไม่พบหลักฐานนบีมุหัมมัดกระทำ,
สั่งใช้ให้กระทำหรือยอมรับการกระทำดังกล่าว แม้เพียงหลักฐานเดียวก็ตาม
หลักฐานที่ไม่อนุญาตให้อ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ
หลักฐานที่ 1
ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า
" พวกท่านอย่าทำให้บ้านของท่านเป็นกุบูรฺ แท้จริงชัยฎอนจะวิ่งหนีออกจากบ้านหลังที่สูเราะฮฺบะเกาะเราะฮฺถถูกอ่านในบ้านหลังนั้น
( บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 1300 บทการนมาซของผู้เดินทาง
ติรฺมิซีย์ บทที่ 2802 บทความประเสริฐของอัล-กุรฺอาน
อัดดาริมีย์ หะดีษที่ 3358 )
หลักฐานข้างต้นชัดเจนว่า ท่านนบีมุหัมมัดกำชับมิให้บรรดามุสลิม
ทำให้บรรยากาศภายในบ้านเป็นเสมือนกุบูรฺด้วยการไม่อ่าน อัล-กุรฺอาน
เพราะที่กุบูรฺไม่มีการอ่านอัล-กุรฺอาน
ดังนั้นบ้านมุสลิมหลังใดที่ไม่มีเสียงอ่าน อัล-กุรฺอาน
บ้านหลังนั้นก็ไม่แตกต่างจากกุบูรฺ
อิกทั้งการอ่านอัล-กุรอานในบ้าน
ยังเป็นการขับไล่ไส่ส่งเหล่ามารร้ายชัยฏอนมิให้อาศัยในบ้านหลังนั้นอีกด้วย
หลักฐานที่ 2
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า
"พวกท่านจงนมาซในบ้านของพวกท่านและอย่าทำให้บ้านของพวกท่านเป็นเสมือนกุบูรฺ"
(บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 414 บทการนมาซ
มุสลิม หะดีษที่ 1297 บทการนมาซเดินทาง
อบูดาวูด หะดีษที่ 1236 บทการนมาซ
ติรฺมีซีย์ หะดีษที่ 413 บทการนมาซ
นะสาอีย์ หะดีษที่ 1580 บทการนมาซเวลากลางคืนและการนมาซสุนนะฮฺในเวลากลางวัน)
หลักฐานที่ 3
ท่านหญิงอาอิชะฮฺเล่าว่า
ฉันเคยถามท่านรสูลุุลลอฮฺว่า ฉันจะกล่าวให้แก่พวกเขา(ชาวกุบูรฺ) อย่างไร ?
ท่านรสูล กล่าวว่า เธอจงกล่าวว่า
"อัสสะลามุ อะลา อะฮฺลิดดิยารฺ มินัลมุฮฺมินีน วัลมุสลิมีน, วะยัรฺหะมุลลอฮุล มุสตักฺดิมีน มินนา วัลมุสตะฮฺคิรีน
, วะอินนะ อินชาอัลลอฮุ บิกุมลาหิกูน"
ความว่า
"ขอความสันติสุขจงมีแด่ข่าวเคหะแห่งนี้(ชาวกุบูรฺ)ทั้งที่เป็นบรรดามุอฺมินและบรรดามุสลิม และขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาแด่บรรดาผู้ล่สงลับไปแล้ว และบรรดาผู้ที่อยู้รั้งหลังในหมู่พวกเรา และหากพระองค์อัลลอฮฺทรงประสงค์ เราจะติดตามไปหาพวกท่าน"
(บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 1619 บทญะนาซะฮฺ
นะสาอีย์ หะดีษที่ 2010 บทญะนาซะฮฺ
อะหฺมัด หะดีษที่ 24871)
หะดีษข้างต้นได้กล่าวยืนยันชัดเจนอีกว่า หาดอิสลามมีบทบัญญัติอนุญาตหรือส่งเสริมให้อ่านอัล-กุรฺอานที่กูบูรฺ
ไฉนเลยท่านนบีมุหัมมัดจึงไม่บอกให้ท่านหญิงอาอิชะฮฺอ่านอัล-กุรฺอาน สูเราะฮฺนั้น หรือ อายะฮฺนี้ เมื่อถูกถาม
จากนางว่าจะให้กล่าวอะไรขณะไปเยี่ยมกุบูรฺ แต่ท่านนบีมุหัมมัด กลับตอออนนางโดยให้นางกล่าวสลามและอ่านดุอาอฺ
(ดังสำนวนหะดีษ) นี่คือหลักฐานที่ชี้ชัดได้เลยว่าการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺมิใช่บทบัญญัติของศาสนา
