วิพากษ์หะดีษละหมาดค่ำคืนและถือศีลอดกลางวันนิสฟูชะอฺบาน
เรียบเรียงโดย : Mukhtis Mustofa-Hadith
إِذَا كَانَتْ لَيْلَةُ النَّصْفِ مِنْ شَعْبَانَ فَقُومُوا لَيْلَهَا، وَصُومُوا نَهَارَهَا،
فَإِنَّ اللَّهَ يَنْزِلُ فِيهَا لِغُرُوبِ الشَّمْسِ إِلَى سَمَاءِ الدُّنْيَا، فَيَقُولُ : أَلَا مِنْ مُسْتَغْفِرِلِي فَأَغْفِرَ لَهُ ؟ أَلَا مُسْتَرْزِقٌ فَأَرْزُقَهُ ؟ أَلَا مُبْتَلًى فَأَعَافِيَهُ ؟ أَلَا كَذَا أَلَا كَذَا حَتَّى يَطْلُعَ الْفَجْرُ.
ความหมาย :
“เมื่อค่ําคืนนิสฟูชะอฺบานได้มาถึง พวกเจ้าจงละหมาดในค่ําคืนนั้น และจงถือ ศีลอดในช่วงเวลากลางวันของมัน แท้จริงแล้วอัลลอฮฺจะทรงลงมายังฟ้าชั้นที่ต่ำที่สุดในค่ำคืนนั้น และตรัสว่า : มีผู้ที่ขออภัยโทษต่อฉันไหม แล้วฉันจะอภัยโทษให้แก่เขา ? มีผู้ที่ขอริซกีจากฉันไหม แล้วฉันจะประทานริซกีให้แก่เขา ? มีใครที่ประสบทุกข์ยากไหม แล้วฉันจะประทานให้เขารอดพ้น ? มีผู้ใดอย่างนั้น อย่างนี้ไหม ? จนกระทั้งดวงอาทิตย์ขึ้น"
ตัครีจญ์หะดีษ :
เส้นทางที่ 1 :
หะดีษบทนี้รายงานโดยอิบนุมาญะฮ์(เสียชีวิตปี 273 ฮ) ในหนังสือ “สุนัน” หมายเลข 1388 และอัลบัยฮะกีย์(เสียชีวิตปี 458 ฮฺ) ในหนังสือ “ซุอะบุลอีมาน” หมายเลข 3542 และ “ฟะฎออิลุลเอากอต” หมายเลข 24, ด้วยสายรายงานจาก อิบนุอะบีสับเราะฮ์ จากอิบรอฮีม บิน มุหัมมัด จากมุอาวิยะฮฺ บิน อับดุลลอฮ์ บิน ญะฮ์ฟัร จากพ่อของเขา จากอะลีย์ บินอะ บีฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ด้วยสํานวนข้างต้น โดยในสายรายงานของอัลบัยฮะกีย์จะไม่มีกล่าว “จากอะลีย์ บิน อะบีฏอลิบ” และมีการกล่าว “มุหัมมัด บิน อับดุลลอฮ์ บิน ญะฮ์ฟัร จากพ่อของ เขา” แทนที่ “มุอาวิยะฮ์” อิบนุอะบีสับเราะฮ์ ชื่อจริงของเขา “อบูบักร บิน อับดุลลอฮฺ บิน มุหัมมัด บิน อะบีสับ เราะฮฺ อัลกุเราะซีย์ อัลมะดะนีย์” (เสียชีวิตปีที่ 162 ฮฺ) ซึ่งอบูดะวูด เสียชีวิตปี 275 ฮ) กล่าวว่า “เขาคือ มุฟตีเมืองมะดีนะฮ์”
ส่วน
อะลีย์ อัลมะดีนีย์ (เสียชีวิตปี 232 ฮ) อิบนุมะอื่น(เสียชีวิตปี 233 ฮ)
และอัลบุคอรีย์ (เสียชีวิตปี 256 ฮ) กล่าวว่า “เขาเฏาะอีฟ”
อิมามอะหมัด(เสีชีวิตปี 241 ฮ) กล่าวว่า “เขาเป็นคนชอบโกหก”
อันนะสาอีย์(เสียชีวิตปี 303 ฮ) กล่าวว่า “มัตรูก
