นิติธรรมอิสลาม ( Qiyas)
อัล-กิยาส
Ibrahim Saleh
Ph.D. Muamalat Islam. UMT
อัล-กิยาส หมายถึง การนำข้อปัญหาที่ไม่มีตัวบทระบุถึงข้อชี้ขาดทางศาสนาไปเปรียบเทียบกับข้อปัญหาที่มีตัวบทระบุถึงข้อชี้ขาดทางศาสนาเอาไว้แล้ว เนื่องจากทั้ง 2 ข้อปัญหานั้นมีเหตุผลในข้อชี้ขาดร่วมกัน
เมื่ออัลกุรอาน อัลซุนนะฮฺ และอัลอิจญมะอฺ ได้ชี้ขาดต่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง และอุลามะฮฺในระดับ มุจตาฮิด ได้ทราบถึงเหตุผลในข้อชี้ขาด ต่อมาได้พบประเด็นอื่นๆที่คล้ายกันหรือเหมือนกันในเหตุผล แต่ไม่มีการชี้ขาดจากหลักฐานอันเป็นตัวบท จึงมีการกียาส (เปรียบเทียบ )ขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่อิสลามได้ห้ามการดื่มสุรา ที่ปรากฏหลักฐานในอัลกุรอาน ตามที่อัลเลาะฮฺได้ตรัสว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِنَّمَا الْخَمْرُ وَالْمَيْسِرُ وَالأَنْصَابُ وَالأَزْلامُ رِجْسٌ مِنْ عَمَلِ الشَّيْطَانِ
فَاجْتَنِبُوهُ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ
ความว่า “ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! ที่จริงสุราและการพนันและแท่นหินสำหรับเชือดสัตว์บูชายัญ และการเสี่ยงติ้วนั้นเป็นสิ่งโสมมอันเกิดจากการกระทำของชัยฏอน ดังนั้นพวกเจ้าจงห่างไกลจากมันเสียเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ” ( อัลกุรอาน.5 : 90 )
ตามทัศนะของอูลามะฮฺบางท่าน คำว่า เหล้า หรือสุรา หมายถึงน้ำผลไม้ที่ทำจากน้ำองุ่นเท่านั้น ไม่ร่วมถึงน้ำที่ทำจากอย่างอื่นที่ไม่ใช่องุ่น และจากอายัตข้างต้น พอจะสรุปได้ว่า อิสลามได้ห้ามดื่มเหล้าที่ทำจากน้ำองุ่น ด้วยเหตุผลมันทำให้มื่นเมาเสียสติ ในสังคมปัจจุบันของบ้านเรา ยังมีน้ำชนิดอื่นๆที่ไม่ได้ทำจากน้ำองุ่น แต่ดื่มแล้วมันทำให้เมา เสียสติเหมือนกัน เช่นน้ำตาลเปรี้ยว และล่าสุดที่วัยรุ่นชอบดื่มคือน้ำกระท่อม แต่ทั้งสองชนิดนี้ไม่ได้ระบุว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้ามในอัลกุรอาน หรือ หลักฐานอื่นๆ
ณ จุดนี้ท่านอูลามะฮฺมุจตาฮิดได้กิยาส ( เปรียบเทียบ) เหล้าที่ทำจากน้ำองุ่น กับ น้ำตาลเปรี้ยว และสิ่งเสพติดื่นๆ ที่มีเหตุผลเหมือนกันคือ ทำให้มื่นเมาว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้ามเช่นเดียวกับเหล้า
การที่จะถือว่าเป็นกียาสได้นั้นต้องครบองค์ประกอบของกียาส ซึ่งมี 4 ประการคือ
(1) หลักมูลฐาน (อัล-อัศลุ) หมายถึง ตำแหน่งของข้อชี้ขาดซึ่งได้รับการยืนยันด้วยตัวบท ( อัลกุรอานและอัลซุนนะฮฺ ) หรืออัล-อิจญ์มาอฺ หรือหมายถึง ตัวบทที่บ่งชี้ถึงข้อชี้ขาดนั้น
(2) ข้อปลีกย่อย (อัล-ฟัรอุ) คือตำแหน่งที่ไม่มีตัวบทหรืออิจญ์มาอฺระบุข้อชี้ขาดเอาไว้
(3) คุณลักษณะร่วมกันระหว่างหลักมูลฐาน (อัล-อัศลุ) และข้อปลีกย่อย (อัลฟัรอุ) คือเหตุผลหรือที่เรียกว่า (อัล-อิลละฮฺ)
(4) ข้อชี้ขาดของหลักมูลฐาน (ฮุกมุ้-อัลอิศฺล์)
การเป็นหลักฐานในกฎหมายอิสลามของกียาส