เพราะหากเป็นบทบัญญัติแล้วไซร้ท่านนบีมุหัมมัดจะต้องกำชับให้ท่านหญิง อาอิชะฮฺอ่านอัล-กุรฺออานในกุบูรฺแล้ว
หลักฐานที่ 4
จากท่านอุษมาน บุตรขอองอัฟฟาน เล่าว่า
" เมื่อท่านนบีมุหัมมัดเสร็จสิ้นจากการฝังผู้ตาย ท่านนบีได้ยืนอยู่ที่หลุมศพของเขา
พลางกล่าวว่าพวกท่านจงขออภัยโทษ(ต่อพระองค์อัลลอฮฺ)ให้แก่พี่น้องของพวกท่าน (หมายถึงผู้ตาย)
และพวกท่านจงขอความมั่นคง(ในคำตอบ)ของเขา แท้จริงขณะนี้เขากำลังถูกสอบถาม "
(บันทึกโดย อบู ดาวูด หะดีษที่ 2804 บทญะนาซะฮฺ)
หะดีษข้างต้นก็เช่นกัน ท่านนบีมุหัมมัดได้สอนบรรดาเศาะหาบะฮฺให้ขอดุอาอฺ และขอให้ผู้ตายได้ตอบคำถามของมลาอิกะฮฺในกุบูรฺได้ออย่างหนักแน่นมั่นคง ซึ่งท่านนบีเองก็มิได้สั่งให้บรรดาเศาะหาบะฮฺอ่านอัล-กุรอานเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่พบหะดีษที่กล่าวอ้างสนับสนุนให้มีการอ่านอัล-กุรฺอานในกุบูรฺเลยแม้เพียงหะดีษเดียวก็ตาม
หลักฐานที่อนุญาตให้อ่านอัล-กุรฺอาน
ที่กุบูรฺ
หลักฐานที่ 1
ดับละมีย์ > อับดุลลอฮฺ บุตรของอะหฺมัด > อะหฺมัด บุตรของอามิรฺ > อลีย์ บุตรของมูสา > มูสา บุตรของญะอฺฟัรฺ > ญะอฺฟัรฺ บุตรของมุหัมมัด > มุหัมมัด บุตรของอฺลีย์ > อลีย์ บุตรของหุสัยน์ > หุสัยน์ บุตรของอฺลีย์ > อฺลีย์ บุตรของอับดุลมุฎเฎาะลิบ > ท่านนบี มุฮัมมัด กล่าวว่า
"บุคคลใดก็ตามที่เดินผ่านกุบูรฺ จากนั้นเขาอ่าน กุลฮุวัลลอฮุอะหัด (จนจบ) ถึงสิบเอ็ดครั้ง จากนั้นเขาได้อุทิศผลบุญ(การอ่าน)
ของเขาให้แก่บรรดาผู้ที่เสียชีวิต(การกระทำเช่นนั้น) เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับจำนวนผู้เสียชีวิต(ในกุบูรฺแห่งนั้น)"
(หนังสือ"ฟิรฺเดาสุลอัคบารฺ " เล่ม 4 หน้า 38 หะดีษที่ 5609 และ "หะดีษเฎาะอีฟ " เล่ม 3 หน้า 452-453 หะดีษที่ 1690)
หะดีษข้างต้นเป็นหะดีษ "เมาฎูอฺ" ด้วยสาเหตุต่อไปนี้
1. ท่านอับดุลลอฮฺ บุตรของอะหฺมัด เป็นจอมโกหก
2. ท่านอะหฺมัด บุตรของอามิรฺ เป็นจอมโกหก
(ดูรายละเอียดจากหนังสือ "หะดีษเฎาะอีฟ" เล่ม 3 หน้า 452-453 หะดีษที่ 1690)
หลักฐานที่ 2
ษะอฺละบีย์ > มุหัมมัด บุตรของอะหฺมัด อัรฺเราะยาฮีย์ > อะหฺมัด อัรฺเราะยาฮีย์ > อัยยูบ บุตรของมุดร็อก > อบู อุบัยดะฮฺ > อัลหะสัน > อนัส บุตรของมาลิก > ท่านรสูลุลลอฮฺ กล่าวว่า
" บุคคลใดก็ตามที่เข้ากุบูร จากนั้นเขาอ่านสูเราะฮฺยาสีน (แน่นอนยิ่ง) โทษทัณฑ์ของผู้ตายในวันนั้นจะถูกลดหย่ออนลง และสำหรับเขา(หมายถึงผู้อ่านสูเราะฮฺยาสีน) จะได้รับความดีงามเท่ากับจำนวนของผู้ตายที่อยู่ในกุบูรฺ "
หะดีษข้างต้นเป็นหะดีษ "เมาฎูอฺ" ซึ่งเป็นสาเหตุดังนี้
1. นักรายงานหะดีษที่ชื่อ อบู อัยยุบ เป็นจอมโกหก (กัซซาบ)
2. ท่านอบู อุบัยดะฮฺ เป็นบุคคลที่ไม่ถูกรู้จัก (มัจญ์ฮูล)