อิบนุหิบบาน (เสียชีวิตปี 354 ฮฺ) กล่าวว่า “เขารายงานหะดีษเมาฎูอฺเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะจากคนที่น่าเชื่อถือ ไม่อนุญาตให้มีการบักทึกหะดีษขอบเขาและนําไปใช้เป็นหลักฐานโดยที่อิมามอะหมัดกล่าวว่า เขาเป็นคนชอบโกหก”
อิบนุอะดีย์ (เสียชีวิตปี 365 ฮฺ) “หะดีษส่วนมากที่เขารายงานล้วนแล้วไม่ถูกต้อง ซึ่งนับว่า เขาเป็นหนึ่งจากคนที่ปลอมหะดีษ
และอิบนุหะญัร (เสียชีวิตปี 856 ฮฺ) กล่าวว่า “ผู้คนตัดสินว่าเขาเป็นจอมกุหะดีษ
- (ดูหนังสือ “ตะฮ์ซีบอัตตะฮ์ซับ 4/489, ตะฮ์ซีบ อัลกะมาลฯ 33/102 และตักรีบ อัตตะฮ์ซับ 1116)
เส้นทางที่ 2 :
หะดีษบทนี้รายงานโดยอัลบัยฮะกีย์(เสียชีวิตปี 458 ฮฺ) ในหนังสือ “ชุอะบุล อีมาน” หมายเลข 3559 ด้วยสายรายงานจากอบูญะฮ์ฟัร อะหมัด บิน มุหัมมัด บิน ญาบิร จากอะหมัด บิน อับดุลกะรีม จากคอลิด อัลทิมคีย์ จากอุษมาน บิน สะอีด บิน กะษีร จากมุหัม มัด บิน อัลมุฮาญิร จากอัลหะกัม บิน อุทัยบะฮ์ จากอิบรอฮีม จากอะลีย์ ด้วยกับสํานวน
رأيت رسول الله صلى الله عليه وسلم ليلة النصف من شعبان قام فصلى أربع عشرة ركعة، ثم جلس بعد الفراغ، فقرأ بأم القرآن أربع عشرة مرة ، قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ} أربع عشرة مرة، و(قُلْ أَعُوذُ بِرَبِّ الْفَلَقِ أربع عشرة مرة، و{قُلْ أَعُوذُ بِرَبِّ النَّاسِ أربع عشرة مرة، وآية الكرسي مرة و{لَقَدْ جَاءَكُمْ رَسُولٌ مِنْ أَنْفُسِكُمْ} الآية ، فلما فرغ من صلاته، سألته عما رأيت من صنيعه قال : من صنع مثل الذي رأيت كان له كعشرين حَجَّةً مبرووةً، وصيام عشرين سنةً مقبولة
فإن أصبح في ذلك اليوم صائمًا كان له كصيام سنتين: سنةٍ ماضية، وسنةٍ مستقبلة
ความหมาย
“ฉันเห็นท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ละหมาดในค่ำคืนนิศฟูชะอ บานจํานวน 14 ร็อกอะฮ์ หลังจากนั้นท่านได้นั่ง แล้วอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ 14 ครั้ง สูเราะฮ์ อัลอิคลาศ 14 ครั้ง สูเราะฮ์อัลฟะลัก 14 ครั้ง สูเราะฮ์อันนาส 14 ครั้ง อายะฮ์กุรซีย์ 1 ครั้งและ อ่านอายะฮ์ “วะละกอดญาอะกุม เราะสูลุน มิน อันฟุสิกุม...” หลังจากเสร็จสิ้นจากการละหมาด ฉันได้ถามท่านนบีในสิ่งที่ท่านได้ปฏิบัติ ท่านนบีตอบว่า : ผู้ใดที่ปฏิบัติอย่างที่เจ้าเห็นฉันปฏิบัติ เขา จะได้รับผลบุญเท่ากับการหาฮัจญ์มับรูร 20 ปี ผลบุญการถือศีลอดที่ถูกตอบรับแล้ว 20 ปี หากเช้า รุ่งขึ้น(วันที่ 15 ซะ บาน)เขาได้ถือศีลอด เขาจะได้รับผลบุญเท่ากับการถือศีลอดสองปี คือ ปีที่ผ่าน มาและปีที่จะมาถึง”