บรรดาอูลามะฮฺส่วนใหญ่เห็นว่ากียาสเป็นหนึ่งที่มาของข้อกฏหมายในอิสลาม ซึ่งแตกต่างจากกลุ่ม อัล-นิซอม อัล-ซอฮีระยะฮฺ และส่วนหนึ่งของซีอะฮฺ ที่เห็นว่ากียาสไม่สามารถเป็นต้นกำเนิดและที่มาของกฏหทายในอิสลามได้ บรรดาอูลามะฮฺที่เห็นด้วยให้เหตุผลว่าได้ปรากฏหลักฐานทั้งอัลกุรอานและอัลซุนนะฮฺว่ากิยาสเป็นต้นกำเนินหนึ่งของกฎหมายอิสลาม ดังที่อัลเลาะฮฺได้ตัสไว้ในอัลกุรอานว่า
فَاعْتَبِرُوا يَا أُولِي الْأَبْصَارِ
ความว่า " ดังนั้นสูเจ้าทั้งหลายจงพินิจพิจารณาดูเถิด ( เป็นบทเรียน ) โอ้ผู้ชาญฉลาดทั้งหลาย " ( อัล กุรอาน.59 :2 )
ส่วนหลักฐานของอัลซุนนะฮฺ พบว่าท่านรอซูลได้ใช้กียาสในหลายเรื่องตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องที่ท่านสหายของท่านอูมาร อัล-คอต๊อบ ได้ร้องเรียนกับท่านรอซุลว่า “ ข้าพเจ้า ได้กระทำผิดที่ใหญ่หลวง คือข้าพเจ้าได้หอมภรรยาในขณะที่ข้าพเจ้าถือศิลอดอยู่” ท่านรอซุลได้ตอบกลับว่า “ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรถ้าเจ้าได้บ้วนปาก ในขณะที่ถือศิลอดอยู่” อูมารตอบว่า “ ไม่เป็นไร ” ท่านรอซุลก็ตอบกลับว่า “ เหตุใดเจ้าจึงกังวลอีก”
จากกรณีศึกษานี้เราพบว่า การกียาส ( เปรียบเทียบ) เกิดขึ้นระหว่างการบ้วนปากในขณะถือศิลอด กับการหอมภรรยาในขณะถือศิลอด ทั้งสองกรณีนี้ไม่ได้ทำให้การประกอบศาสนกิจถือศิลอดนั้นเสียแต่ประดารใด
สรุป
ความสำคัญของอัลอิญมาอฺและอัลกียาสในฐานะต้นกำเนิดและที่มาของกฎหมายอิสลาม ตามที่ได้อภิปรายมาข้างต้น พอที่จะสรุปได้ว่าทั้งสองอย่างเป็นที่มาของกฎหมายที่สามารถเชื่อถือได้และนำมาปฏิบัติใน กฎหมายอิสลาม แม้ว่าน้ำหนักและความเชื่อถือของอัลอิญมาอฺและอัลกียาสไม่เท่าเทียมกัน เพราะอัลอิจญมะอฺเป็นหลักฐานปฐมภูมิ (อัลอะดิล อัลอะซาซียะฮฺ) เช่นเดียวกับอัลกุรอานและ อัลซุนนะฮฺ ส่วนอัลกียาส ถูกจัดอยู่ในหมวดของบรรดาหลักฐานที่ใช้การวิเคราะห์ทางสติปัญญาว่า บรรดาหลักฐานสืบเนื่อง (อัลอะดิลละฮฺ อัตตะบะอียะฮฺ) หรือ บรรดาหลักฐานในขั้นทุติยภูมิ แต่ก็เป็นหลักฐานของต้นกำเนิดของกฎหมายอิสลามได้เช่นกัน ตามความคิดเห็นของอูลามะฮฺส่วนใหญ่ แต่นี้สังคมในบ้านเรา ไม่ค่อยให้ความสนใจนักต่อที่มาของกฎหมายอิสลามโดยเฉพาะอัลอิจญมะอฺและอัลกียาส เป็นเพราะว่าเขาไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าว แต่เขาทราบดีในเรื่องอัลกุรอานและอัลซุนนะฮฺในฐานะที่ทั้งสองเป็นครรลองในการดำรงชีวิตของประชาชาติมุสลิมทุกคน และทุกคนจะปลอดภัยทั้งในโลกดุนยาและอาคีเราะฮฺหากเขาได้ยึดถือใน อัลกุรอาน อัลซุนนะฮฺ อิจญมะอฺ และกียาส ในฐานที่มาของกฎหมายอิสลามที่เขาได้ถือปฏิบัติ
อ้างอิง
Abu Umair, 2552 [ ออนไลน์ ] เข้าถึงได้ http://ustadzkholid.com/ushul-fiqih/ijma-sumber-hukum-islam/
สืบค้นข้อมูลเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2554
Haji Husein bin Haji Ahamad, 2002, Usulul Fiqh, Cetakan ke tiga, Pustaka Haji Abd. Majid,
Kota Bharu, Malaysia.
Khalid, 2554 [ ออนไลน์ ] เข้าถึงได้ http://ustadzkholid.com/ushul-fiqih/ijma-sumber-hukum-islam/
สืบค้นข้อมูลเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2554
……………………..,2554 [ ออนไลน์ ] เข้าถึงได้ http://www.alisuasaming.com/index.php/article/
สืบค้นข้อมูลเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น