3. ท่านอะหฺมัด ออัรฺเราะยาฮีย์ เป็นบุคคุลที่ไม่ถูกรู้จัก (มัจญ์ฮูล)
(ดูรายละเอียดจากหนังสือ "หะดีษเฎาะอีฟ" เล่ม 3 หน้า 397-398 หะดีษที่ 1246)
หลักฐานที่ 3
อับดุลเฆาะนีย์ ออัลมุก็อดดะสีย์ > อบู มัสอูดฺ ยะซีด บุตรของคอลิก > อัมร์ บุตรของยะซีด > ยะห์ยา บุตรขอองสุลัยม์ อัฎฎออิฟีย์> ฮิชาม บุตรของอุรฺวะฮฺ > อุรฺวะฮฺ บุตรของอัซซุบัยร์ > ท่านหญิงอาอิชะฮฺ > อบู บักรฺ > ท่านรสูลุลลอฮฮฺ กล่าวว่า
" บุคคลใดก็ตามที่ไปเยี่ยมกุบูรฺพ่อแม่ของเขาทุกๆ วันศุกร์ จากนั้นเขาก็อ่านสูเราะฮฺยาสีนให้แก่ทั้งสองหรือบุคคลหนึ่งจากทั้งสอง เช่นนั้นเขาผู้อ่าน) จะได้รับการอภัยโทษเท่ากับทุกอายะฮฺ หรือ ทุกๆ ตัวอักษร (ของสูเราะฮฺยาสีน)
(หนังสือ "เฎาะอีฟ" อัลบานีย์ เล่ม 1 หน้า 66-67 )
หะดีษข้างต้นเป็นหะดีษ "เมาฎูอฺ" ซึ่งมีสาเหตุดังนี้
1. ยะหฺยา บุตรของสุลัยม์ อัฎฎออิฟีย์ เป็นผู้พูดจริง แต่เป็นผู้ที่มีความจำไม่ดี สิ้นชีวิตเมื่อปี ฮ.ศ. ที่ 93
("ตักฺรีบุต ตะฮฺซีบ" หน้า 591 )
2. ฮิชามบุตรของอุรฺวะฮฺ บุตรของชุบัยร์ บุตรของอัลเอาวาม อัลอะสะดีย์ เป็นผู้ที่เชื่อถือได้ และเป็นผู้ที่เข้าใจศาสนา
แต่บางครั้งก็ปิดบังอำพราง สิ้นชีวิตเมื่อปี ฮ.ศ. ที่ 45 หรือ 46 ("ตักฺรีบุต ตะฮฺซีบ " หน้า 573)
หลักฐานที่ 4
บัยหะกีย์ > อบู อับดุลลอฮฺ อัลหาฟิซ > อบู ออับบาส มุหัมมัด บุตรของยะฮฺกูบ > อัลอับบาส บุตรของมุหัมมัดเล่าว่า
ฉันเคยถามท่านยะหฺยาบุตรของมะอีนเกี่ยวกับการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ เขากล่าวตอบว่า ท่านมุบชิรฺ บุตรของอิสมาอีล อัลหุบัลย์
จากท่านอับดุรฺเราะหฺมาน บุตรของอัลอะลาอ์ บุตรของลัจลาญ์ จากบิดาของเขากล่าวแก่บุตรของเขาว่า
"เมื่อพวกท่านหย่อนฉันลงในกุบูรฺของฉัน จงวางฉันในหลุมศพ และพวกท่านจงกล่าวดุอาอฺว่า บิสมิลละฮิ วะอะลาสุนนะติเราะสูลิลลาฮิ
(ความว่า ด้วยพระนามของพระอองค์อัลลอฮฺ และบนแนวทางของท่านรสูลุลลฮฺ) "
และพวกท่านจงทำดินให้เรียบแก่ฉัน จากนั้นพวกท่านจงอ่านช่วงแรกและช่วงสุดท้ายของสูเราะฮฺบะเกราะเราะฮฺบริเวณศรีษะของฉัน
แท้จริง ฉันเห็นอิบนุ อุมัรฺ ส่งเสริมให้กระทำเช่นนั้น"
( บันทึกโดยบัยหะกีย์ หะดีษที่ 7068 บทว่าด้วยสิ่งที่นำมาในการอ่านอัล-กุรฺอานที่กุบูรฺ เล่ม 4 หน้า 93 )
หะดีษข้างต้นถือว่าเฎาะอีฟ ซึ่งมีสาเหตุดังนี้
1. นักรายงานหะดีษที่ชื่อ อับดุรฺเราะหฺมาน บุตรของอัลอะลาอ์ บุตรของลัจลาญ์ (เดิมคือ อัลหะลาจญ์) เป็นบุคคลที่ผิดพลาด
และ ไม่เป็นที่รู้จัก
("อะห์กามุลญะซาอิซ" หน้า 192)
2. หากว่าสายสืบหะดีษข้างต้นถูกต้องก็ถือว่าเป็นหะดีษ " เมากูฟ " หมายถึงสายสืบหะดีษสิ้นสุดที่เศาะหาบะฮฺ กล่าวคือ ไม่ถถึงท่านนบีมุหัมมัดเช่นนี้ หะดีษข้างต้นจึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงในทางปฏิบัติได้ "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น