อัลบัยฮะกีย์(เสียชีวิตปี 458 ฮ) กล่าวว่า “อิมามอะหมัด กล่าวว่า : เหมือนว่าหะดีษนี้จะ เป็นหะดีษเมาฏูย์ และเป็นหะดีษมุงกัร ในสายรายงานก่อนหน้าอุษมาน บิน สะอีด ล้วนแล้วเป็น ผู้รายงานที่มัจญ์ฮูลหรือไม่เป็นที่รู้จัก
- (ดูหนังสือ “ซุอะบุลอีมาน” หมายเลข 3559)
และผู้รายงานในสายรายงานก่อนหน้าอุษมาน บิน สะอีด ได้แก่
1) อบูญะ ฟัร อะหมัด บิน มุหัมมัด บิน ญาบิร
2) อะหมัด บิน อับดุลกะรีม
3) คอลิด อัลทิมคีย์ ล้วนแล้วเป็นผู้รายงานที่มัจญ์ ฮูลหรือไม่เป็นที่รู้จัก
- (ดูหนังสือ “ลิสาน อัลมีซาน” (1/527,609)
ส่วนอิบรอฮีม ในสายรายงาน ที่ใกล้เคียง คือ “อิบรอฮีม อัตตัยมีย์” เนื่องด้วยเขาเป็นที่รู้ กันว่ามักจะรายงานจากพ่อของเขา จากอะลีย์ บิน อะบีฏอลิบ ซึ่งจะแตกต่างกับ “อิบรอฮีม อันะ เคาะอีย์” เพราะส่วนมากแล้วเขาจะรายงานจากอาจารย์ของเขาที่เป็นเศาะหาบะฮ์ คือ อับดุลลอฮ์ บิน มัสอูด บางครั้งกี่รายงานในรูปแบบมุรสัลจากอิบนุมัสอูด จนกระทั่งมีการกล่าวว่า “มุรซัลของ เขาจากอิบนุมัสอูดนั้นเศาะฮีห์”
- (ดูหนังสือ “ญามิอ อัตตะฮ์ศีลฯ” หน้า 141-142)
ดังนั้น
ถ้าเป็นอิบรอฮีม อัตตัยมีย์ แสดงว่าเขาไม่เคยรับฟังหะดีษจากอะลีย์ จึงทําให้สาย รายงานนี้ขาดตอนระหว่าง “อิบรอฮีม” กับ “อะลีย์ บิน อะบีฏอลิบ”
- (ดูหนังสือ “อัลเมาฎอาต” (2/445),
อิบนุลเญาซีย์ (เสียชีวิตปี 458 ฮ) กล่าวว่า “หะดีษนี้เป็นหะดีษปลอม มีสายรายงานที่ อธรรมมาก เสมือนว่าผู้ที่ปลอมแปลงหะดีษนี้ได้เขียนชื่อผู้รายงานไปตามที่ตัวเองมี และได้เขียนชื่อ ผู้รายงานที่ไม่เป็นที่รู้จัก และสายรายงานยังมีผู้รายงานที่ชื่อ “มุหัมมัด บิน อัลมุฮาญัร”
ซึ่งอิบนุ บบาน กล่าวถึงเขาว่า : เขาชอบปลอมหะดีษ
- (ดูหนังสือ “อัลมัจญ์รูยืน” (2/310-311)
แต่อิบนุลเญาซีย์เข้าใจผิดว่าเขาคือ “มุหัมมัด บิน มุฮาญิร อัฏฏอละกอนีย์” เป็นที่รู้จักกัน ว่าเขาคือ “จอมปลอมแปลงหะดีษ” ซึ่งอิบนุหีบบานระบุประวัติของเขาในหนังสือ “อัลมัจญ์รูยีน” แต่ที่ถูกต้อง เขาคือ “มุหัมมัด บิน มุฮาญัร อัลอันซอรีย์ อัซซามีย์” ที่มีสถานะ “เกาะฮ์” เป็นคน ที่รายงานจากเขาโดยอุษมาน บิน สะอีด บิน กะษีร
- (ดูหนังสือ “อัลมุตตะฟิก วัลมุฟตะริก” (3/1859), “ตะฮ์ซีบ อัลกะมาลฯ” (19/377-378 .) และ “มีซาน อัลอิติดาล” (4/49 )
เส้นทางที่ 3 :
หะดีษบทนี้รายงานโดยอิบนุลเญาซีย์(เสียชีวิตปี 597 ฮฺ) ในหนังสือ “อัล เมาฎอาต” หมายเลข 1010 ด้วยสายรายงานจากฮารูน บิน สุลัยมาน จากอะลีย์ บิน อัลหะสัน จากอัษษารีย์ จากลักษ์ จากมุญาฮิด จากอะลีย์ ด้วยกับสํานวน
يَا علي من صلى مائَة رَكْعَة فِي لَيْلَة النِّصْف ، يَقْرَأُ فِي كُلِ رَكْعَةٍ بِفَاتِحَةِ الْكِتابِ وَقَل هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ عَشْرَ مَرَّاتٍ ، قَالَ النَّبِي صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسلم: يَا علي ما من عبد يصلى هَذِهِ الصَّلَوَاتِ إِلَّا قضى الله عز وَجِل لَهُ كُل حَاجَة طَلِهَا تِلْكَ اللَّيْلَةَ ، قيل : يَا رَسُول الله وَإِن كَانَ الله جعله شقيا أيجعله سعيدا قَالَ: والذى نَفسِي بِالْحَقِّ يَا على إِن مَكْتُوب فِي اللَّوْح أن فلان بن فلان خلق شقيا، ويمحوه الله عزوجل، ويجعله سعيدا ، وَيبْعَث الله إِلَيْهِ سبعين أَلْفَ مَلَكٍ يَكْتُبُونَ لَهُ الْحَسَنَاتِ عند ويمحون السَّيِّئَات ويرفعون لَهُ الدَّرَجَاتِ إِلَى رَأس السنة، وَيبْعَث الله عزوجل في جنات عدن سبعين ألف ملك أَو سَبْعمائة ألف ملك، يبنون لَهُ الْمَدَائِن والقصور ويغرسون لَهُ الاشجار مَا لَا عَيْنٌ رَأْتَ وَلَا أُذُنٌ سَمِعَتْ وَلا خَطَرَ عَلَى قلب المخلوقين مثل هَذِهِ الْجنان في كل جنَّة على ما وصفت لكم فِي الْمَدَائِن والقصور والاشجار ، فَإِن مَاتَ من ليلته قبل أن يحِيل الحول مَاتَ شَهِيدًا وَيُعْطِيهِ اللهِ تَعَالَى بِكُل
حرف من قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ في ليلته من ذلك تسعين حوراء لكل حوراء وصيف ووصيفة وسَبْعُونَ ألف عَلْمَانِ وَسَبْعُونَ ألف ولدان وَسَبْعُونَ ألفا قهارمة وَسَبْعُونَ ألفا حِجَابا، وكل مَنْ قَرَأَ قُلْ هُوَ اللَّهُ
أحد في تِلْكَ اللَّيْلَة يكتب لَهُ أجر سبعين شَهيدا، وتقبل صلاته الَّتِي صلاهَا قبل ذَلِكَ، وَتقبل مَا يصلى بغدهَا، وَإِن كَانَ والداه في النَّار دَعَا لَهما أخرجهما الله من النَّار بعد إن لم يشركا بِالله شَيْئا يدخلَانِ الْجنَّة يشفع كل وَاحِد مِنْهُم في سبعين ألفا إلى آخر ثَلَاثَ مَرَّات، قَالَ النَّبِي صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسلم : وَالَّذِي بَعَثَنِي بِالْحَقِّ إِنَّهُ لَا يَخْرُجُ مِنَ الدُّنْيَا حَتَّى يَرَى فِي الْجِنَّةَ مَا خلقه الله أو يرَاهُ، والذي بعثى بِالْحَقِّ إِن الله يبْعَث في كل سَاعَة من سَاعَاتِ اللَّيْل وَالنَّهار وهى أَربع وَعِشْرُونَ سَاعَةِ سبعين ألف ملك يسلمونَ عَلَيْهِ ويصافحونه ويدعونَ لَهُ إِلَى أن ينفخ في الصُّور، ويحشر يَوْمِ الْقِيَامَةِ مَعَ الكرام البررة وَيَأْمُر الْكَاتِبين أن لا يكتبوا على عبدى سَيِّئَة ويكتبوا لَهُ الْحَسَنَاتِ إِلَى أَن يحول عَلَيْهِ الحول، وَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسلم: من صلى هَذِه الصَّلَاة وَهُوَ يُرِيدُ الصَّلَاةِ وَالدَّارِ الْآخِرَةِ يَجْعَل الله لَهُ نَصِيبا من عِنْدِهِ تِلْكَ اللَّيْلَة
ความหมาย
“ผู้ใดที่ละหมาด 100 ร็อกอะฮ์ในค่ําคืนนิศฟูชะอฺบาน โดยอ่านอัลฟาติหะฮ์ใน ทุกโอกอะ และสูเราะฮ์อัลอิคลาส 10 ครั้ง....เขาจะได้รับทุกความปรารถนาที่เขาได้ขอในค่ําคืนนั้น ...อัลลอฮ์จะส่ง 70,000 มะลาอิกะฮ์ไปหาเขา บันทึกความดีและลบล้างความชั่วของเขา....ผู้ใดที่ อ่านซูเราะฮ์อัลอิคลาส อัลลอฮ์จะให้กับเขาทุกหุรุฟ 90 หูรุนอื่นหรือนางฟ้าในสวรรค์....
ลัยษ์ ในสายรายงาน เขาคือ “ลัยษ์ บิน อะบีสุลัยม์ อัลลัยนีย์” ซึ่งอิบนุหะญัร(เสียชีวิตปี 852 ฮ) กล่าวว่า “เขาเฏาะอีฟ และไม่สามารถนําหะดีษเขาเป็นหลักฐานได้”
- ( ดูหนังสือ “ตักรีบ อัตตะฮ์ซีบ” หมายเลข 5685 )
ส่วน “อะลีย์ บิน อัลหะสัน บิน ยะฮ์มัร อัสสามีย์ อัลมิศรีย์” ซึ่งอัดดาเราะกุฎนีย์ (เสียชีวิตปี 385 ฮ) กล่าวถึงเขาว่า “เป็นชาวอียิปต์ที่ชอบโกหก มักรายงานหะดีษบาลจาก ผู้รายงานที่ เกาะฮ์ เช่น จากมาลิก อันเนารี และอิบนุอะบีชอบ์" และอบูอับดิลลาฮ์ อัลหากิม (เสียชีวิตปี 405 ฮ) กล่าวว่า “เขามักรายงานหะดีษเมาฎูอฺ”
- (ดูหนังสือ “ลิสาน อัลมีซาน” (5/513)
อิบนุหีบบาน(เสียชีวิตปี 354 ฮ) กล่าวว่า “ไม่อนุญาตให้เขียนบันทึกหะดีษของเขา”
- (ดูหนังสือ “อัลมัจญ์รูฮีน” (2/114)
อิบนุอะดีย์(เสียชีวิตปี 365 ฮ) กล่าวว่า “และหะดีษเหล่านี้ทั้งหมดของเขาที่รายงาน จากอัษเษารีย์ ล้วนแล้วเป็นหะดีษบาฏิล ไม่มีบทใดที่ถูกต้องจากสุฟยาน อัษเษารีย์เลยแม้แต่บท เดียว” และยังกล่าวอีกว่า “หะดีษเหล่านี้ทั้งหมดและที่ฉันไม่ได้กล่าวตรงนี้ที่เป็นหะดีษของอะลีย์ บิน อัลหะสัน ล้วนแล้วเป็นหะดีษบาล หะดีษทั้งหมดล้วนแล้วไม่มีที่มา ซึ่งเขามีสถานะที่เฏาะอีฟ มากๆ’
- (ดูหนังสือ “อัลกามิล ฟี ภุอะฟาอ์ อัรริญาล” (5/210-211)
อัซซะฮะบีย์ (เสียชีวิตปี 748 ฮ) กล่าวว่า “หะดีษนี้ “บาฏิล” และอะลีย์ เป็นผู้รายงานคน หนึ่งจากผู้รายงานที่ตัดสินให้ทิ้งการบันทึกหะดีษของเขา
- (ดูหนังสือ " มีซาน อัลอิอ์ติดาล" (3/120)
เส้นทางที่ 4 :
หะดีษบทนี้รายงานโดยอัชชะญารีย์(เสียชีวิตปี 542 ฮฺ ) ในหนังสือ “อะ มาลีย์” (2/101) ด้วยสายรายงานจากอบูอิมรอน มูสา บิน อิบรอฮีม อัลมัรวะซีย์ จากมูสา บิน ญะฮ์ฟัร จากอบูญะฮ์ฟัร บิน มุหัมมัด จากมุหัมมัด บิน อะลีย์ จากอะลีย์ บิน อัลหุสัยน์ จากอะลีย์ ด้วยกับสํานวน
ในสายรายงานนี้มีผู้รายงานคนหนึ่งที่ชื่อ “อบูอิมรอน มูลา บิน อิบรอฮีม อัลมัรวะซีย์” ซึ่งอัดดาเราะกุฏนี(เสียชีวิตปี 385 ฮ) กล่าวว่า “มัตรูก”
อัลอุก็อยลีย์ (เสียชีวิตปี 322 ฮ) “มุงกร หะดีษ ไม่มีการรายงานจากเส้นทางอื่นมาสมทบการรายงานของเขา”
และอิบนุอะดีย์(เสียชีวิตปี365 ฮ) กล่าวว่า “เขามีสถานะที่มัจญ์ฮูลหรือไม่เป็นที่รู้จัก มักจะรายงานหะดีษมุงกัรจากผู้รายงานคนอื่นที่เกาะฮ์”
- ( ดูหนังสือ “อัลกามิล ฟี อะฟาอ์ อัรริญาล” (6/348), “มีซาน อัลอิติดาล” (4/199) และ “ลิสาน อัลมีซาน” (8/187-188.)
สรุปสถานะหะดีษ :
เส้นทางที่ 1 :
หะดีษบทนี้รายงานโดยอิบนุมาญะฮ์(เสียชีวิตปี 273 ฮ) ในหนังสือ “สุนัน” หมายเลข 1388 และอัลบัยฮะกีย์ (เสียชีวิตปี 458 ฮฺ ) ในหนังสือ “ชุอะบุลอีมาน” หมายเลข 3542 ซึ่งมีสถานะที่ “มัตรูกหรือเมาฎูอฺ (ปลอม)” ด้วยผู้รายงานที่ชื่อ “อิบนุอะบีสับเราะฮ์”
เส้นทางที่ 2 :
หะดีษบทนี้รายงานโดยอัลบัยฮะกีย์(เสียชีวิตปี 458 ฮฺ ) ในหนังสือ “ชุอะบุล อีมาน” หมายเลข 3559 ซึ่งมีสถานะที่ “เมาฎูอฺหรือปลอม” ดั่งที่อิมามอะหมัดและอิบนุลเญาซีย์ ตัดสินและยังมี “สายรายงานขาดตอน” ระหว่าง “อิบรอฮีม” กับ “อะลีย์ บิน อะบีฏอลิบ”
เส้นทางที่ 3 :
หะดีษบทนี้รายงานโดยอิบนุลเญาซีย์ (เสียชีวิตปี 597 ฮฺ ) ในหนังสือ “อัล เมาฎอาต” หมายเลข 1010 ซึ่งมีสถานะที่ “เมาฎูอฺ หรือปลอม” ด้วยผู้รายงานที่ชื่อ “อะลีย์ บินอัลหะสัน บิน ยะอ์มัร อัสสามีย์ อัลมิศรีย์”
เส้นทางที่ 4 :
หะดีษบทนี้รายงานโดยอัชชะญารีย์(เสียชีวิตปี 542 ฮฺ ) ในหนังสือ “อะ มาลีย์" (2/101) ซึ่งมีสถานะเป็นหะดีษ “มัตรูกหรืออ่อนมากๆ” ด้วยผู้รายงานที่ชื่อ “อบูอิมรอน มูสา บิน อิบรอฮีม อัลมัรวะซีย์” วัลลอฮุอะลัม